ตอนที่ 624
ตลาดมืด มาช้าไปก้าวหนึ่ง
ออกจากแดนฮ่วนเยวี่ยแล้ว มู่ชิงเกอยังคงคิดถึงคำพูดผู้เฒ่า
‘ก่อนเขามา ข้าอยู่ที่นี่มาก่อน’
มู่ชิงเกอแหงนหน้ามองแดนฮ่วนเยวี่ยที่ล่องลอยอยู่ท่ามกลางทะเลปุยเมฆ แดนเทพที่ราวกับแดนลับแลซึ่งผู้คนต่างโหยหา
นางนึกขำในใจแล้วถอนสายตากลับคืน
‘ต่างเข้าใจกันว่าราชาเทวะคนก่อนสิ้นชีพไป แล้วราชาเทวะปัจจุบันจึงขึ้นมาแทน แต่ใครจะรู้ราชาเทวะคนเก่ายังอยู่อย่างสุขสบาย เก็บซ่อนประกายรุ่งโรจน์บนตัวทั้งหมดลง พอใจที่จะอยู่อย่างสามัญในแดนฮ่วนเยวี่ย’
มู่ชิงเกอคิดในใจ ‘ทำไมทั้งคู่จึงทำเช่นนี้ มีแผนการอะไรหรือไม่’
เวลานี้มู่ชิงเกอไม่รู้ทั้งสิ้น
นางเพียงแต่รู้สึกได้ลางๆ ว่าหลังจากตัวเองเข้ามาในแดนฮ่วนเยวี่ยแล้วก็กลายเป็นส่วนหนึ่งในแผนการของพวกเขาไปโดยไม่รู้ตัว แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก ในเมื่อต่างได้รับผลประโยชน์ ต่างพึ่งพาอาศัยกันก็ไม่ใช่ว่านางจะไม่ได้รับประโยชน์อะไรเลย
เช่นฐานะใหม่ของนางในเวลานี้
มู่ชิงเกอยกมือดีดเสื้อตัวเอง มุมปากคล้ายมีรอยยิ้ม
ขณะที่นางลงมาจากเมืองบนของแดนฮ่วนเยวี่ย ภายในเมืองล่างเหล่ามนุษย์เทพที่สังกัดแดนฮ่วนเยวี่ยต่างก็รู้ว่านางคือราชาเทวะน้อยของแดนฮ่วนเยวี่ยกันหมดแล้ว
เรื่องนี้เป็นเช่นที่ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยว่าไว้ ภายในไม่กี่วันทุกคนในแผ่นดินเทพทั้งสี่สมุทรจะรู้กันหมด
และนี่คือสิ่งที่นางต้องการ
นางอยากให้ข่าวนี้ไปถึงหูมู่เทียนอินอย่างแม่นยำและรวดเร็ว ให้เขานั่งไม่ติด กระโดดจากที่ซ่อนตัวอันดำมืดออกมาเอง
เพียงแค่เขาเคลื่อนไหวก็ไม่ต้องห่วงว่าจะจับเขาไม่ได้
ดวงตาที่ใสแจ๋วของมู่ชิงเกอผุดแสงเย็นวาบออกมา
“ขอถามว่าท่านนี้คือราชาเทวะน้อยมู่ใช่หรือไม่” ทันใดนั้นข้างหลังมู่ชิงเกอมีเสียงสอบถามด้วยความเคารพดังแว่วมา
เสียงนี้นางค่อนข้างคุ้นเคย แต่ก็รู้สึกแปลกหน้า
มู่ชิงเกอเก็บความคิดหันกลับไป พอเห็นคนที่อยู่ข้างหลังตัวเองก็ชะงักไปในทันที
ทั้งหน้าตา รูปร่าง ก็คือคนที่ซือมั่วสวมรอยตอนอยู่ที่แดนจงซานนนเอง
แต่มู่ชิงเกอสามารถบอกได้ทันทีว่าคนผู้นี้ไม่ใช่ซือมั่วปลอมตัวมา
“ข้าก็คือมู่ชิงเกอ” แววตามู่ชิงเกอหม่นลงนิดหนึ่ง เอ่ยบอกฐานะของตัวเอง
ไป่สือเห็นไม่ได้ทักผิดคนก็ยิ้มสุภาพมากขึ้น และบอกมู่ชิงเกอว่า “ราชาเทวะน้อยมู่ ข้าเป็นลูกศิษย์ตำหนักหน้าแดนเหว่ยอี้ ชื่อไป่สือ พวกเราเคยพบกันที่แดนจงซาน”
มู่ชิงเกอยิ้มอย่างขบขันพลางพยักหน้า “ถูกต้อง พวกเราเคยพบกัน”
ไป่สือยิ้มพูดว่า “ไม่ทราบว่าเรื่องที่พวกเราเคยคุยกันราชาเทวะน้อยมู่คิดว่าอย่างไร ใช่แล้ว ข้ายังไม่ทันแสดงความยินดีเรื่องที่สามน้อยมู่ได้รับตำแหน่งราชาเทวะน้อยแดนฮ่วนเยวี่ยเลย”
“ไม่ต้องเกรงใจ” มู่ชิงเกอพูดเรียบๆ แล้วบอกไป่สือว่า “ที่ท่านพูด คือเรื่องจะไปหาประสบการณ์ที่แผ่นดินเทพตะวันตกใช่ไหม”
ดวงตาของไป่สือเป็นประกาย ผงกศีรษะว่า “ถูกต้อง เป็นเรื่องนี้ที่เคยนัดแต่แรกว่าเมื่อเตรียมตัวแล้วเสร็จข้าจะมาหาท่านที่แดนฮ่วนเยวี่ย จึงได้มาเวลานี้”
มู่ชิงเกอยิ้มว่า “ข้าก็เพิ่งจะลงมาเตรียมไปหาประสบการณ์พอดี”
“เมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราก็ไปกันเถอะ ข้าได้เตรียมเรืออากาศเรียบร้อยแล้ว” ไป่สือกล่าว
มู่ชิงเกอผงกศีรษะนิดๆ จากไปพร้อมกับไป่สือ
การจากไปของทั้งสองคนนั้นไม่ทำให้ใครแตกตื่น ต่อให้มีคนฟังการพูดคุยของทั้งคู่ก็ไม่คิดอะไรมากมาย เนื่องจากพวกเขาคุยเรื่องไปหาประสบการณ์ที่แผ่นดินเทพตะวันตกเท่านั้น ไม่ได้คุยเรื่องอื่น
ในแผ่นดินเทพทั้งสี่สมุทร ลูกศิษย์แดนเทพต่างๆ เมื่อว่างจากการบำเพ็ญก็ไปหาประสบการณ์ตามสถานที่ต่างๆ เป็นเรื่องปกติ
เช่นถงเถิงที่ออกจากแดนฮ่วนเยวี่ยเมื่อสามเดือนที่แล้ว เวลานี้ไม่รู้ไปหาประสบการณ์อยู่ที่ไหน ยังอยู่ในแผ่นดินเทพตะวันออกหรือไม่ก็ยังไม่รู้
ไป่สือนำทางอยู่ข้างหนำ มู่ชิงเกอตามอยู่ข้างหลัง
หลังจากทั้งคู่ออกจากน่านฟ้าแดนฮ่วนเยวี่ยแล้ว มู่ชิงเกอก็ปล่อยเสี่ยวไฉ่ออกจากช่องว่าง เสี่ยวไฉ่ ร้องเสียงดังกลายเป็นหงส์แสนงดงาม เอียงคอเชื้อเชิญมู่ชิงเกอขึ้นไป
เมื่อมองเห็นเสี่ยวไฉ่ ตาของไป่สือก็เป็นประกาย เอ่ยชมว่า “นี่เป็นโชคสายเลือดพิเศษของเผ่าเฟิ่งหวง”
“ตาถึงมาก” มู่ชิงเกอยิ้มๆ
สองคนยืนอยู่บนหลังเสี่ยวไฉ่ เสี่ยวไฉ่กระพือปีกบินไปตามทิศทางที่ไป่สือบอก มุ่งหน้าสู่มหาสมุทรดวงดาว
ความเร็วของเสี่ยวไฉ่นั้นสูงมาก หลังจากมาถึงแผ่นดินเทพมารก็ราวกับว่ายิ่งเหมาะกับการเหินบินของมัน เมื่อเทียบกับครั้งที่อยู่ในโลกแห่งยุคกลางแล้วยังเร็วกว่ามากนัก
ใช้เวลาเพียงวันครึ่งก็พาทั้งคู่ไปถึงขอบมหาสมุทรดวงดาว
“ใต้’เท้า เรืออากาศอยู่เบื้องหน้า เจ้านายรอท่านอยู่บนนั้น” ไป่สือชี้ไปที่เรืออากาศที่เห็นเลือนรางลำหนึ่งแล้วบอกมู่ชิงเกอ
ซือมั่วก็มาแล้ว
มู่ชิงเกอไม่ได้คาดคิด นางนึกว่าอย่างน้อยต้องไปถึงแผ่นดินเทพตะวันตกจึงจะเจอเขา
สะกดกลั้นความยินดีในใจแล้วมู่ชิงเกอก็บอกไป่สือว่า “ในแผ่นดินเทพ เจ้าเรียกข้าว่ามู่ชิงเกอเถอะ”
“นี่…ข้าน้อยมิกล้า” ไป่สือมีสีหน้าเคารพนบนอบ เขาไม่รู้ฐานะแท้จริงของมู่ชิงเกอ แต่คนที่เจ้านายต้องออกมาพบด้วยตนเอง ทั้งคอยดูแลคุ้มครองทุกแห่งหนย่อมไม่ใช่ธรรมดาแน่นอน
เขาเป็นสายสืบเผ่ามาร สามารถเป็นใหญ่เป็นโตได้ในเผ่าเทพย่อมมีฝีมือเหนือกว่าใคร ทั้งยังถนัดเรื่องการจัดการ การพบปะผู้คน นี่เป็นความสามารถพื้นฐานที่สุด
ดังนั้น ในเมื่อเดาฐานะมู่ชิงเกอว่าไม่ธรรมดาแล้ว เขาย่อมไม่กล้าทำตามอำเภอใจแน่นอน
“ไม่มีอะไรไม่กล้า เจ้าเรียกข้าแบบธรรมดาก็พอแล้ว” มู่ชิงเกอพูดอย่างไม่ใส่ใจ
ไป่สือคิดแล้วก็ถามหยั่งเชิงดูว่า “ถ้าเช่นนั้น…ข้าเรียกท่านว่าสามน้อยได้หรือไม่”
มู่ชิงเกอพยักหน้า “ได้สิ”
ระหว่างคุยกัน ทั้งคู่ก็มาถึงเรืออากาศแล้ว
มู่ชิงเกอยืนบนหลังเสี่ยวไฉ่ มองลงไปเห็นซือมั่วยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือยิ้มมองนางอยู่ ส่วนกู่หยากับกู่เย่ก็เฝ้าอยู่ที่ด้านหลังเขา
ครั้งนี้ เขาใช้ใบหน้าจริง ไม่ได้ปิดบังอะไร
มู่ชิงเกอจนใจลอบบ่นอยู่ในใจว่า ‘เจ้านี่ยิ่งวันยิ่งเหิมเกริม แดนมารพักนี้ว่างนักหรืออย่างไร เขาจึงได้มาวิ่งไปมาอยู่แต่แผ่นดินเทพ’
แม้จะบ่นในใจ แต่มู่ชิงเกอก็รู้ว่าเพราะตัวนางซือมั่วจึงต้องเสี่ยงภัยเช่นนี้
นอกจากห่วงความปลอดภัยของเขาแล้ว ที่เหลือในใ นางคือความซาบซึ้งที่หนักอึ้ง
มู่ชิงเกอกระโดดลงจากหลังเสี่ยวไฉ่ ไป่สือก็ตามไปติดๆ เสี่ยวไฉ่ร้องดังถูกมู่ชิงเกอเก็บเข้าไปในช่องว่าง
พอนางโดดลงมา ซือมั่วก็รีบกระโดดขึ้นจากดาดฟ้าเรือ ยื่นมือออกมากอดนางไว้กลางอากาศ
แขนเขายื่นออกมาโอบเอวมู่ชิงเกอไว้อย่างแม่นยำ ทั้งคู่ร่อนลงจากกลางอากาศมายืนอยู่ที่ดาดฟ้าเรือ
ไป่สือมองจนตะลึง ไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง
เจ้านายเคยสนิทกับใครมากขนาดนี้เสียที่ไหนกัน
หรือว่า…
ก่อนนี้แดนมารเคยมีข่าวว่าเจ้าแห่งมารมีพระชายา อีกทั้งพระชายาก็เป็นที่ยอมรับอย่างมากในแดนมาร แม้แต่เหล่าเจ้าเมืองย่อยทั้งหลายก็ยังยอมรับกัน
แต่พระชายาคนนี้กลับมีประวัติลึกลับ หลังจากเจ้าแห่งมารกลับมาปกครองแล้วก็หายตัวไป
หรือว่าราชาเทวะน้อยมู่คนนี้คือพระชายา
แต่…แต่พระชายาเป็นหญิง ราชาเทวะน้อยมู่เป็นชาย
ไป่สือมึนไปหมด
เขายืนอยู่บนดาดฟ้าเรือ มองมู่ชิงเกอกับซือมั่วส่งสายตาหากันราวกับไม่มีใครอยู่ด้วย ด้วยใบหน้าฉงน
“แค่กๆ” กู่หยาไอเบาๆ เพื่อปลุกให้เขาตื่นจากภวังค์
ไป่สือสะบัดหัว มองไปที่กู่หยาแล้วถามว่า “นี่…”
“อืม เจ้าเดาไม่ผิด รู้ในใจก็พอแล้ว บางคำพูดไม่ต้องถามออกมา ไม่เช่นนั้นจะต้องรับกับผลที่จะตามมา” กู่หยาบอกเขา
ไป่สือกลืนนํ้าลายเอื๊อกพลางผงกศีรษะ
อย่างไรก็ตาม คำพูดของกู่หยาก็ได้บอกเขาแล้วว่ามู่ชิงเกอก็คือพระชายาของเผ่ามาร ส่วนทำไมเป็นผู้ชายนั้น นั้นต้องเป็นเพราะเจ้าแห่งมารเกรงว่าพระชายาจะไม่สะดวกในการเคลื่อนไหวในเผ่าเทพ อาจมีคนเผ่าเทพไม่รู้จักตายมาวุ่นวายกับพระชายาจึงใช้ของวิเศษบางอย่างเปลี่ยนรูปลักษณ์ของนาง
ซือมั่วไม่สนใจทำทีตกใจของไป่สือ เขาจูงมือมู่ชิงเกอไปอีกด้านหนึ่งแล้วกระซิบที่ข้างหู
“ยังไม่ได้แสดงความยินดีกับเจ้าที่ตอนนี้ได้เป็นราชาเทวะน้อยแดนฮ่วนเยวี่ยเลย”
มู่ชิงเกอยิ้ม “หัวโขนเหล่านี้แค่ใช้อำพรางเท่านั้น เจ้าก็รู้ว่าอย่างไรข้าก็ต้องทำให้แผ่นดินเทพปั่นป่วนอยู่วันยังค่ำ”
ไม่ใช่เพื่อตัวเองแต่เพื่อตระกูลมู่ นี่เป็นหน้าที่ที่นางปฏิเสธแต่แรก แต่พอก้าวไปทีละก้าวๆ ก็ทำให้นางยอมแบกรับ
ซือมั่วผงกศีรษะ บอกนางว่า “พวกเราจะไปแผ่นดินเทพตะวันตกทันที สิทธิ์แห่งเทพของเซิ่งจิ่งได้ถูกส่งเข้าแผ่นดินเทพตะวันตกแล้ว”
แววตามู่ชิงเกอมืดครึ้ม “เบื้องหลังตลาดมืดคือใครกันแน่ กล้าลงมือกระทั่งราชาเทวะน้อย”
“ก็ต้องดูคนด้วย หากว่าราชาเทวะน้อยที่เขาชี้เป็นเป่ยเหยียนแดนจงซานแห่งแผ่นดินเทพตะวันออก พวกเขาก็คงไม่รับทำ ส่วนใครอยู่เบื้องหลังพวกเขา ต่อไปเมื่อเจ้าได้ไปมาในแผ่นดินเทพมากขึ้นก็จะเข้าใจเอง” ซือมั่วกล่าว
สายตามู่ชิงเกอวาบขึ้น ฟังความหมายของคำพูดซือมั่วออก นั่นก็คือ ตลาดมืดค้าขายสิทธิ์แห่งเทพ เกี่ยวข้องกับอิทธิพลด้านสว่างของแผ่นดินเทพด้วย
“ไปถึงแผ่นดินเทพตะวันตกแล้ว ข้าจะใช้ฐานะของไป่สืออยู่กับเจ้า ส่วนเขาจะถูกข้าซ่อนตัวไว้ก่อน” ซือมั่วกล่าว
“อืม”
เรืออากาศล่องไปในมหาสมุทรดวงดาว ค่อยๆ เข้าใกล้แผ่นดินเทพตะวันตก
นี่เป็นครั้งแรกที่มู่ชิงเกอกับซือมั่วนั่งเรืออากาศด้วยกัน ชื่นชมทิวทัศน์มหาสมุทรดวงดาว ไม่รู้ทำไม นางรู้สึกว่าทิวทัศน์มหาสมุทรดวงดาวดูสวยสดงดงามขึ้นมา งาม
จนดูเท่าไรก็ไม่เบื่อ
แผ่นดินเทพตะวันออกอยู่ในระนาบเดียวกับแผ่นดินเทพตะวันตก ต้องข้ามมหาสมุทรดวงดาวผืนใหญ่ ถึงแม้ไป่สือจะปรับความเร็วเรืออากาศจนเร็วที่สุดแล้ว พวกเขาก็ยังต้องใช้เวลาราวสองเดือนอยู่ดีจึงจะถึงแผ่นดินเทพตะวันตก
เมื่อเข้าไปในแผ่นดินเทพตะวันตกแล้ว ป้ายประจำตัวของมู่ชิงเกอเป็นของแดนฮ่วนเยวี่ย ซือมั่วใช้หน้ากากอสูรแปลงเป็นไป่สือแล้วใช้ฐานะของเขาผ่านการตรวจค้นเข้าไป
ขณะตรวจค้นมู่ชิงเกอก็รู้สึกได้ว่ามนุษยัเทพที่รับหน้าที่ตรวจค้น พอเห็นแซ่ของนางแล้วก็มีท่าทีเคร่งเครียดขึ้นมา แต่เมื่อเห็นป้ายฐานะของแดนฮ่วนเยวี่ยแล้วก็กลับคืนสู่ท่าทีปกติ
เมื่อเข้าไปในแผ่นดินเทพตะวันตกแล้ว มู่ชิงเกอกับซือมั่วก็ไม่ได้รอช้าไปยังตลาดมืดที่ซื้อขายสิทธิ์แห่งเทพทันที
แต่เมื่อพวกเขาไปถึง กลับได้รับข่าวที่ทำให้พวกเขาผิดหวัง
สิทธิ์แห่งเทพถูกนำไปแล้ว
“เดิมทีบอกว่าจะมารับวันนี้ แต่ไม่รู้ทำไมกลับมารับไปเงียบๆ ล่วงหน้าถึงสามวัน คนของพวกเราก็เพิ่งรู้ในวันรุ่งขึ้นนี่เองขอรับ” สายสืบซือมั่วรายงาน
‘เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวนัก’ มู่ชิงเกอได้ยินข่าวนี้แล้วก็แค่นเสียงอยู่ในใจ