Skip to content

พลิกปฐพี 623

ตอนที่ 623

ออกจากฮ่วนเยวี่ย เข้าสู่โลกมนุษย์

‘เจ้าสาม มาที่วังราชาเทวะ’

เสียงของราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยค่อยๆ จางหายไปจากข้างหูของมู่ชิงเกอ

มู่ชิงเกอทำใจให้นิ่งคิดว่า ‘ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยทำไมอยู่ดีๆ ถึงเรียกข้าไปวังราชาเทวะ อีกทั้งเป็นขณะที่ข้าเพิ่งออกจากการปิดประตูบำเพ็ญด้วย’

แต่คิดมากไปก็ไร้ประโยชน์

มู่ชิงเกอลุกขึ้นมาจัดแจงเสื้อผ้าตัวเอง ทั้งใช้วิชาขจัดฝุ่นจัดการตัวเองให้เรียบร้อย เมื่อตรวจสอบดูแล้วเรียบร้อยดีนางจึงยกเลิกค่ายกลปิดเขาแล้วเดินออกจากเขาวังน้อย

พอออกมาก็เห็นว่าคนที่ยืนอยู่บนเขาวังน้อยอื่นต่างมองมาที่นาง

มู่ชิงเกอชะงักออกจะประหลาดใจ

แต่นางไม่ทันได้พูดอะไรก็มุ่งหน้าไปสู่วังราชาเทวะ

“เจ้าสามรุดหน้าได้อีกไม่น้อยเลย”

“ใช่แล้ว ขั้นพลังปัจจุบันของเขา ข้าเองก็เห็นไม่ชัดเจนแล้ว”

คำวิจารณ์ด้านหลังนั้น มู่ชิงเกอไม่รู้เลยแม้แต่น้อย

ขณะที่นางลงมาที่ลานนอกวังราชาเทวะก็เห็นเพียงหลีเฉายืนอมยิ้มมองนางอยู่

“ใหญ่น้อย” มู่ชิงเกอประหลาดใจนิดหนึ่ง

หลีเฉาอมยิ้มผงกศีรษะ บอกนางว่า “ยินดีด้วย ดูแล้วการปิดประตูบำเพ็ญครั้งนี้ได้รับผลไม่น้อยเลย”

“เจ้าก็เช่นเดียวกัน” ดวงตามู่ชิงเกอเป็นประกายแวบหนึ่ง นางรู้สึกว่ากลิ่นอายของหลีเฉายิ่งร้ายกาจมากขึ้น เดิมเขาเป็นขั้นถํ้าวิญญาณชั้นหก ครั้งนี้หลังจากปิดประตูบำเพ็ญแล้ว หากไม่ทะลวงขอบเขตเป็นชั้นเจ็ดก็เป็นชั้นแปดแล้ว

หลีเฉาพูดอย่างถ่อมตนว่า “ถึงแม้ข้าจะมีความก้าวหน้าบ้าง แต่เทียบกับเจ้าแล้วก็ยังสู้ไม่ได้อยู่ดี หากข้าไม่ได้ดูผิด เวลานี้เจ้าอยู่ชั้นถํ้าวิญญาณชั้นเจ็ดแล้ว กระโดดครั้งเดียวสี่ชั้น พรสวรรค์เช่นนี้ข้าเทียบไม่ได้เลย”

หลีเฉาสามารถเห็นตบะบำเพ็ญของนางได้ทันที เรื่องนี้มู่ชิงเกอไม่ได้แปลกใจ

ไม่ใช่เพราะคาถาซ่อนเร้นตบะบำเพ็ญที่ซือมั่วให้นางไว้หมดประสิทธิภาพ แต่นางเพิ่งจะทะลวงขอบเขต กลิ่นอายบนร่างยังไม่มั่นคง ดังนั้นการที่หลีเฉาจะตรวจสอบได้ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ

“ราชาเทวะกำลังคอยเจ้าในตำหนัก รีบไปเถอะ” หลีเฉาบอกมู่ชิงเกอ

มู่ชิงเกอกลับไม่รีบร้อนถามกลับว่า “ใหญ่น้อยก็เพิ่งพบราชาเทวะมาหรือ”

นางอยากรู้ว่า ทุกคนพอออกจากการปิดประตูบำเพ็ญแล้วต่างต้องถูกราชาเทวะเรียกพบตัวต่อตัวใช่หรือไม่ หรือมีแต่ตัวนางคนเดียว

หลีเฉาผงกศีรษะ “เพิ่งพบราชาเทวะมา เพียงแต่ข้าขอพบเอง” คำพูดของเขาอธิบายถึงข้อแตกต่างของเขากับมู่ชิงเกอ

แววตามู่ชิงเกอเปล่งประกายวูบหนึ่ง เริ่มรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง

“ไม่ต้องกังวล เป็นเรื่องดี” หลีเฉาพูดอีกคำหนึ่ง ตามด้วยยิ้มให้มู่ชิงเกออย่างลึกลับ ประสานมืออำลา ออกจากวังราชาเทวะกลับไปยังวังน้อยของตัวเอง

มู่ชิงเกอมองเขาจากไป ในใจยังคงคิดถึงคำพูดสุดท้ายที่ หลีเฉากล่าวทิ้งไว้

เรื่องดี?

เรื่องดีอะไรหรือ

เวลานี้เรื่องดีที่สุดสำหรับนางก็คือพบมู่เทียนอินเพื่อสะสางความแค้นระหว่างพวกเขาสองคนให้จบสิ้น

ปรับอารมณ์ความรู้สึกแล้วมู่ชิงเกอก็เชิดคาง มองไปยังวังราชาเทวะที่ยิ่งใหญ่น่าเกรงขาม สูดลมหายใจลึกๆ แล้วสาวเท้าเดินไป

นางไม่รู้ว่าราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยเรียกหานางด้วยเรื่องอะไร แต่นางจะต้องตั้งใจรับมือเต็มที่ เนื่องจากบนตัวนางมีความลับมากมาย หลายๆ ครั้งเมื่อได้พบกันมากขึ้นก็จะยิ่งเพิ่มโอกาสที่จะถูกจับได้มากขึ้น

เข้าไปในวังราชาเทวะแล้ว มู่ชิงเกอก็ยืนอยู่ในตำหนักที่ใหญ่โตโอฬาร

ทันใดนั้น ตาดำนางก็หดเล็กลง ผุดความตกใจขึ้นมา เนื่องจากภายในวังราชาเทวะไม่ได้มีนางเพียงคนเดียว นอกจากชายชุดม่วงที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ราชาเทวะแล้ว ยังมีอีกคนหนึ่ง คนผู้นี้นางคุ้นเคยดี นั่นก็คือผู้เฒ่าลึกลับที่บ้านบนเขาคนนั้น

มู่ชิงเกอรู้สึกผิดคาดมาก กลับมาครั้งนี้นางยังไม่ได้พบหน้าผู้เฒ่าเลย วันนี้กลับได้เจอกันที่วังราชาเทวะเสียแล้ว

ผู้เฒ่าเฝ้าตะเกียงยิ้มกริ่มมองท่าทางตกใจของมู่ชิงเกอแล้วพูดติดตลกว่า “เจ้าหนูน้อยคนนี้ ทุกทีดูสุขุมเยือกเย็น ไม่ค่อยได้เห็นอาการตกใจแบบนี้บนใบหน้าเจ้าเลยนะ”

มู่ชิงเกอกกระตุกมุมปาก บ่นอยู่ในใจ ‘ก็ไม่ใช่เพราะเห็นท่านอยู่ที่นี่หรือไรเล่า’

“ผู้อาวุโส” ถึงแม้บ่นอยู่ในใจแต่ต่อหน้าราชาเทวะฮ่วนเยวี่ย นางยังต้องเก็บแววตา ผงกศีรษะนิดๆ ประสาน มือทำความเคารพ

หลังจากนั้น นางจึงได้ทำความเคารพราชาเทวะฮ่วนเยวี่ย

“ไม่ทราบว่าราชาเทวะตามข้ามาเพราะเรื่องอันใดหรือ” มู่ชิงเกอเป็นฝ่ายถามก่อน

ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยนั่งอย่างเกียจคร้านบนบัลลังก์ สองตาที่เชิดขึ้นมองกลับไปกลับมาบนร่างของมู่ชิงเกอ มู่ชิงเกอถูกมองจนหนังหัวชาไปทั้งแถบ ใจเต้นตุบตับ อธิบายไม่ถูก

คนที่มีความลับมากมักจะกลัวว่าจะถูกจับได้

“ไม่เลว ขั้นถํ้าวิญญาณชั้นเจ็ด เจ้ามาแดนฮ่วนเยวี่ยได้ราวสองปีเท่านั้นเองใช่ไหม” ขณะที่มู่ชิงเกอถูกจ้องจนชักทนไม่ไหว ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยก็ถอนสายตากลับแล้วถามเสียงเรียบ

มู่ชิงเกอไม่รู้ว่าทำไมเขาจึงถามเช่นนี้ แต่ก็ยังผงกศีรษะตอบไปตามความเป็นจริง

“อืม” ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยตอบรับแล้วก็เงียบไปอีก

มู่ชิงเกอยืนอยู่กลางตำหนักใหญ่ ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยต้องการอะไรกันแน่

“ท่านคิดว่าอย่างไร” ผ่านไปสักครู่ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยก็เปิดปากขึ้นอีก

แต่มู่ชิงเกอรู้ว่า คำถามนี้ไม่ได้ถามตัวนาง ในตำหนักนี้หากราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยไม่ได้ถามตัวนาง ก็ต้องเป็นอีกคนหนึ่งแล้ว

ผู้เฒ่าลึกลับคนนั้นมีฐานะอะไรกันแน่ ตาดำมู่ชิงเกอหดลง สงสัยอีกครั้งถึงฐานะของผู้เฒ่า

“อืม ข้าก็รู้สึกว่าไม่เลวเลย” ผู้เฒ่ายิ้มผงกศีรษะ สายตาที่มองมู่ชิงเกอเต็มไปด้วยความชื่นชม

สายตาราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยเปลี่ยนแปลงไปมา อาการเกียจคร้านนั้นทำให้คนไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ “ได้ยินว่าราชาเทวะน้อยแดนเฝินไห่แผ่นดินเทพใต้ตายแล้ว”

ผู้เฒ่าผงกศีรษะ “ข้าเองก็ได้ยินมาเหมือนกัน ไม่รู้ใครลอบทำร้าย”

การพูดคุยที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตัวเองกลับทำให้มู่ชิงเกอหัวใจเต้นแรง ‘เซิ่งจิ่งตายแล้วหรือ ก็หมายความว่า ตลาดมืดทำสำเร็จ พวกเขาได้สิทธิ์แห่งเทพของเซิ่งจิ่งไป อย่างนั้นพวกเขาจะทำการแลกเปลี่ยนกันแล้วหรือ…

หัวใจของมู่ชิงเกอเต้นแรงขึ้นมา

“เจ้าคิดอะไรอยู่หรือ” ทันใดนั้น ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยก็ถาม ดึงสติมู่ชิงเกอกลับคืนลู่สภาวะปัจจุบัน

มู่ชิงเกอสั่นศีรษะแล้วหลุบตาลง

ท่าทางเงียบขรึมของนางทำให้ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยไม่ได้ถามต่อ แต่ยังคงคุยกับผู้เฒ่าต่อว่า “แผ่นดินเทพใต้ เวลานี้ก็เหลือเพียงสามราชาเทวะน้อยเหมือนเราแผ่นดินเทพตะวันออกแล้ว ท่านคิดว่ามีความจำเป็นต้องประกาศให้โลกรู้ในเวลานี้หรือ”

ผู้เฒ่าลึกลับคิดอยู่นิดหนึ่งจึงพูดว่า “เซิ่งจิ่งคนนั้นนับเป็นคนที่พรสวรรค์ด้อยที่สุดในบรรดาสี่ราชาเทวะน้อย แผ่นดินเทพใต้ ครั้งนี้เขาตายไป แดนเฝินไห่ก็คงหาคนใหม่มาทดแทนตำแหน่งของเขาได้อย่างรวดเร็ว”

“อืม ความหมายของท่าน ข้าเข้าใจแล้ว” ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยพูดอีก

ผู้เฒ่าถอนใจยาว สะบัดสองมือม้วนแขนเสื้อขึ้นไพล่ไว้ข้างหลัง “พวกเราแดนฮ่วนเยวี่ยปล่อยตำแหน่งว่างมาสามพันปีแล้วถึงเวลาที่จะต้องทำอะไรบ้างแล้ว”

“ประสบการณ์น้อยเกินไป” ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยสั่นศีรษะช้าๆ

ผู้เฒ่ากลับบอกว่า “ประสบการณ์นั้นเชื่อถือไม่ได้มากที่สุด พอเวลาผ่านไปนานเข้า ใครๆ ก็มีได้”

‘พวกเขากำลังคุยอะไรกันน่ะ’ มู่ชิงเกอฟังจนงงไปหมด ราวกับพอจับเบาะแสบางอย่างได้ แต่ก็คล้ายกับไม่ได้อะไรเลย

ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยกับผู้เฒ่าลึกลับคนนั้นยังคงคุยกันเอง ราวกับไม่สนใจว่านางจะได้ยินอะไรบ้าง

จนพวกเขาปรึกษาเสร็จ สายตาราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยจึงเลื่อนมาที่ตัวนางอีกครั้ง “เจ้าได้ทำเรื่องบางอย่างที่แดนจงซาน ผูกความแค้นกับแดนจั๋วอวี่ ถึงแม้จะมีการรับประกันจากราชาเทวะจงซานและยังมีข้าอยู่ที่นี่ คนของแดนจั๋วอวี่จึงไม่สามารถทำอะไรเจ้าได้ แต่หากอยากจะหยุดความคิดของพวกเขาเจ้าก็ถึงเวลาที่ควรมีฐานะใหม่ได้แล้ว”

“ฐานะใหม่หรือ” มู่ชิงเกองุนงงมาก

ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยผงกศีรษะช้าๆ “ต่อแต่นี้ไป เจ้ายังคงเป็นสามน้อยแดนฮ่วนเยวี่ยของข้า แต่เพิ่มอีกหนึ่งฐานะใหม่ขึ้นมา นั่นคือเป็นราชาเทวะน้อยแดนฮ่วนเยวี่ยของข้า เป็นผู้ที่จะได้เป็นราชาเทวะต่อจากข้าในอนาคต”

อะไรนะ!

มู่ชิงเกอเบิกตากว้างทั้งสองข้าง นี่มันเกินความคาดหมายจริงๆ

แต่ ไม่ยากหากจะให้นางรับเอาไว้ การมีฐานะเป็นราชาเทวะน้อยจะทำให้การเข้าออกในแผ่นดินเทพทั้งสี่สมุทรจะสะดวกยิ่งขึ้น อีกทั้งยังนับว่ายืนได้อย่างมั่นคงในแผ่นดินเทพตะวันออกอย่างแท้จริง

ส่วนเหตุผลที่ว่าให้ฐานะนี้แก่นางเพื่อหยุดความคิดคนแดนจั๋วอวี่นั่นน่ะหรือ

มู่ชิงเกอไม่ได้เชื่อถือเลยสักนิด หากตัวเองไม่มีศักยภาพของการเป็นราชาเทวะน้อย ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยจะให้ฐานะนี้แก่นางได้อย่างไร เหตุที่พวกเขาเลือกนั้นย่อมเป็นพรสวรรค์ฝืนชะตาฟ้าของนางที่แสดงออกมา

“ขอบคุณราชาเทวะ” มู่ชิงเกอกล่าวขอบคุณ ยอมรับฐานะนี้ด้วยความสงบ

นางนิ่งเฉยมาก ไร้ซึ่งอาการลิงโลดต่างๆ

กลับเป็นผู้เฒ่าลึกลับที่ถามอย่างประหลาดใจว่า “เจ้าไม่ยินดีเลยแม้แต่นิดเลยหรือ”

มู่ชิงเกอยิ้มบางๆ ตอบเรียบๆ ว่า “ความดีใจเสียใจไม่ปรากภให้เห็นเป็นพื้นฐานที่สุดในการบำเพ็ญ การบำเพ็ญก็คือการฝึกจิตใจ หากถูกสิ่งนอกกายล่อลวงได้ง่ายแล้วจะฝึกจิตใจได้อย่างไร”

“อืม เจ้าเด็กคนนี้ ข้าไม่ได้ดูผิดจริงๆ ไม่เลวไม่เลว” ผู้เฒ่ายิ้มผงกศีรษะด้วยความยินดี

ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยเปิดปากว่า “หลังจากนี้ เจ้ามีฐานะเป็นราชาเทวะน้อยแดนฮ่วนเยวี่ยของข้า ทั่วแผ่นดินเทพทั้งสี่สมุทรต่างรับรู้ เจ้าจงจำไว้ว่า การกระทำของเจ้าที่แสดงออกสู่ภายนอกจะทำให้แดนฮ่วนเยวี่ยของข้าเสียหน้าไม่ได้ อย่าทำเรื่องที่จะเสื่อมเสียชื่อเสียงแดนฮ่วนเยวี่ยของข้า นอกจากนั้น เจ้าจะทำอะไรก็ได้ตามสะดวก”

พูดจบมือของเขามีแสงสีทองพุ่งออกมา ตกมาอยู่ในมือของมู่ชิงเกอ

มันเป็นกุญแจที่คล้ายทองแต่ไม่ใช่ทอง คล้ายหยกแต่ก็ไม่ใช่หยก

“กุญแจดอกนี้เป็นสัญลักษณ์ของราชาเทวะน้อย สามารถเปิดวังราชาเทวะน้อยที่ปิดมาแล้วสามพันปีได้” ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยกล่าว

มู่ชิงเกอเก็บกุญแจ ในใจหวังอยู่ลึกๆ สิ่งที่หวังนั้นย่อมเป็นทรัพยากรบำเพ็ญในวังราชาเทวะน้อย รวมทั้งผลประโยชน์ที่จะได้รับเลื่อนขึ้นตามฐานะ

“ออกไปได้” ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยสะบัดแขนเสื้อโบกมือ

มู่ชิงเกอพูดว่า “ราชาเทวะ ข้าบำเพ็ญในแดนเทพมานานพอสมควรแล้ว เวลานี้ไม่สามารถเลื่อนขั้นได้ชั่วคราวจึงคิดอยากออกนอกแดนเทพเพื่อฝึกฝนสักพัก”

ในเมื่อเซิ่งจิ่งตายแล้ว นางก็ต้องรีบออกจากแดนฮ่วนเยวี่ย

“อืม แล้วแต่เจ้า” ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยพูดอย่างไม่ใส่ใจนัก

ได้รับอนุญาตแล้ว มู่ชิงเกอยังไม่ทันดีใจก็รู้สึกว่าร่างกายวาบออกไปปรากฎตัวอยู่นอกตำหนักวังราชาเทวะ ประตูวังปิดสนิทลงปิดกั้นสายตาของนางในทันที

มู่ชิงเกอชะงักแล้วหันมองผู้เฒ่าลึกลับข้างๆ ตัวเอง

ผู้เฒ่าเมื่ออยู่ต่อหน้าราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยก็ราวกับไม่ได้เกรงกลัวอะไรเลย นี่ทำให้นางสงสัยอย่างยิ่ง

นางอดที่จะถามอีกครั้งไม่ได้ว่า “ผู้อาวุโส ท่านเป็นใครกันแน่”

ผู้เฒ่ายิ้มแล้วชี้ไปที่วังราชาเทวะข้างหลัง พลางบอกมู่ชิงเกอว่า “ก่อนเขามา ข้าอยู่ที่นี่มาก่อน”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version