Skip to content

พลิกปฐพี 123-3

ตอนที่ 123-3

เรื่องที่ข้าก่อเอาไว้ข้าจะรับผิดชอบแน่นอน!

หลังจากที่ทุกคนจากไป จูหลิงจึงหยุดสายตาลงบนมือที่วางอยู่บริเวณหน้าอกของมู่ชิงเกอ สิ่งของของหญิงสาวเหล่านั้น กองกันเป็นภูเขา

จูหลิงอดยิ้มไม่ได้จึงแซวว่า “ศิษย์น้องมู่จะถือของเหล่านี้จนถึงเมื่อไหร่”

มู่ชิงเกอกระตุกมุมปาก

เจ้าของสิ่งของเหล่านี้ได้จากไปไกลแล้ว หากว่าทิ้งเอาไว้

เช่นนี้ไม่แน่ว่าหญิงสาวพวกนั้นอาจจะฉีกตัวนางออกเป็นชิ้น ๆ แต่ว่า หากหอบเอาไว้เช่นนี้ ก็สร้างความอึดอัดจริง ๆ

และในขณะนี้เอง เว่ยฉีก็ถูกเว่ยกว่านกว่านถีบออกมา “มู่เกอ พี่ชายข้าจะช่วยท่านถือของพวกนี้”

“ก็ดี” มู่ชิงเกอยิ้มออกในทันที

เว่ยฉีทำอะไรไม่ได้ทำได้เพียงเดินเข้าไปอย่างไม่ชอบใจ และรับของกองโตของหญิงสาวจากมือมู่ชิงเกอ

“นี่…นี่อะไร” เว่ยฉีหอบของทั้งหมดเอาไว้ และดึงผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งขึ้นมา พลางพูดอย่างสงสัยว่า “ผ้าเช็ดหน้าผืนนี้แปลกจัง มีเสื้อมัดอยู่ด้วย” จากนั้นก็ยกขึ้นดม “หอมมากเลยนะเนี่ย”

แต่ว่า ในขณะที่เขาดึงผ้าทั้งผืนออกมา ก็นิ่งไปและใบหน้าแดงกํ่าขึ้นมาในทันที

เว่ยกว่านกว่านลืมตาโต พูดด้วยความรู้สึกทั้งโกรธทั้งอายว่า “เจ้าเว่ยฉี เจ้า…เจ้าคนลามก!”

พวกสุ่ยหลิงอึ้งจนอ้าปากค้างและอายอย่างเป็นที่สุด

จูหลิงและมู่ชิงเกอก็ตะลึงเช่นกัน

‘เอี๊ยมชั้นใน!’ มู่ชิงเกอเรียกชื่อของสิ่งนั้นในใจ พลันพูดอย่างใจเสียว่า “ใครกันที่เอาของลับเช่นนี้ให้คนอื่น บ้าหรือเปล่าเนี่ย!”

จูหลิงยิ้มค้าง แต่นางกลับไม่ได้รู้สึกเขินอายเหมือนเว่ยกว่านกว่านและสุ่ยหลิง เพียงแค่มองมู่ชิงเกออย่างรู้สึกขบขันและพูดว่า “ดูเหมือนว่ามนุษย์สัมพันธ์ของศิษย์น้องมู่จะดีมากจริง ๆ”

มู่ชิงเกอกระตุกมุมปากอย่างแรงทีหนึ่ง “ศิษย์พี่จูก็ชมเกินไป”

เอี๊ยมชั้นในที่อยู่ในมือของเว่ยฉี ราวกับของร้อนที่เขาจับไม่ได้และทิ้งไม่ลง เขายืนอึ้งอยู่กับที่ และส่งสายตาขอความช่วยเหลือให้กับน้องสาว

เว่ยกวานกว่านทำอะไรไม่ได้จึงรับชุดชั้นในจากมือของเขาอย่างรังเกียจ ก่อนจะโยนทิ้งไปอีกข้างอย่างรวดเร็ว

สิ่งนั้นนางไม่ต้องการหรอก!

จูหลิงเผยรอยยิ้ม แต่ไม่ได้พูดอะไร เพียงมองมู่ชิงเกอและถามว่า “ศิษย์น้องมู่ตอนนี้ว่างหรือไม่”

มู่ชิงเกอคิดทบทวนครู่หนึ่ง แล้วจึงพยักหน้า

รอยยิ้มของจูหลิงฉายความน่าเย้ายวนมากกว่าเดิม พลันพูดเชิญชวนมู่ชิงเกอว่า “ถ้าเช่นนั้น ศิษย์น้องมู่ไปกับข้าได้หรือไม่”

มู่ชิงเกอจึงบอกทุกคนว่า “พวกเจ้ากลับไปก่อน”

แม้ว่าเว่ยกว่านกว่านจะไม่ไว้ใจ แต่ก็ถูกเว่ยฉีลากตัวกลับไป

หลังจากที่ทุกคนจากไปแล้ว มู่ชิงเกอจึงเดินมาถึงที่สงบเงียบแห่งหนึ่งเพราะการนำทางของจูหลิง ราวกับว่า จูหลิงเองก็ไม่ได้อยากให้ใครรู้ว่านางมาหามู่ชิงเกอ จึงได้จงใจเลือกสถานที่ที่ไม่มีคนเช่นนี้

“ศิษย์พี่จูมาหาข้าด้วยเรื่องอันใด” มู่ชิงเกอถาม

จูหลิงพูดพร้อมรอยยิ้มว่า “ศิษย์น้องมู่เหมือนจะรีบ ถ้าเช่นนั้น ข้าเองก็ไม่อ้อมค้อม ข้าอยากให้ศิษย์น้องมู่ช่วยอะไรสักหน่อย”

มู่ชิงเกอขมวดคิ้วเล็กน้อยและรอคอยคำพูดต่อไปของนาง

“ข้าอยากจะขอให้ศิษย์น้องมู่ช่วยปรุงยาคงรูปโฉมสักเม็ด แน่นอนว่า ด้านส่วนผสมของยา เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง ข้าจะเตรียมให้ทั้งหมด” จูหลิงบอกจุดประสงค์การมาของตนเอง

สำหรับนางแล้วการจะขอร้องมู่ชิงเกอ ง่ายกว่าการขอร้องท่านอาจารย์ของตนเองหรือเหมยจื่อจ้ง

มู่ชิงเกอตกใจ นางไม่คิดว่าจูหลิงจะมาหานางด้วยเหตุผลนี้

การจะปรุงยาคงรูปโฉมอีกครั้ง สำหรับนางแล้วไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด เพียงแต่ว่าหากว่าตอบตกลงไป เช่นนี้ ต่อไปลูกศิษย์หญิงในโรงโอสถล้วนมาให้นางช่วยปรุงยาคงูปโฉมให้จะทำอย่างไร

“ศิษย์พี่จู…”

“ศิษย์น้องมู่วางใจเถอะ เรื่องที่ข้าให้เจ้าปรุงยาในวันนี้ จะไม่ถูกเปิดเผยและไม่ทำให้ศิษย์น้องมู่ต้องเดือดร้อนในวันข้างหน้าเป็นแน่” จูหลิง ราวกับรู้ว่ามู่ชิงเกอกำลังเป็นกังวลเรื่องอันใดจึงได้ขัดจังหวะคำพูดที่จะปฏิเสธในตอนแรกของนาง

มู่ชิงเกอยิ้ม พลันตาเป็นประกาย “ศิษย์พี่จูพูดเช่นนี้แล้ว ข้าเองก็ทำได้เพียงแค่ยอมรับ”

พอมู่ชิงเกอกลับมาที่บ้านต้นไม้ เว่ยกว่านกว่านกลับยืนรอนางอยู่หน้าประตู

มู่ชิงเกอพูดด้วยความสงสัย “เจ้ามาทำอะไรที่นี่”

เว่ยกว่านกว่านทำปากจู๋และพูดว่า “แน่นอนว่ามารอท่าน!”

“รอข้าทำไม” มู่ชิงเกอไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไร นางโตขนาดนี้แล้ว กลัวนางเดินหลงทางในโรงโอสถอย่างนั้นหรือ

เว่ยกว่านกว่านพูดด้วยความหึงหวงว่า “ข้ามาดูว่า หญิงผู้นั้นทำอะไรท่านหรือไม่”

“เจ้าคิดว่านางจะทำอะไรข้าหรือ” มู่ชิงเกอพูดอย่างขบขัน

เว่ยกว่านกว่านเดินอ้อมรอบตัวมู่ชิงเกอรอบหนึ่ง หลังจากที่พิจารณาอย่างละเอียดแล้วจึงพยักหน้า “อืม น่าจะไม่เป็นไร” หลังจากที่ตรวจสอบเสร็จเรียบร้อยแล้ว นางจึงวางใจ

จากนั้นก็ถามด้วยความสงสัยอีกหนว่า “มู่เกอ ศิษย์พี่จูนั่นมาหาท่านด้วยเรื่องอันใด”

“เรื่องส่วนตัวนิดหน่อย” มู่ชิงเกอตอบกลับอย่างคลุมเครือ

ได้ยินเช่นนี้ เว่ยกว่านกว่านจึงรู้ว่ามู่ชิงเกอไม่อยากจะพูดถึงเรื่องนี้มากนัก จึงไม่ได้ถามต่อ

จึงพูดว่า “มู่เกอ เหตุใดท่านจึงได้มอบยาคงรูปโฉมให้กับศิษย์พี่ซางล่ะ นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าเห็นของดีเช่นนั้น และคิดว่าหลังจากที่ท่านประลองเสร็จแล้ว ท่านจะมอบให้กับข้า”

เว่ยกว่านกว่านพูดอย่างตรงไปตรงมา ทำให้มู่ชิงเกอรู้สึกดีไม่น้อย

นางยกมือขึ้นปฏิเสธ “ตอนแรกข้าเองก็ไม่รู้ว่ายาคงรูปโฉมจะดีถึงเพียงนั้น เมื่อคิดถึงเรื่องที่ข้าดูสูตรยาจากนาง โดยที่นางไม่รู้ แน่นอนว่าจะต้องชดเชย”

“แล้วตอนนี้ท่านเสียใจหรือไม่ที่มอบยาที่มีค่ามากถึงเพียงนั้นในการทดแทนบุญคุณ” เว่ยกว่านกว่านมองนาง ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยการรอคอย

เมื่อเห็นท่าทางที่อยากให้นางบอกว่าเสียใจจนแทบจะทนไม่ได้ มู่ชิงเกอจึงพยักหน้าอย่างรู้สึกขบขัน “อืม ก็เสียใจอยู่บ้าง แต่ว่าเสียดายไปก็เท่านั้น คำพูดที่พูดออกไปแล้วไม่อาจจะคืนคำได้”

“ก็จริง!” เว่ยกว่านกว่านพูดอย่างหมดกำลังใจ

หยุดคิดครู่หนึ่ง หญิงสาวจึงพูดอย่างเศร้าใจว่า “เอาเถิด ถ้าเช่นนั้นข้ากลับก่อน ไม่รบกวนเวลาพักของท่าน แล้วการประลองในวันนี้ท่านคงเหนื่อยมากแล้ว รีบพัก เถิด อีกครู่หนึ่งข้าจะเอาอาหารมาให้”

“ได้” มู่ชิงเกอตอบ

หลังจากที่เว่ยกว่านกว่านกลับไปแล้ว มู่ชิงเกอจึงผลักประตูออก แล้วเดินเข้าห้องไป

การประลองในวันนี้ ความจริงแล้วไม่ได้ยากลำบากอะไรเลย

เพียงแต่ว่า หลังจากที่การประลองเสร็จสิ้นแล้ว นางจะต้องใช้การนอนหลับมารักษาตนเอง

เพราะฉะนั้น ทันทีที่นางเอนตัวลงบนเตียง ก็หลับตาในทันที

ท่ามกลางความเลือนราง มู่ชิงเกอราวกับได้ยินคุณตัวประหลาดกำลังเรียกตนเอง

นางพยายามลืมตาขึ้นท่ามกลางความมึนงง และมองเห็นใบหน้าอันงดงามที่อยู่ในระยะประชิดผ่านร่องตา ใบหน้านั่นงดงามไร้ที่เปรียบ แต่ความงดงามเช่นนั้นนางก็คุ้นเคยเป็นอย่างมาก

หากไม่ใช่ซือมั่วที่ผีเข้าผีออกจะเป็นใครได้อีก

“ท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ข้าต้องฝันไปแน่ๆ” มู่ชิงเกอพึมพำท่ามกลางความหลับใหล และหลับตาลงอีกครั้ง

“เสี่ยวเกอเอ๋อร์คิดถึงข้าหรือ จึงได้ฝันเห็นข้า” เสียงที่แฝงเสียงหัวเราะของซือมั่วดังขึ้น

มู่ชิงเกอตอบกลับทั้งที่ยังหลับตา “ใช่ คิดอยากให้ท่านไปตาย”

“เสี่ยวเกอเอ๋อร์ช่างพูดจาตรงไปตรงมาเหลือเกิน ทั้งน่ารักและน่าเอ็นดู”

พูดจาตรงไปตรงมา น่ารัก น่าเอ็นดู ใช้คำเหล่านี้เปรียบเทียบตัวนางอย่างนั้นหรือ

มู่ชิงเกอลืมตาขึ้นอีกครั้งและมองอย่างดูถูก “ดูเหมือนว่า สายตาของท่านจะมีปัญหา”

ท่ามกลางความมึนงง นางเห็นรอยยิ้มบาง ๆ ของซือมั่ว ในดวงตาสีนํ้าผึ้งฉายความอ่อนโยนและพูดกับนางว่า “เสี่ยวเกอเอ๋อร์คงเหนื่อยมากแล้ว มาเถิด ข้าจะถอดเสื้อคลุมให้ จะได้นอนสบายดีหรือไม่”

มู่ชิงเกอมองเขาแวบหนึ่ง แล้วหลับตาลง พลางยกมือขึ้นอย่างขี้เกียจ “ยังไม่รีบปรนนิบัติอีก’’

ซือมั่วเผยรอยยิ้ม พลันยื่นมือออกไปจับมือของนางเอาไว้ ช่วยนางถอดเสื้อคลุม ถุงเท้าและรองเท้าของนางออก

เป็นครั้งแรกที่เห็นเท้าของมู่ชิงเกออย่างชัดเจนเช่นนี้ ในส่วนลึกของสายตาของซือมั่วฉายความอ่อนโยน มือคู่ใหญ่ของเขาจับเท้าสีขาวหยกเอาไว้นิ้วเท้ากลมดั่งไข่มุก ทำให้อดไม่ได้ที่จะหอมสักฟอด ซือมั่วคิดอย่างไรก็ทำเช่นนั้น เขาก้มหน้าลงริมฝีปากสีกลีบดอกอิง ค่อย ๆ ประทับลงบนนิ้วเท้าของมู่ชิงเกอ ปลายเท้าจั๊กจี้ทีหนึ่ง ทำให้มู่ชิงเกอที่กำลังหลับใหลอดไม่ได้ที่จะเตะเท้าออกไปทีหนึ่ง

“หลับไปแล้ว ยังจะดื้อรั้นแบบนี้อีก” ซือมั่วเผยรอยยิ้มที่ฉายความรักใคร่ ดวงตาสีน้ำผึ้งที่เย็นชาถูกความอบอุ่นเข้ามาแทนที่

มือคู่ใหญ่จับขาของมู่ชิงเกอไว้แน่น จึงทำให้แขนเสื้อตัวใหญ่คลุมพวกมันเอาไว้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version