ตอนที่ 128-4
แผนร้ายของเตียวหยวน
จูหลิงกัดปากริมฝีปากอันขาวซีดถูกนางกัดจนมีโลหิตซึมออกมา เสียงของนางเย็นเยียบลงหลายระดับ เจือมาด้วยความคับแค้นว่า “ยาถอนพิษของยาหุ่นเชิด” “ยาหุ่นเชิดอย่างนั้นหรือ” มู่ชิงเกอรู้สึกแปลกใจ ปฏิกิริยาของนาง ทำให้จูหลิงรู้สึกตื่นเต้น “ศิษย์น้องมู่ รู้จักหรือ”
มู่ชิงเกอพยักหน้าเบาๆ “เมื่อครู่นี้ข้าเพิ่งลงมาจากชั้นเจ็ด”
จูหลิงอึ้ง และพูดอย่างอิจฉาในทันทีว่า “ศิษย์น้องมู่มีความสามารถมากนัก ถึงขั้นสามารถเข้าออกชั้นเจ็ดได้ตามสะดวก” คำขอร้องก่อนหน้านี้ของนาง คือให้มู่ชิงเกอคิดหาวิธีขึ้นไปบนชั้นเจ็ด แต่ไม่คิดว่านางจะไปมาแล้ว
“ในเมื่อศิษย์น้องมู่รู้ว่ายาหุ่นเชิดคืออะไร ศิษย์พี่ก็จะไม่ปิดเจ้าแล้ว” จูหลิงเอนตัวลงบนชั้นวางอีกครั้ง พลันเผยรอยยิ้มที่แฝงความเศร้าใจ “ข้าถูกบังคับให้กินยาหุ่น เชิด”
สายตาของมู่ชิงเกอฉายความเคร่งขรึม พลัน เม้มริมฝีปากเบาๆ
จูหลิงพูดอย่างอ่อนแรงว่า “ศิษย์น้องรู้ว่ายาหุ่นเชิดเป็นอย่างไร ก็คงจะรู้ฤทธิ์ของมัน ตอนนี้ข้าใช้สมุนไพรทำให้ตัวแมลงหลับไป จึงไม่เป็นอันตรายอันใดมากนักชั่วคราว แต่ข้าก็ไม่รู้ว่าจะต้านได้อีกนานเท่าไหร่ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ข้าจะสูญเสียสติสัมปชัญญะและกลายเป็นหุ่นเชิดของผู้อื่น”
“ท่านจึงไม่ให้ข้าพาท่านไปหาศิษย์พี่ซาง เพราะกลัวว่า หากยาควบคุมหมดฤทธิ์ท่านจะทำร้ายนางอย่างนั้นสินะ และที่ท่านมาให้ข้าช่วย เพราะอยากจะหาสูตรยา ถอนพิษและทำการปรุงเพื่อถอนพิษด้วยตนเองใช่หรือไม่” มู่ชิงเกอพูด
จูหลิงพยักหน้าเบาๆ
สีหน้าของนางดูซับซ้อนและพูดว่า “ข้าไม่อยากเป็นหุ่นเชิด และยิ่งไปกว่านั้นคือไม่อยากทำร้ายจื่อซู หากไม่สามารถถอนพิษได้ ข้าขอให้ศิษย์น้องมู่ฆ่าข้าเสีย เพื่อให้ข้าได้หลุดพ้นและเพื่อป้องกันไม่ให้ข้าตกเป็นเครื่องมือของใคร แล้วทำเรื่องฝืนใจตนเอง”
คิดไม่ถึงว่าจูหลิงจะเป็นคนที่เด็ดเดี่ยวเช่นนี้
มู่ชิงเกอค่อยๆ คุกเข่าลง และพูดกับจูหลิงว่า “สูตรยาหุ่นเชิดข้าได้อ่านมาแล้ว และแน่นอนว่ารู้สูตรยาถอนพิษ ศิษย์พี่อย่าได้เป็นกังวลไป”
“เจ้าพูดจริงหรือ!” จูหลิงได้ยินเช่นนั้นก็ตื่นเต้นขึ้นมา มู่ชิงเกอพยักหน้าอย่างแน่วแน่ และพูดเบาๆ ว่า “ท่าน เล่ามาก่อนว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่ใครวางยาหุ่นเชิดกับท่าน”
ความเคียดแค้นเกิดขึ้นในสายตาของจูหลิง นางพูดด้วยความเจ็บปวดอันหาที่เปรียบมิได้ “นอกจากเตียวหยวนแล้ว ยังจะเป็นใครได้อีกล่ะ” แล้วยิ้มอย่างสิ้นหวัง “แต่ข้ากลับรู้ว่า ยาหุ่นเชิดนั้นคือยาที่ท่านอาจารย์ของข้าปรุงขึ้น…”
มู่ชิงเกอเข้าใจแล้ว
คนที่วางยาที่โหดเหี้ยมถึงเพียงนี้กับจูหลิง คงจะหนีไม่พ้นเตียวหยวนและหัวชางซู่
แต่ว่า———-
“เพราะเหตุใด” มู่ชิงเกอถาม
จูหลิงฝืนยิ้มออกมา และพูดด้วยนํ้าเสียงอันแผ่วเบาว่า “เมื่อวานหลังจากที่ข้ากลับมา ก็ไปสืบความเคลื่อนไหว ข้าเกรงว่าเตียวหยวนจะไปหาเรื่องจื่อซู แต่ไม่คิดว่า เตียวหยวนจะถูกท่านอา….ถูกหัวชางซู่เรียกตัวไป”
เมื่อพูดถึงหัวชางซู่ ในสายตาของจูหลิงก็เผยให้เห็นความหมดหวังและไม่เรียกเขาว่าท่านอาจารย์อีก
“ข้ารออยู่ข้างนอก จนเตียวหยวนออกมา ตอนแรกเขาได้ข่มขู่ข้า แต่ข้าไม่ได้สนใจ คิดไม่ถึงว่าเช้านี้ อยู่ๆ เขาก็มาหาข้า ให้ข้าไปอยู่กลุ่มเดียวกับจื่อซูในการทดสอบ ตอนนั้นข้ารู้สึกแปลกใจ ความสนิทสนมของข้าและจื่อซู ทุกคนล้วนรู้ดี แต่กลับมีเตียวหยวนที่ไม่พอใจมาตลอด เหตุใดเขาจึงมีข้อเสนอเช่นนี้ ข้าจึงปฏิเสธไป เขาเองก็ ไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงเอายาออกมาเม็ดหนึ่ง บอกว่าเป็นยาที่เพิ่งปรุงขึ้นใหม่ ให้ข้าชื่นชม ข้าไม่ระวังตัว และไม่คิดว่าเขาจะฉวยโอกาสลอบกัดข้า ควบคุมตัวข้าเอาไว้และให้ข้ากินยาหุ่นเชิดเข้าไป” พูดถึงตอนท้าย ใบหน้า ของจูหลิงก็ดูบิดเบี้ยวน่ากลัว
เกรงว่า นางอาจจะต้องพบเจอกับเรื่องไม่ดีอีกมากมายระหว่างนั้น เพียงแต่นางไม่ยอมพูด
สายตาของมู่ชิงเกอกวาดมองเสื้อผ้าที่ยับยู่ยี่ของนาง ในใจแอบคาดเดาอะไรบางอย่าง
“ข้าวิ่งหนีออกมาสุดชีวิต ได้ยินเพียงเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งของเขา บอกว่าข้าหนีไม่พ้นนํ้ามือของเขา สักวันข้าจะซมซานกลับไปหาเขาด้วยตนเอง และฟังคำสั่งทุกอย่างของเขา” จูหลิงพูดจบ ก็ราวกับหมดแรง
“เขาคิดจะทำอะไร” มู่ชิงเกอถาม
จูหลิงส่ายหน้า “เขาไม่ได้บอก แต่คงเป็นเรื่องดีไปไม่ได้ แม้เขาจะปกปิดอย่างดี แต่ข้ารู้ว่าเขาคิดไม่ซื่อกับจื่อซูมานานแล้ว อีกประการหนึ่ง เขาอิจฉาศิษย์พี่เหมยมาก ไม่แน่ว่าจะใช้ข้าในการสำเร็จเป้าหมายที่ไม่อาจบอกใครได้”
มู่ชิงเกอเม้มปากคิด
ดูเหมือนว่า การทดสอบในครั้งนี้ เตียวหยวนคิดจะจัดการทุกอย่าง ใช้โอกาสนี้ในการกวาดล้างทุกคนที่เขาไม่ชอบหน้า
วางยาหุ่นเชิดกับจูหลิง ก็คงเพื่อจะใช้ความสัมพันธ์อันดีระหว่างนางและซางจื่อซูเป็นโอกาสในการเข้าใกล้กลุ่มของพวกเขาและสังหารเมื่อมีโอกาสอันสมควร แผนการเช่นนี้ มู่ชิงเกอสามารถเดาออกได้อย่างง่ายดาย
นางมองจูหลิงและพูดกัปนางว่า “ยาหุ่นเชิดถือเป็นยาระดับสูง ท่านจึงคิดว่าเป็นยาที่ท่านอาจารย์ของท่านปรุงขึ้นอย่างนั้นหรือ”
จูหลิงพยักหน้าอย่างแรง และกัดริมฝีปากพูดว่า “ไม่ใช่แค่คิด แต่ข้ามั่นใจ ข้าเคยเห็นหัวชางซู่ศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับยาหุ่นเชิดมาช่วงหนึ่ง ถึงเตียวหยวนจะเก่งกาจ มากเพียงใด ก็ไม่อาจจะขโมยจากเขามาได้ แน่นอนว่าหัวชางซู่จะต้องสั่งการอยู่เบื้องหลัง หัวชางซู่และท่านปรมาจารย์โหลวชิงดีชิงเด่นกันมานานหลายปี ในวันนี้ วันคัดเลือกผู้ส่งยาให้ไปที่โรงโอสถกลางได้ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ หากอยากจะจัดการปรมาจารย์โหลว สำหรับหัวชางซู่แล้วนี่เป็นโอกาสดีแน่นอน”
“ท่านรู้สูตรยาถอนพิษยาหุ่นเชิดแล้วจะทำอย่างไร ท่านปรุงยาระดับสูงได้หรือ” มู่ชิงเกอถาม
จูหลิงก้มสายตาลง และพูดเบาๆ ว่า “ตอนแรกข้าคิดจะบุกเข้าชั้นเจ็ด เพื่อหาสูตรยา และขอให้ศิษย์พี่เหมยหรือไม่ก็ท่านปรมาจารย์โหลวปรุงให้ หากปรุงไม่สำเร็จ ข้าก็ยอมตายด้วยนํ้ามือของพวกท่าน แต่มาเจอศิษย์น้องมู่ ถือเป็นโชคดีของข้า ข้าไม่รู้ว่าฤทธิ์ของสมุนไพรจะยังสามารถควบคุมแมลงได้ต่อไปหรือไม่ หากข้าไม่ได้รับการถอนพิษ ก็ขอให้ศิษย์น้องมู่ฆ่าข้าเสีย’’
“ข้าสามารถถอนพิษให้กับท่านได้” อยู่ๆ มู่ชิงเกอก็พูดขึ้น
“อะไรนะ!” จูหลิงเงยหน้าขึ้นมองนางด้วยดวงตาที่มีหยาดนํ้าตานองอยู่
นางเคยคิดว่าจะให้มู่ชิงเกอปรุงยาให้ แต่ไม่มีเหตุผลที่จะขอความช่วยเหลือเขา
แต่ไม่คิดว่า อีกฝ่ายจะเสนอออกมาเอง
“ข้าสามารถถอนพิษให้กับท่านได้ แต่ท่านจะต้องรับปากข้าเรื่องหนึ่ง” มู่ชิงเกอพูดถึงอีกครั้ง
จูหลิงพยายามพยุงร่างกายอันอ่อนแรง และพูดกับมู่ชิงเกอว่า “ศิษย์น้องมู่เจ้าว่ามาเถิด อย่าว่าแต่เรื่องเดียว สิบเรื่อง ร้อยเรื่อง ข้าก็รับปากเจ้า!”
มู่ชิงเกอส่ายหน้าเบาๆ “ไม่จำเป็น ท่านเพียงรับปากเรื่องเดียวก็พอ”
“ได้!” จูหลิงเองก็เป็นคนเด็ดเดี่ยว ไม่ได้มากความเพราะเรื่องนี้อีก
หลังจากที่สิ้นเสียงของนาง อยู่ๆ จูหลิงก็เอามือจับหัว และร้องอย่างเจ็บปวดขึ้นมา
นางล้มลงกับพื้น ร่างกายโค้งงอเจ็บปวดจนเอาหัวโขกกับพื้นอย่างรุนแรง ราวกับอยากจะเปิดศีรษะออก
สายตาของมู่ชิงเกอเฉียบคมขึ้น และรับรู้แล้วว่าแมลงได้ตื่นขึ้นแล้ว