Skip to content

พลิกปฐพี 123-1

ตอนที่ 123-1

เรื่องที่ข้าก่อเอาไว้ข้าจะรับผิดชอบแน่นอน!

หลังจากที่ชายชราลอยลงมาจากกลางอากาศ บรรยากาศก็คึกคักขึ้นอีกรอบ

“ท่านหัวหน้า!”

“ท่านหัวหน้า!”

เสียงที่ดังขึ้นอย่างไม่ขาดสาย ดังก้องอยู่ทั่วทุกสารทิศ

“ท่านอาจารย์กลับมาแล้วอย่างนั้นหรือ” เตียวหยวนค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน และจ้องหัวชางซู่ด้วยสายตาเรียบนิ่ง นํ้าเสียงฟังไม่ออกว่ารู้สึกอย่างไร

“ท่านนี้คือท่านอาจารย์หัวอย่างนั้นหรือ” ฟ่งอวี๋กุยพึมพำ ความริษยาอันบ้าคลั่งในดวงตาแทบจะปะทุออกมา!

ที่เขาเอาใจเตียวหยวนเช่นนี้ก็เพื่อจะให้เขาแนะนำตัวเองให้กับหัวหน้าหัว และเข้าสู่สำนักของท่าน ไม่ใช่เพียงเพราะหัวหน้าหัวเป็นอาจารย์ปรุงยาระดับสูง แต่อีก

เหตุผลคือ เขาเป็นผู้ที่ถูกส่งมาจากโรงโอสถกลาง การเป็นลูกศิษย์ของเขา เป็นเบี้ยต่อรองที่ดีในการที่เขาจะแย่งชิงตำแหน่งฮ่องเต้อย่างไม่อาจจะปฏิเสธได้

แต่ว่า เพราะเหตุใด สิ่งที่เขาต้องการ เจ้ามู่เกอสมควรตายนั่นจึงต้องแย่งเขาไปเสียทั้งหมด

เมื่อนึกขึ้นได้ว่าตนเองได้ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้พบกับหัวชางซู่ และให้อีกฝ่ายรับตนเองเป็นศิษย์แต่กลับไม่ได้ผล แต่มู่ชิงเกอ เพียงแค่ปรุงยาเม็ดหนึ่ง ก็ทำให้ยอดฝีมือสองท่านของโรงโอสถปรากฏตัวและแย่งชิงกันเพื่อจะรับเขาเข้าเป็นศิษย์!

มองหัวชางซู่ที่ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้ามู่ชิงเกอ ในใจของฟ่งอวี๋กุยก็ยิ่งมีความแน่วแน่ที่จะทำให้มู่ชิงเกอไปตายอีก

ใช่สิ! ยังมีฟู่เทียนหลงอีกคน!

ฟ่งอวี๋กุยกวาดสายตาโหดเหี้ยมไปยังบริเวณที่ฟู่เทียนหลงนั่งอยู่ ‘หากไม่ใช่เพราะเขาไม่ได้เรื่อง ในตอนนี้มู่เกอจะได้มีหน้ามีตาเช่นตอนนี้ได้อย่างไร ทุกอย่างล้มเหลวเพราะมัน! ผู้ที่ทรยศเขาล้วนสมควรตาย!’

“มู่เกอ เจ้าจะยอมเป็นศิษย์ข้าหรือไม่” หลังจากที่หัวชางซูพุ่งมา เขาไม่มองโหลวชวนป่ายเพียงแม้แต่เสี้ยวสายตา พลันพูดกับมู่ชิงเกออย่างตรงไปตรงมา

เพียงแต่ว่า ไม่รอให้มู่ชิงเกอได้ตอบกลับ โหลวชวนป่ายก็เผยรอยยิ้มจาง ๆ “ท่านหัวหน้า ไม่ได้พบกันนานนะ”

ในตอนนี้ หัวชางซู่ราวกับเพิ่งเห็นโหลวชวนป่าย พลันมองเขาด้วยสายตาเย็นชา และพูดด้วยน้ำเสียงอันแนบนิ่งว่า “ที่แท้ก็ท่านอาจารย์โหลวนี่เอง ทำไมรึ ท่านไป ท่องโลกกว้างมิใช่หรือ ช่างกลับมาได้ถูกเวลาเสียจริงนะ”

“แน่นอนว่าถูกเวลาและนี่ก็หมายความว่า ข้าและพ่อหนุ่มผู้นี้มีวาสนาต่อกัน!” โหลวชวนป่ายพูดพร้อมรอยยิ้ม ราวกับไม่รับรู้ถึงการเยาะเย้ยที่แฝงอยู่ในคำพูดของหัวชางซู่

หัวชางซู่หรี่ตาลง ในแววตามีความเย็นชาปรากฏออกมา และพูดอย่างเย็นเยียบว่า “ เข้ามาอยู่ในโรงโอสถของข้าก็แสดงว่ามีวาสนากับข้า เหตุใดท่านอาจารย์โหลวจึงได้บอกว่ามีวาสนากับท่าน”

อัฒจันทร์ เสียงวิพากษ์วิจารณ์ค่อย ๆ เงียบลง เพราะว่าทุกคนล้วนได้กลิ่นเชื้อเพลิง ที่ค่อย ๆ ปะทุขึ้นจากท่านอาจารย์ทั้งสอง

จ้าวหนานซิงโน้มตัวเข้าไปใกล้เหมยจื่อจ้งแล้วพูดพร้อมรอยยิ้มว่า “เริ่มแล้ว”

เหมยจื่อจ้งพยักหน้าอย่างแนบนิ่ง หว่างคิ้วฉายความเคร่งขรึม

ครู่หนึ่ง เขาจึงพูดอย่างเป็นกังวลว่า “ ศิษย์น้องมู่ผู้นี้ ความสามารถใกล้เคียงกับปีศาจโดยแท้ ในตอนนี้สามารถปรุงยาระดับสูงที่มีคุณภาพสูงสุดได้ หากจะเข้าสู่ระดับจิตวิญญาณก็คงอีกไม่นาน ความสามารถระดับพลิกฟ้าเช่นนี้ ท่านอาจารย์ไม่ยอมเสียไปเป็นแน่ แล้วหัวหน้าจะยอมได้อย่างไร”

จ้าวหนานซิงพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “ศิษย์พี่พูดถูก ดูเหมือนว่าในการแย่งชิงในครั้งนี้จะดุเดือดเป็นอย่างมาก”

“ หากว่าก่อนหน้านี้ ข้าสามารถทำให้ศิษย์น้องมู่ตอบตกลงจะเข้าสู่สำนักของเราได้จะดีเพียงใดนะ” เหมยจื่อจ้งถอนหายใจ หากว่าก่อนหน้านี้มู่ชิงเกอได้ตัดสินแล้วว่าจะอยู่ฝั่งใด ในวันนี้หัวชางซู่ก็ไม่อาจจะห้ามได้เลยแม้แต่น้อย

สำหรับพวกเหมยจื่อจ้งทั้งสามคนแล้ว แน่นอนว่าท่านอาจารย์ของตนเองดีที่สุดและเก่งกาจมากที่สุด ในทางกลับกันฝั่งของหัวชางซู่มีลูกศิษย์จำนวนมาก มีทั้งดีและร้ายปะปนกัน หัวชางซู่จะมีเวลามาสนใจทีละคนได้อย่างไร ล้วนเป็นศิษย์นำศิษย์ด้วยกัน นี่ก็คือเหตุผลว่าทำไมเตียวหยวนถึงมีอำนาจมากถึงเพียงนี้ เพราะเขาเป็นลูกศิษย์คนโตของหัวชางซู่ เพราะฉะนั้น นอกจากหัวชางซู่แล้ว เขาก็เป็นคนออกคำสั่งทุกอย่างในสำนัก!

สัมผัสได้ถึงความกังวลในใจของเหมยจื่อจ้ง จ้าวหนานซิงจึงพูดปลอบว่า “เรื่องบางเรื่องไม่ใช่เรื่องที่ข้าและท่านจะสามารถควบคุมได้ เราต้องเชื่อในตัวท่านอาจารย์ของเรา หัวหน้าหัวต่อต้านท่านอาจารย์มานานหลายปี หากว่าท่านอาจารย์ไม่ได้มีความสามารถมากพอ จะรอดพ้นมาได้อย่างไร”

เหมยจื่อจ้งเพียงแค่พยักหน้าและสงบสติอารมณ์แล้ว มองความเคลื่อนไหวบนเวทีประลองต่อไป

โหลวชวนป่าย หัวชางซู่ ผู้ที่มีความสำคัญมากที่สุดของโรงโอสถล้วนแย่งลูกศิษย์อย่างมู่เกอ เรื่องโชคดีเช่นนี้ เหตุใดจึงไม่เกิดขึ้นกับตนเอง นี้เป็นความในใจของลูกศิษย์จำนวนมากในโรงโอสถ สายตาที่มองไปยังมู่ชิงเกอเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยาอย่างชัดเจน

หญิงสาวที่หลงใหลในความงามของมู่ชิงเกอในตอนนี้ยิ่งภาคภูมิใจและรู้สึกว่า ศิษย์น้องมู่ของตนเอง ไม่เพียงแค่งดงาม มีความองอาจแต่ยังเต็มเปี่ยมไปด้วยความสามารถ! และที่สำคัญความอัจฉริยะก็ทำให้กลายเป็นที่จับตามองของผู้มีอำนาจมากที่สุดทั้งสองคนของโรงโอสถ แน่นอนว่าจะต้องโดดเด่นขึ้นกว่าเดิม!

ทันใดนั้นระดับของมู่ชิงเกอในใจของลูกศิษย์สาวทั้งหลายก็ได้ขึ้นไปอยู่ในขั้นที่เทียบเท่ากับเหมยจื่อจ้ง

“พวกเจ้าคิดว่าศิษย์น้องมู่เก่งกาจมากถึงเพียงนี้จะได้กลายเป็นนักปรุงยาระดับจิตวิญญาณคนแรกในโรงโอสถสาขาย่อยของเราหรือไม่!”

“เรื่องนี้มีความเป็นไปได้สูงมาก ในตอนนี้เขาเป็นนักปรุงยาระดับสูงเหมือนกับศิษย์พี่เหมยและเพิ่งจะเข้าสู่โรงโอสถ ทั้งความแข็งแกร่งด้านพลังจิตของเขาอีก…สวรรค์ ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าเขาสูงส่งจนไม่อาจจับต้องได้ ทำอย่างไรดีเราไม่มีโอกาสแล้วใช่หรือไม่”

“อย่าได้หลงเขาไป ไม่เห็นหรือว่าศิษย์น้องมู่ยกยาระดับสูงให้กับศิษย์พี่ซางกับมือ หืม หรือว่าศิษย์น้องมู่ของเราเองก็ไม่อาจรอดจากความน่าเย้ายวนของหญิงงาม อันดับหนึ่งแห่งโรงโอสถ”

“ก็ไม่แน่ ศิษย์น้องมู่บอกแล้วไม่ใช่หรือว่า เพียงแค่เป็นการไถ่โทษ ไม่แน่ว่า เขาอาจจะชอบข้า!”

“นี่ ข้าว่าพวกเจ้าเงียบๆ หน่อยดีกว่า จะพูดก็พูดเรื่องมีสาระหน่อย!” มีชายผู้หนึ่งทนฟังต่อไปไม่ไหว จึงได้เอ่ยห้าม พลันเชิดหน้าขึ้น “เช่น ในสถานการณ์เช่นนี้ ศิษย์น้องมู่ของพวกเจ้าจะเลือกใครเป็นอาจารย์”

ทันทีที่สิ้นเสียงของเขา เปลวเพลิงแห่งความแค้นในสายตาของเหล่าหญิงสาวก็แปรเปลี่ยนเป็นความชื่นชม

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version