Skip to content

พลิกปฐพี 123-2

ตอนที่ 123-2

เรื่องที่ข้าก่อเอาไว้ข้าจะรับผิดชอบแน่นอน!

“ที่ผ่านมา มีแต่อาจารย์เลือกศิษย์ในตอนนี้ศิษย์น้องมู่ กลับเป็นผู้เลือกอาจารย์เป็นการยืนยันว่าศิษย์น้องมู่ของเราช่างเก่งกาจเสียจริง!”

“ไม่ว่าศิษย์น้องมู่จะเลือกใครก็ไม่เป็นไร ที่สำคัญคือ หากเขามองข้าบ้างก็คงจะดี!”

“พวกเสียสติ!” ชายผู้นั้นทนไม่ไหวอีกต่อไป พลันเบือนหน้าหนีในทันที

หลังจากที่หัวชางซู่และโหลวชวนป่ายได้เอ่ยวาจาเชือดเฉือนกันแล้ว ก็เคลื่อนสายตาไปมองมู่ชิงเกอ

ราวกับว่า กำลังรอคำตอบสุดท้ายจากนาง

ในขณะที่ทุกคนกำลังรอนางตัดสินใจ นางพลันเผยรอยยิ้มและพูดกับทั้งสองว่า “ขออภัย ท่านหัวหน้าหัว ท่านอาจารย์โหลว ในตอนนี้ข้ายังไม่มีความคิดที่จะเข้าสู่สำนักใด”

หัวชางซู่ตกใจ ราวกับไม่พอใจกับคำตอบนี้ เขาจึงข่มขู่อย่างเย็นเยียบว่า “มู่เกอ ข้าขอเตือนด้วยความหวังดี ว่ายอดฝีมือที่เย่อหยิ่งมากจนเกินไป จุดจบมักไม่สวย งามนัก”

มู่ชิงเกอกระตุกมุมปากเบา ๆ ราวกับไม่ได้ผลกระทบใด และรักษารอยยิ้มบาง ๆ เอาไว้

โหลวชวนป่ายกลับไม่ได้แสดงสีหน้าไม่พอใจอะไร แต่ กลับพูดอย่างใจกว้างว่า “ไม่เป็นไร ๆ! ไม่ว่าอย่างไร เจ้าก็เข้ามาอยู่ในโรงโอสกแล้วจะไม่ประสบความสำเร็จได้อย่างไร เจ้าค่อย ๆ คิดเถิด อยากจะเข้าสู่สำนักเมื่อไหร่ ก็มาหาข้าได้ทุกเมื่อ”

“ขอบคุณท่านอาจารย์โหลว” มู่ชิงเกอขอบคุณอย่างเป็นธรรมชาติ

เมื่อหัวชางซู่เห็นเช่นนี้ ก็รู้ว่าเมื่อครู่นี้ตนเองใจร้อนมากเกินไป จึงรีบพูดว่า “ประตูใหญ่ของข้าก็เปิดต้อนรับเจ้า เจ้าไปคิดดูให้ดีก่อนว่าฝั่งไหนเหมาะกับเจ้ามากกว่า เมื่อคิดได้แล้ว มาหาข้าได้ทุกเมื่อ ไม่จำเป็นต้องบอกผ่านใคร”

มู่ชิงเกอเผยรอยยิ้มเบา ๆ ก้มสายตาลงไม่พูดอะไร

เห็นท่าทางที่ราวกับไม่สนใจของเขา หัวชางซู่ก็รู้สึกโกรธ แต่กลับไม่สามารถแสดงความรู้สึกออกมาได้ ทำได้เพียงแค่อุทานอย่างเย็นเยียบให้กับโหลวชวนป่ายทีหนึ่ง แล้วก็สะบัดแขนเสื้อจากไป

หัวชางซู่ไปแล้ว แน่นอนว่าไม่มีความจำเป็นที่โหลวชวนป่ายจะอยู่ที่นี่ เขามองมู่ชิงเกอแวบหนึ่ง สุดท้ายจึงกำชับอย่างแฝงความนัยประโยคหนึ่ง “ทำเรื่องของตนเองให้ดีที่สุด” ก่อนจะหันหลังและเดินจากไป

“ทำเรื่องของตนเองให้ดีที่ลุด” มู่ชิงเกอพูดทวน และกระจ่างในทันที “กำลังเตือนข้าว่าหากทำให้ท่านหัวหน้าหัวโกรธ แล้วจะก่อให้เกิดปัญหาตามมาอย่างนั้น หรือ”

“มู่เกอ! มู่เกอ!” หลังจากที่คนสำคัญทั้งสองได้จากไป ผู้คนบนอัฒจันทร์ ก็กระจายกันไปในทันที

เว่ยกว่านกว่านรีบวิ่งมาจากบนอัฒจันทร์ ข้างหลังตัวนางยังมีเว่ยฉี สุ่ยหลิง ทั้งห้าที่พนันกับมู่ชิงเกอและฟู่เทียนหลงก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกัน

มองทุกคนที่เดินขึ้นมาบนเวทีประลองอย่างเรียบเฉย เหมยจื่อจ้งพูดกับจ้าวหนานซิงและซางจื่อซูว่า “ท่านอาจารย์กลับมาแล้ว เราก็ไปกันเถิด”

จ้าวหนานซิงและซางจื่อซูพยักหน้าเบาๆ ในขณะที่ทั้งสามจากไป จูหลิงก็พูดกับเหมยจื่อจ้งว่า “แล้วพบกันศิษย์พี่เหมย”

เหมยจื่อจ้งหยุดฝีเท้าลงครู่หนึ่ง พลันหันไปข้างหลังเล็กน้อย ก่อนจะนำศิษย์น้องทั้งสองจากไป

เงาร่างที่เต็มไปด้วยความสง่า ทำให้ในส่วนลึกของสายตาของจูหลิงมีความหลงใหลเกิดขึ้น

“มู่เกอ ท่านชนะแล้ว ท่านชนะแล้ว! ต่อไปท่านจะได้กลายเป็นบุคคลต้นแบบอันดับแปดแล้ว!” เว่ยกว่านกว่านพูดอย่างตื่นเต้น ราวกับตัวนางเป็นคนชนะเสียเอง

“อันดับแปดอะไรกัน มู่เกอของเราสามารถปรุงยาระดับสูงที่มีคุณภาพสูงสุดได้ บางทีอันดับหนึ่งอย่างศิษย์พี่เหมยยังสู้ไม่ได้เลย” เว่ยฉีพูดอย่างได้ใจ

สุ่ยหลิงเองก็ยิ้มอย่างเบิกบาน “เสียดาย หากมู่เกออยากจะเลื่อนอันดับก็ต้องท้าประลองกับผู้ที่อยู่เหนือกว่า หรือไม่ก็รอการประลองการจัดอันดับ ข้าได้ยินมาว่า ในปีนี้การประลองจะจัดขึ้นในอีกหกเดือนข้างหน้า”

“อันดับแปด ก็ไม่เลวแล้ว” อยู่ ๆ มู่ชิงเกอก็พูดขึ้น

นางไม่ได้สนใจกับการจัดอันดับ เพียงแค่ได้อยู่ในอันดับและได้รับผลประโยชน์ก็พอแล้ว หากมีคนบอกนางว่า การขึ้นสู่อันดับหนึ่งในสามจะได้รับผลประโยชน์ที่มากกว่า ไม่แน่ว่านางอาจจะสนใจขึ้นมาบ้าง

“ท่านนะท่าน ไม่เคยจะใส่ใจอะไรเลย แต่กลับเก่งกาจเหนือผู้ใด” เว่ยกว่านกว่านพูดอย่างไร้เรี่ยวแรง

มู่ชิงเกอยักไหล่และยกมือขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ “ช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้ข้าเป็นคนถ่อมตนเล่า”

“อี๋ ~!” เว่ยกว่านกว่านแกล้งสะอิดสะเอียนอย่างไม่ไว้หน้า

ใบหน้าของเว่ยฉีเต็มไปด้วยความดูถูก “ดูแล้วเป็นดั่งกระต่ายขาวน้อยที่ไม่มีพิษมีภัย แต่ความจริงกลับเป็นหมาป่าตัวใหญ่ นี่ไม่เรียกว่าถ่อมตัวหรอก แต่เรียกว่า แกล้งเป็นหมูเพื่อกินเสือต่างหาก”

“เจ้าหมายถึงใคร” มู่ชิงเกอถามพร้อมรอยยิ้ม

เว่ยฉีกลับรู้สึกเย็นหลังอย่างกะทันหัน และกระจ่างในทันที “อืม ข้าหมายความว่า…ฮู้ว วันนี้อากาศดีมากเลย”

“ขายหน้า!” สำหรับความอับอายของเว่ยฉี ทำให้เว่ยกว่านกว่านดูถูกเป็นอย่างมาก

“ขายหน้า!” สุ่ยหลิงเองก็เริ่มเข้าสู่การดูถูกอย่างไม่ยอมแพ้

ทันใดนั้น ใบหน้าของเว่ยฉีก็แดงก่ำขึ้นมา

ในสายตาของมู่ชิงเกอแฝงรอยยิ้ม ในขณะที่หยุดสายตาลงบนร่างของทั้งห้าที่พนันกับนาง สายตาก็พลันเย็นเยียบลง “ที่พวกเจ้ามา เพราะจะมาทำตามสัญญาหรือจะปฏิเสธสัญญากันล่ะ”

แก้มของทั้งห้าคนแดงกํ่า ราวกับถูกนํ้าร้อนลวก

พวกเขายืนอยู่ตรงหน้ามู่ชิงเกอด้วยท่าทางที่อึดอัดทำ อะไรไม่ถูก

ครู่หนึ่งจึงพูดอย่างลังเลว่า “แน่นอนว่าเราจะทำตามสัญญา หลังจากที่เรียนสำเร็จแล้ว จะไปรายงานตัวกับจวนตระกูลเว่ย” พูดจบ ทั้งห้าก็หันหลังและเดินจากไป แผ่นหลังนั้นมี ความแน่วแน่แฝงอยู่

มู่ชิงเกอกระตุกมุมปาก และพูดกับพี่น้องตระกูลเว่ยว่า “ยินดีด้วย”

“ต้องยกความดีทั้งหมดให้กับท่านอามู่” เว่ยฉีประสานหมัดคารวะมู่ชิงเกอ

ไม่รู้ว่าจงใจหรือไม่ ที่เรียกว่า ‘ท่านอามู่’ ให้มู่ชิงเกอได้รู้สึกสะอิดสะเอียน

นางกระตุกเพราะขนลุกทีหนึ่ง มู่ชิงเกอพลันหันไปมองฟู่เทียนหลง

ในตอนนี้ ผู้คนบนอัฒจันทร์ได้จากไปเกือบหมดแล้ว

แม้กระทั่งเตียวหยวนและฟ่งอวี๋กุยเอง ก็ไม่รู้ว่าออกจากอัฒจันทร์ไปตั้งแต่เมื่อไหร่

หลังจากที่ฟู่เทียนหลงสบตามู่ชิงเกอครู่หนึ่ง ก็พูดด้วยนํ้าเสียงทุ้มต่ำว่า “ยินดีกับชัยชนะของเจ้าด้วย”

“ขอบใจมาก” มู่ชิงเกอพูดอย่างไม่ใส่ใจมากนัก

ราวกับว่า นางไม่ได้สนใจการแพ้ชนะของการประลองในครานี้เลย

ฟู่เทียนหลงเม้มปากเล็กน้อยแล้วจึงพูดว่า “เรื่องที่ข้าจะบอกเจ้า ไม่เหมาะที่จะพูดตอนนี้ คืนนี้ข้าจะไปหาเจ้า”

“ได้” มู่ชิงเกอพยักหน้าตอบตกลง สิ่งที่ควรพูดก็ได้พูดไปแล้ว ทั้งห้าได้เดินออกจากเวทีประลองเพื่อกลับไปยังที่พักของตนเอง

เพียงแต่ว่าเพิ่งจะออกจากเวทีประลอง ก็มีลูกศิษย์สาวจำนวนไม่น้อยเข้ามาล้อมรอบ แรงจู่โจมได้เบียดเว่ยกว่านกว่านและสุ่ยหลิงออกไปอีกข้าง สำหรับเว่ยฉีและฟู่เทียนหลงก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึง

เพียงครู่หนึ่ง มู่ชิงเกอก็ถูกเหล่าลูกศิษย์สาวล้อมเอาไว้หลายชั้น

“ศิษย์น้องมู่ นี่เป็นผ้าเช็ดหน้าที่ข้าปักเอง ข้าให้เจ้า”

“ศิษย์น้องมู่ นี่เป็นถุงผ้าที่ข้าทำขึ้นเอง ด้านในมีผงยาที่ช่วยรวมจิตคงปราณ เจ้าอย่าลืมพกติดตัวนะ”

“ศิษย์น้องมู่ ฝีมือการทำอาหารของข้าดีมาก เจ้าชอบกินอะไร ข้าจะทำและมาส่งให้เจ้าทุกวัน”

แผนสูงนัก!

หญิงสาวจำนวนมากแอบด่าในใจ และต่างงัดของติดตัวของตนเองออกมายัดให้มู่ชิงเกออย่างไม่ยอมแพ้

มู่ชิงเกอยืนอึ้งอยู่กับที่ รู้สึกเพียงแค่ว่า ราวกับมีผีเสื้อกลุ่มใหญ่กำลังล้อมรอบตนเองไว้ และราวกับมีฝูงนกร้องเจื้อยแจ้วอยู่ข้างหูตนเองอย่างไม่ขาดสาย ไม่นาน ฝ่ามือของตนเองก็เต็มไปด้วยสิ่งของนานาชนิด กลิ่นหอมที่กระจายออกมาจากสิ่งของเหล่านั้น แทบจะทำให้นางเป็นลม!

“น่า…น่ากลัวเกินไปแล้ว!” เว่ยฉีอึ้งจนอ้าปากค้าง

“พวกเจ้าทำอะไรกัน” เสียงที่ฉายความน่าเกรงขามของหญิงสาวดังขึ้นจากข้างหลังอย่างกะทันหัน

ทันใดนั้น เหล่าลูกศิษย์สาวที่ล้อมรอบนางเอาไว้ต่างกระจายออกจากกัน แล้วมองหญิงสาวที่ค่อย ๆ เดินมาจากด้านหลัง

“ศิษย์พี่จู!”

“ศิษย์พี่จู!” การปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันของจูหลิง ทำให้มู่ชิงเกอรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก หากว่านางจำไม่ผิด จูหลิงเองก็เป็นลูกศิษย์ในสำนักของหัวชางซู่และฐานะเองก็ไม่ได้ต้อยต่ำ

แม้กระทั่งในอันดับของโรงโอสถ นางเองก็อยู่ในอันดับห้าและยังเป็นหนึ่งในหญิงสาวเพียงสองคนที่ได้อยู่ในอันดับ

“ศิษย์พี่จู” เพียงพริบตา จูหลิงก็ได้เดินมาอยู่ตรงหน้ามู่ชิงเกอ นางจึงจำต้องทักทาย

จูหลิงเผยรอยยิ้มอันน่าเย้ายวนให้กับมู่ชิงเกอ และพูดกับเหล่าลูกศิษย์หญิงสาวอย่างเย่อหยิ่งว่า “มายืนออกันที่นี่เพื่ออะไรกัน ไม่ต้องไปฝึกปรุงยาหรือ”

เพราะคำพูดข่มขวัญของนาง ทำให้สายตาของเหล่าลูกศิษย์สาวต่างฉายความไม่พอใจ และลาจากมู่ชิงเกอไปอย่างอาลัยอาวรณ์

ท่าทางอาลัยอาวรณ์เช่นนั้น กระทบความรู้สึกของเหล่าคนไร้คู่ในโรงโอสถอีกหน!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version