ตอนที่ 128-3
แผนร้ายของเตียวหยวน
แม้ว่านางจะใช้แรงมากเพียงใด พลังนี้ก็สามารถใช้แรงที่เทียบเท่ากันผลักนางออกมา
ขมวดคิ้วครู่หนึ่ง มู่ชิงเกอไม่ได้พุ่งชนอย่างบ้าบิ่นอีก แต่คิดหาวิธีอื่นที่จะสามารถเข้าไปได้
หยุดคิดครู่หนึ่ง นางพลันตาเป็นประกายขึ้นมาริมฝีปาก อันแดงก่ำค่อยๆ กระตุกขึ้น
ในตอนนี้ บริเวณหน้าประตูชั้นเจ็ดไม่มีใครเลย ชั้นบนสุดของหอตำรายาเงียบจนน่ากลัว มู่ชิงเกอยืนอยู่นอกชั้นเจ็ด พลังอันมหาศาลถูกปล่อยออกจากหว่างคิ้วของนาง กระจายออกไปรอบ ๆ ราวกับแมลงจำนวนมหาศาล
ไม่นาน พลังนั้นได้ปกคลุมทั่วร่างกายของนางเอาไว้ ราวกับกระจายออกไปยังพลังล่องหนบริเวณประตู
ทันใดนั้น มู่ชิงเกอก็เบิกตาขึ้นโต ในส่วนลึกของดวงตาอันสว่างแฝงความเย็นเยียบ
ในวินาทีนั้นเอง ราวกับว่าในดวงตาของนางมีเพียงแค่ความตื่นตัว ราวกับไม่เหลือร่องรอยความเป็นมนุษย์อยู่
มู่ชิงเกอยกขาขึ้น ก้าวเข้าไปยังประตู มนต์ต้องห้ามก่อนหน้านี้ได้หายไปแล้ว ทำให้นางก้าวเข้าประตูไปอย่างง่ายดาย
จากนั้น นางก็เดินเข้าไปใกล้อีกก้าว ร่างกายข้ามผ่านแสงอันล่องหนและเดินเข้าชั้นเจ็ดไป จนกระทั่งร่างกายของนางทั้งร่างกายเข้าไปอยู่ในชั้นเจ็ด พลังที่ถูกปล่อยออกมาก็กระจายและกลับสู่ระหว่างคิ้วของนาง
ในตอนนี้เอง ในดวงตาอันเย็นเยียบของนาง ราวกับได้คืนสู่ความเป็นมนุษย์ ยกมือขึ้นลูบระหว่างคิ้วของตนเอง มู่ชิงเกอพึมพำว่า “ราวกับว่าหลังจากที่ดูดกลืนวงแสงไป พลังจิตก็เปลี่ยนไป หากบอกว่าระดับพลังจิตเมื่อก่อนเสมือนเด็กทารก ถ้าเช่นนั้นในตอนนี้ก็ได้กลายเป็นเด็กที่กำลังหัดเดิน มู่ชิงเกอสัมผัสได้ถึงระดับของพลังจิตที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจนทำให้นางแสดงความพอใจโดยการพึมพำออกมา “เรื่องดีๆ เช่นนี้ จะมาอีกกี่ครั้งก็คงไม่เป็นอะไร! ไม่แปลกที่เตียวหยวนจะโหยหาวงแสงนั้น”
ตัดขาดจากสิ่งที่กำลังรู้สึก มู่ชิงเกอจึงได้มีเวลาพินิจชั้นเจ็ดอันลึกลับนี้อย่างละเอียด
ชั้นเจ็ดนี้ไม่ใหญ่มากนัก ชั้นวางหนังสือที่วางอยู่ก็น้อยมาก และหนังสือก็น้อยเป็นอย่างมาก
มู่ชิงเกอเดินเข้ามา หยิบหนังสือออกมาเล่มหนึ่ง
ทันใดนั้น นางก็หรี่ตาลงและหลุดพูดออกมาว่า “ตำรายาพิษ!”
จากนั้น นางก็หยิบหนังสือออกมาอีกหลายเล่ม และล้วนเป็นตำราที่เกี่ยวข้องกับยาพิษ
มีตำราแนะนำยาพิษหมื่นกว่าชนิดในโลกนี้ ทั้งยังมีการแจกแจงยาพิษชนิดต่างๆ รวมทั้งสูตรยาพิษ
มู่ชิงเกอตะลึงเป็นอย่างมาก!
นางไม่คิดว่า ในชั้นเจ็ดนี้ จะมีตำราเกี่ยวกับการปรุงยาพิษซ่อนอยู่
เชื่อมโยงไปถึงคำพูดของซ่งอวี้ ผู้เป็นสิบอันดับแรก ล้วนมีโอกาสเข้าไปอ่านหนังสือบนชั้นเจ็ด มู่ชิงเกอราวกับกระจ่างขึ้นมาแล้วว่า เหตุใดเตียวหยวนจึงมียาทำลายพลังจิต ยาพิษอันโหดเหี้ยมเช่นนั้น
หรี่ตาทั้งคู่ลง มู่ชิงเกอค้นหาบนชั้นเจ็ดอย่างรวดเร็ว
ไม่นาน นางก็เจอสูตรยาทำลายพลังจิตบนชั้นวาง
บนชั้นเจ็ดของหอตำรายามีข้อมูลของยาพิษอยู่ เรื่องนี้เกินจากความคาดหมายของมู่ชิงเกอจริงๆ ก่อนหน้านี้ นางไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้และไม่เคยถามใคร แน่นอนว่าไม่เคยมีใครบอกนางว่าบนชั้นเจ็ดมีอะไรซ่อนอยู่
แต่ว่า คนอย่างพวกเหมยจื่อจ้งและพวกของเตียวหยวนนั้น คนที่ให้ความสนใจกับสิ่งที่อยู่บนชั้นเจ็ดคงมีเพียงเตียวหยวนเท่านั้น
สำหรับคนอย่างเหมยจื่อจ้งแล้ว คงจะดูถูกวิธีการวางยา
คนอื่นจะเป็นอย่างไรเขาไม่สนใจ อย่างน้อย เขาก็จะไม่แอบวางยาใครเป็นแน่
มู่ชิงเกอจะบอกว่าเขาไม่ทันโลกก็ไม่ได้ เพราะทุกคนล้วนมีกฎของตนเองที่ต้องรักษา
หลังจากที่ความตะลึงในใจค่อยๆ ลดลง มู่ชิงเกอจึงเริ่มอ่านตำราบนชั้นเจ็ด สำหรับนางแล้ว ไม่ว่าจะสูตรยาหรือสูตรยาพิษก็เหมือนกัน
วิชาไม่มีดีร้าย ต่างกันเพียงแค่ใจคน
มู่ชิงเกออ่านทีหนึ่ง ก็ใช้เวลาทั้งวัน
เมื่อนางปิดตำราเล่มหนึ่งลง พลันพึมพำ แล้วก็ถอนหายใจว่า “ยาหุ่นเชิด!”
ยาหุ่นเชิดนี้โหดเหี้ยมเป็นอย่างมาก เท่าที่มู่ชิงเกอดูแล้ว เหมือนเป็นคุณไสยชนิดหนึ่ง เพราะในยามีหนอนชนิดพิเศษซ่อนอยู่ ผู้ที่กินเข้าไป หนอนจะกระจายออก มา เข้าสู่สมอง พร้อมเติบโตในนั้น ควบคุมสติและความคิด โดยผู้ที่ถูกวางยานั้นจะฟังคำสั่งทั้งหมดของผู้ที่วางยา ราวกับเป็นหุ่นเชิด
แม้จะยานี้จะเป็นยาที่โหดเหี้ยม แต่ก็ทำให้มู่ชิงเกอสนใจอยู่ไม่น้อย
เมื่อออกจากหอตำรายา ท้องฟ้าก็มืดแล้ว
มู่ชิงเกอเดินไปยังเขตที่พักของโหลวชวนป่าย แต่ไม่คิดว่าระหว่างทางจะเกือบชนกับร่างของคนที่พุ่งเข้ามาอย่างกะทันหัน
“ศิษย์พี่จู!” ท่ามกลางแสงจันทร์เมื่อเห็นใบหน้าของผู้มาเยือนชัดแล้ว มู่ชิงเกอก็พูดด้วยความแปลกใจ
ในตอนนี้ท่าทางของจูหลิงดูเหน็ดเหนื่อย ใบหน้าขาวซีด และฉายความกระวนกระวาย นางเงยสายตาขึ้นมองมู่ชิงเกอ สายตาที่ดูหมดหวังเกิดความหวังขึ้นมาในทันที “ศิษย์น้องมู่ช่วยข้าด้วย!”
สายตาของมู่ชิงเกอพลันเปลี่ยนไป และถามว่า “ท่านเป็นอะไร”
จูหลิงมองไปรอบๆ พลันพูดกับมู่ชิงเกออย่างกระวนกระวายว่า “คุยที่นี่คงไม่เหมาะ เจ้าพาข้าออกไปก่อน”
สายตาของมู่ชิงเกอเปลี่ยนไปในทันที ไม่ได้ถามอะไรมาก เพียงพยักหน้า
แต่ทว่า จูหลิงกลับพูดต่อว่า “อย่าพาข้าไปหาจื่อซู ข้า…กลัวว่า…ข้ากลัวว่า…”
ท่าทางที่ราวกับมีอะไรจะพูดแต่ไม่สามารถพูดได้ของนาง มู่ชิงเกอเพียงตอบเบาๆ ว่า “เข้าใจแล้ว”
จากนั้น นางก็พาจูหลิงหายไปจากที่แห่งนั้น และกลับไปที่หอตำรายาที่อยู่ใกล้กับที่นั้นมากที่สุด
ในตอนนี้ บริเวณหอตำราไม่มีใครอยู่เลย ถือได้ว่าเป็นที่ๆ ปลอดภัย
มู่ชิงเกอพาจูหลิงขึ้นไปบนชั้นสี่ หลังจากที่วางนางลงกับพื้น จึงถามว่า “ศิษย์พี่จู ท่านเป็นอะไรไป”
จูหลิงพิงชั้นวางหนังสือที่อยู่ข้างหลังอย่างอ่อนแรง ไรผมได้เปียกปอนเพราะเหงื่อ นางเผยรอยยิ้มที่ฉายความเจ็บปวด สำหรับคำถามของมู่ชิงเกอนางไม่ได้ตอบตามตรง แต่กลับพูดว่า “ศิษย์น้องมู่ เจ้าช่วยข้าอีกเรื่องได้หรือไม่”
ความประทับใจที่มู่ชิงเกอมีต่อจูหลิงนั้นถือว่าไม่เลว จึงไม่ได้ปฏิเสธ
ความเงียบของนาง ทำให้จูหลิงมีความหวังขึ้นอีกครั้ง
นางดันพื้นเอนตัวไปข้างหน้า และเงยหน้าขึ้นมองมู่ชิงเกออย่างอ้อนวอนว่า “ศิษย์น้องมู่เป็นนักปรุงยาระดับสูง ขึ้นไปหาสูตรยาสูตรหนึ่งให้ข้าได้หรือไม่”
“สูตรยาอันใด” มู่ชิงเกอขมวดคิ้วเล็กน้อย