Skip to content

พลิกปฐพี 611

ตอนที่ 611

เกรียงไกรเลย สามน้อยฮ่วนเยวี่ย

ในสายตาของมู่ชิงเกอการตัดสินของราชาเทวะจงซานนั้นช่างไม่…ทรงอำนาจเอาเสียเลย ลักษณะเอาผิดน้อยตักเตือนเสียมากแบบนี้ทำให้นางรู้สึกอัดอั้นเล็กน้อย ทำให้เมื่อการประกาศผลรอบที่หนึ่งออกมา นางไม่ได้มีความยินดีแม้แต่น้อย

“เจ้าสาม เจ้าตอบถูกหมดเลย ร้ายจริงๆ”
เสียงของจวงซานดึงมู่ชิงเกอออกมาจากความอัดอั้น

นางมองไป ที่เห็นคือฝั่งเยี่ยนเฉวียนกับจี้หลุนส่งสายตาโหดเหี้ยมมาทางนาง

นางมองผ่านพวกเขาไปอย่างไม่ใส่ใจ มองไปทางเพื่อนร่วมสำนักที่ส่งสายตาแสดงความยินดีแทน

“เจ้าสาม ยินดีด้วย” หลีเฉายิ้มบอกมู่ชิงเกอ

น้อยคนอื่นๆ ก็ล้วนแต่ส่งสายตายินดีกับนาง

“ข้ารู้อยู่แล้วประลองปัญญาเทวะจะมีใครทาบเจ้าสามของพวกเราได้ ฮ่าๆๆ…” ห้าน้อยหัวเราะด้วยความดีใจ โดยเฉพาะเมื่อเห็นพวกแดนจั๋วอวี่คอตกหน้าเศร้าเขาก็ยิ่งดีใจอย่างยิ่ง

“รอบนี้อันดับผู้เข้ารอบได้ตัดสินแล้ว ห้าคนแรกมีเชี่ยวถังจากแดนจงซาน เยี่ยนเฉวียนจากแดนจั๋วอวี่ อู๋กุยจากแดนเหว่ยอี้ ซวนเฉียงจากแดนฮ่วนเยวี่ย…ที่หนึ่งคือมู่ชิงเกอจากแดนฮ่วนเยวี่ย”

เสียงทรงอำนาจดังขึ้นบนท้องฟ้าแท่นวิถี หลังจัดอันดับแล้วจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงอีก

เมื่อประกาศผลแล้วคนบนแท่นวิถีก็ไม่ติดใจเรื่องวิธีการสกปรกของแดนจั๋วอวี่อีก ใบหน้าไม่พอใจก่อนหน้านี้คลายลงและกระซิบกระซาบวิจารณ์ผลกันแทน

พวกที่ถูกจัดอยู่ในสองร้อยอันดับแรกย่อมดีใจสุดแสน

ส่วนพวกตกอันดับย่อมแอบถอนใจกัน

“ลูกศิษย์ทั้งหมดที่ได้เข้ารอบต่อไปให้กลับไปพักผ่อนพักฟื้นปัญญาเทวะ อีกห้าวันให้หลังให้ขึ้นมาเมืองหิมะอีกครั้ง” เสียงทรงอำนาจเอ่ยขึ้นอีก ครั้งนี้เป็นการบอกให้ทุกคนออกจากเมืองหิมะ

แน่นอนว่าลูกศิษย์แดนจงซานสามารถอยู่ในเมืองหิมะได้ แต่ลูกศิษย์แดนอื่นต้องกลับที่พักเมืองใบไม้ผลิที่จัดเตรียมไว้ให้

เวลาห้าวันคือเวลาพักฟื้นปัญญาเทวะ อีกห้าวันจะเริ่มต้นการประลองใหม่อีกครั้ง

ระหว่างทางกลับเมืองใบไม้ผลิ จวงซานกับมู่ชิงเกอเดินเคียงกัน หลีเฉาเองก็เดินมาทางพวกเขา ทั้งสามคนเดินไปด้วยกัน

“เจ้าสาม จากวันนี้ไป เจ้ากับเยี่ยนเฉวียนคงต้องผูกแค้นกันแน่แล้ว” หลีเฉากล่าวเตือน

“เจ้าสาม มีเรื่องอะไรที่ข้าไม่รู้หรือไม่” ได้ยินคำพูดหลีเฉาแล้ว จวงซานก็มองมู่ชิงเกอแล้วถาม

มู่ชิงเกอมองเขายิ้มน้อยๆ พลางสั่นศีรษะ

หลีเฉากลับอธิบายแทนนาง “เดิมทีก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร คราวที่เจ้าเจ็ดไปเดินเล่นที่ตลาด ไม่ใช่ว่าไปเจอกับจี้หลุนของแดนจั๋วอวี่เข้าหรือ”

จวงซานพยักหน้า เรื่องนี้เขารู้

“เจ้าจี้หลุนนั่นวาจาสามหาว หมิ่นเกียรติเจ้าเจ็ด เจ้าสามผ่านไปพอดีก็เลยช่วยเจ้าเจ็ดพูดนิดหน่อย ตอนหลังข้ากับเยี่ยนเฉวียนผ่านไปเห็นจึงออกหน้าไกล่เกลี่ยเรื่องนี้ แต่ว่าด้วยนิสัยพวกแดนจั๋วอวี่การที่พวกเขาจะทำอะไรเจ้าสามหรือเจ้าเจ็ดในการประลองนั้นก็อยู่ในการ คาดหมาย แต่คิดไม่ถึงว่าครั้งนี้พวกเขาจะมีแผนเช่นนี้ ทั้งยังโดนเจ้าสามจับได้อีก เกรงว่า…” หลีเฉาพูดจบก็สั่นศีรษะอย่างหนักใจ

ฟังเขาพูดจบแล้วท่าทีของจวงซานก็เคร่งขรึมขึ้น เขาบอกมู่ชิงเกอว่า “ใหญ่น้อยพูดถูก คนของแดนจั๋วอวี่ใจคอคับแคบ ครั้งนี้แผนของพวกเขาพังไปในมือของเจ้า ย่อมไม่ยอมง่ายๆ การประลองต่อไป เจ้าต้องระวัง หากสู้ไม่ได้หรือรู้สึกว่าผิดปกติก็ยอมแพ้ไปก่อน ไหนๆ เจ้าก็เป็นที่หนึ่งในรอบแรก รอบสองแม้จะด้อยไปหน่อยก็ยังเข้าถึงร้อยคนแรกได้ ไม่ต้องไปแก่งแย่งกับพวกนั้น”

“เยี่ยนเฉวียนคนนี้…,” มู่ชิงเกอพึมพำ

หลีเฉาพูดทันที “เยี่ยนเฉวียนเป็นหัวหน้าสิบลูกศิษย์ใหญ่ตำหนักหน้าแดนจั๋วอวี่ ฐานะเท่ากับข้าที่แดนฮ่วนเยวี่ย เพียงแต่การบ่มเพาะลูกศิษย์แดนจั๋วอวี่ไม่เหมือนพวกเราแดนฮ่วนเยวี่ย พวกเขาเน้นหนักด้านการแข่งขันระหว่างลูกศิษย์ ทั้งมีการแก่งแย่ง การที่เยี่ยนเฉวียนสามารถนั่งในฐานะนี้ได้นานเพียงนี้ แสดงว่าเขาเป็นคนที่มีความแข็งแกร่ง มีไหวพริบ มีปัญญา อีกทั้งการบำเพ็ญของเขาก็คือขั้นถํ้าวิญญาณชั้นหก เจ้า…”

คำพูดต่อมาหลีเฉาไม่ได้พูดจนจบ แต่ความหมายก็ชัดเจนแล้ว

ในความคิดเขา ถึงแม้มู่ชิงเกอจะมีพรสวรรค์สูงเท่าไหน เคยสร้างสิ่งมหัศจรรย์มาแล้วเท่าไรก็ตาม หากจะใช้ความแข็งแกร่งของชั้นถํ้าวิญญาณชั้นสามไปต่อสู้กับเยี่ยนเฉวียนก็ยังเป็นเรื่องสุดแสนยากเย็นอยู่ดี

“หากเจอจี้หลุนยังไม่น่ากลัวนัก อาศัยฝีมือเจ้าสามคิดจะเอาชนะไม่ใช่เป็นไปไม่ได้ แต่ถ้าเจอเยี่ยนเฉวียน…” หลีเฉาพูดกับมู่ชิงเกอด้วยความหนักใจว่า “เจ้าสาม เจ้าจะต้องระวังตัวมากๆ นะ”

“ขอบคุณใหญ่น้อยที่แนะนำ” มู่ชิงเกอพูดกับหลีเฉา

หลีเฉาโบกมือบอกเขาว่า “เจ้าไม่ต้องกังวลเกินไป หากข้าเจอเยี่ยนเฉวียน ข้าต้องทุ่มสุดแรงเพื่อเอาชนะเขา คนอื่นข้าก็จะกำชับเหมือนกัน หากเจอกันแล้วต้องพยายามผลาญพลังเทพของเขาให้หมด”

“รอบสองจะประลองอย่างไร” มู่ชิงเกอถามอย่างอยากรู้

จวงซานอธิบายว่า “รอบสองเป็นการต่อสู้แบบหมุนเวียน สองร้อยคนขึ้นเวทีพร้อมกัน สู้กันแบบตะลุมบอน คัดออกทันทีห้าสิบคน ที่เหลือหนึ่งร้อยห้าสิบคนให้ต่อสู้กันเอง ใครชนะก่อนสิบครั้งก็จะได้รับจัดอันคับก่อน ครบร้อยคนแล้วที่เหลือจะถูกคัดออกทั้งหมด และสี่คนแรกก็ยังต้องแข่งต่อ อีกทั้งพอเริ่มรอบสองแล้วจะไม่มีการหยุด ไม่มีโอกาสพัก ต้องเตรียมตัวตลอดเวลาถือเป็นการทดสอบทุกคน”

ได้ฟังการอธิบายของจวงซานแล้ว มู่ชิงเกอก็ค่อยเข้าใจมากขึ้น

ระหว่างทางกลับเมืองใบไม้ผลิ พวกนางสองคนคุยกัน สำหรับเยี่ยนเฉวียนกับจี้หลุนนั้นนางไม่ได้หนักใจอะไรมากนัก ไม่ใช่ว่านางเชื่อมั่นในตัวเองเกินไปหรือดูถูกเยี่ยนเฉวียนกับจี้หลุน เพียงแต่เพราะนางรู้สึกว่า ในเมื่อไม่สามารถหลบหลีกก็ต้องประจันหน้าอย่างเต็มภาคภูมิ แก้ไขปัญหาตามสภาพจริง

กลับถึงเมืองใบไม้ผลิ มู่ชิงเกอไม่ได้กลับที่พักชั่วคราวของแดนฮ่วนเยวี่ย แต่ไปยังบ้านที่นางพบกับซือมั่วนั้นเพียงลำพัง

พอเข้าประตูไปซือมั่วก็ยิ้มละไมบอกนางว่า “ยินดีที่สามน้อยฮ่วนเยวี่ยได้ที่หนึ่งในการประลองรอบแรก”

มู่ชิงเกอค้อนเขาอย่างไม่สบอารมณ์ ไม่ได้ยินดีแม้แต่นิด เอ่ยว่า “จากการฝึกฝนเคล็ดวิชาเทวะส่วนกลางปัญญาเทวะของข้าเหนือกว่าระดับชั้นของข้าไปนานแล้ว การประลองชนิดนี้ทำอะไรข้าไม่ได้หรอก”

“ไม่ดีใจหรือ” รู้สึกได้ถึงอารมณ์ของมู่ชิงเกอที่ไม่ดีนัก ซือมั่วละความคิดที่คิดจะหยอกล้อนางแล้วกอดนางไว้ในอก อุ้มนางมานั่งบนตัก

มู่ชิงเกอพยักหน้าตามจริง

ต่อหน้าผู้ชายคนนี้ นางไม่มีความจำเป็นที่จะปิดบัง

“เพราะการตัดสินของราชาเทวะจงซานหรือ” ซือมั่วกล่าวอีก

มู่ชิงเกอพยักหน้าอีก

นางมองไปที่ซือมั่ว ต่อหน้าใบหน้าที่งดงามจนเทพเซียนยังต้องเจ็บแค้นนางใช้สองมือประคองใบหน้าเขาแล้ว ถอนหายใจว่า “ข้ารู้อยู่แล้วว่าปิดบังเจ้าไม่ได้”

“เจ้าไม่ชอบใจเพราะเจ้ารู้สึกว่าราชาเทวะจงซานตัดสินโทษเบาไปสินะ” ซือมั่วยิ้มพูด

มู่ชิงเกอผงกศีรษะ “ถูกต้อง การทุจริตอย่างอุกอาจ ทั้งลอบทำร้ายผูอื่น หากไม่ลงโทษจริงจัง มีแต่จะทำให้พวกเขาเหิมเกริมยิ่งขึ้น”

“เจ้ารู้ไหมว่าทำไมแผ่นดินเทพตะวันออกจึงมีเพียงลูกศิษย์แดนจั๋วอวี่ที่ยโสโอหังมากที่สุด” ซือมั่วจ้องนาง พลางถาม

หืม

จุดนี้นางยังไม่เคยคิดจริงจัง

เห็นท่าทางงุนงงของนางซือมั่วก็อดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปแตะที่ปลายจมูกนางนิดหนึ่ง ยิ้มว่า “ที่แดนจั๋วอวี่ยโสโอหังในเวลานี้เป็นเพราะอีกสามแดนเทพจงใจให้เป็นเช่นนั้น ครั้งนี้ที่ราชาเทวะจงซานตัดสินเช่นนี้มีความหมายสองชั้น ชั้นที่หนึ่ง สี่แดนเทพถกวิถีจะต้องมีลูก ศิษย์สี่แดนเทพมาร่วมด้วย หากคัดลูกศิษย์แดนจั๋วอวี่ออกทั้งหมด ต่อให้พวกเขาทำผิดอยู่ก่อนก็จะทำให้ราชาเทวะจั๋วอวี่ถามหาสาเหตุ ทำให้เขาได้ข้ออ้างในการสร้างความยุ่งยากต่อแดนจงซาน ราชาเทวะจงซานเป็นคนไม่ชอบความยุ่งยากย่อมไม่อยากมีเรื่อง ส่วนชั้นที่ สองคือเขาตั้งใจ การลงโทษเช่นนี้จะเพิ่มความเหิมเกริมของพวกลูกศิษย์แดนจั๋วอวี่ทำให้พวกเขายิ่งลืมตัวมากขึ้น”

“ข้าไม่เข้าใจ” มู่ชิงเกอขมวดคิ้วสั่นศีรษะ “ทำไมต้องทำเช่นนั้น”

อีกสามแดนเทพทำไมต้องทำเช่นนั้นด้วย

“ก็เพราะว่าราชาเทวะจั๋วอวี่มักใหญ่ใฝ่สูงมากเสียจนแดนจั๋วอวี่แดนเดียวไม่สามารถทำให้เขาพอใจได้ สามราชาเทวะที่เหลือจึงอยากลงมือได้อย่างสมเหตุสมผลอย่างไรเล่า” ซือมั่วพูดชัดเจนถึงสาเหตุ

มู่ชิงเกอ เข้าใจแจ่มแจ้งทันที

ทันใดนั้นนางก็หัวเราะพูดว่า “แผนการระหว่างแดนเทพเหล่านี้ ข้าไม่อยากยุ่งด้วย”

“ไม่อยากยุ่งก็ไม่ต้องยุ่ง เสี่ยวเกอเอ๋อร์ของข้า ขอให้ยุ่งกับข้าก็พอแล้ว” ซือมั่วพูดแล้วกุมมือนางไว้ในมือใหญ่ของตัวเอง สายตาสื่อความหมายอย่างชัดเจน ในดวงตากระจ่างใสของมู่ชิงเกอสะท้อนภาพเงาร่างของซือมั่ว นางยิ้มแล้วดึงมือตัวเองกลับมา ใช้ปลายนิ้วเขี่ย ปลายคางของซือมั่วยิ้มแล้วพูดว่า “พักนี้ร่างกายคุณชายไม่สะดวก ขอเจ้าแห่งมารแก้ไขปัญหาด้วยตัวเองก็แล้วกัน”

เวลาห้าวันพริบตาเดียวก็ผ่านไป ขึ้นไปยังเมืองหิมะอีกครั้ง ทิวทัศน์ที่ยิ่งใหญ่ตระการตา ยังคงทำให้คนรู้สึกตกตะลึง

ครั้งนี้พวกมู่ชิงเกอไม่ได้ถูกนำไปที่แท่นวิถี แต่ถูกนำไปสถานที่อีกแห่งหนึ่ง

ที่นี่ยังคงปกคลุมด้วยลมด้วยหิมะ เมื่อเทียบกับด้านแท่นวิถีแล้วกระแสลมที่นี่รุนแรงกว่ามากมายนัก ใต้ยอดเขาหิมะมีเวทีที่ใหญ่โตมโหฬารตั้งอยู่

เวทีนั้นใหญ่จนไม่สามารถคำนวณขนาดได้ คนที่ยืนอยู่บนนั้นราวกับเม็ดถั่วดำเท่านั้น

เวลานี้ คนสองร้อยคนที่ยืนอยู่บนนั้นก็ไม่รู้สึกคับแคบแม้แต่น้อยกลับรู้สึกกว้างขวางมาก

ที่นี่ก็คือเวทีต่อสู้ของการประลองรอบที่สอง

กติกาก็เป็นเช่นเดียวกับในอดีต เป็นการต่อสู้แบบหมุนเวียน สู้กันแบบตะลุมบอน

ราชาเทวะจงซานยังคงนั่งอยู่บนดอกบัวหิมะมองดูเวทีด้านล่างอย่างนึกสนุก ส่วนพวกที่ชมการต่อสู้ต่างก็ยืนอยู่บนขอบเวทีที่นูนสูงขึ้นมา เตรียมพร้อมที่จะรอชม

ซือมั่วยังคง ‘ซ่อนตัว’ อยู่ในกลุ่มคนจ้องมองมู่ชิงเกอเงียบๆ ที่เขามาไม่ใช่ต้องการวุ่นวายกับเรื่องใดๆ ของมู่ชิงเกอ เนื่องจากเขารู้ว่าไม่ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นมู่ชิงเกอล้วนสามารถแก้ไขได้อย่างดี เขามาเพียงเพราะ… เขาคิดถึงนาง

ยืนอยู่บนเวที มู่ชิงเกอกระซิบกับจวงซานและหลีเฉาที่อยู่ข้างๆ ว่า “ในเมื่อต้องคัดทิ้งห้าสิบคน อีกทั้งแดนจั๋วอวี่ก็เป็นศัตรูเรา ก็เตะคนแดนจั๋วอวี่ทิ้งก่อนก็แล้วกัน”

คำพูดของนางได้รับความเห็นชอบจากสิบน้อยฮ่วนเยวี่ยทุกคน

การใช้วิธีการชั่วร้ายมาลอบกัด แค้นนี้พวกเขาจะไม่ยอมง่ายๆ

“บนเวทีต่อสู้กำจัดทิ้งห้าสิบคนเพื่อเข้าไปในช่วงต่อไป ผู้ชนะร้อยคนเข้าสู่รอบแย่งชิงสี่อันดับแรก เริ่มได้ ณ บัดนี้…”

พอเสียงเงียบลง มู่ชิงเกอก็ย้ายตำแหน่งทันที พลันไปปรากฎตัวอยู่ด้านหน้าจี้หลุน ขณะที่เขาชะงัก นางก็ยกยิ้มอย่างชั่วร้าย…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version