Skip to content

พลิกปฐพี 648

ตอนที่ 648

ความลับของศาลาอีเยี่ย

สู้!

มู่ชิงเกอตัดสินใจใช้ท่าก้าวดาราก่อกำเนิดเปลี่ยนแปลงเงาร่างตลอดเวลา พุ่งไปทางกลุ่มทหารยามที่เขาวงกตข้างหน้า

พอนางขยับตัวสิบทหารยามก็สังเกตเห็นในทันที

เพียงแต่ก่อนที่พวกเขาจะทันทำอะไร มู่ชิงเกอก็มาถึงด้านหน้าของพวกเขาแล้ว

เงาร่างที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลาว่องไวจนไม่สามารถจับได้

กระบี่สั้นในมือมู่ชิงเกอกวาดออกไป เกิดเงามีดดาบวาววาบเข้าต่อสู้กับทหารยามในเขาวงกต เพียงแค่กระบวนท่าเดียว มู่ชิงเกอก็อาศัยพลังที่เกิดขึ้นจากการสกัดนี้ส่งตัวเองไปที่กำแพง

ด้านหลังนางเป็นกำแพง สองตามู่ชิงเกอปรากฎแสงทองวูบออกมาเป็นแสงสองสาย ทำให้สองตาของทหารยามที่ล้อมบุกเข้ามาออกอาการงงงัน การเคลื่อนไหวช้าลง

มู่ชิงเกอฉวยโอกาสนี้ถอยไปข้างหลัง

เป็นจริงดังนั้น ด้านหลังที่นางสัมผัสไม่ใช่กำแพงแข็งเย็น แต่เป็นความนุ่มราวกับปุยสำลี

พอหลังนางแนบลงไปก็มีพลังฉุดลากนางเข้าไป พริบตาเดียวก็หายไปจากสายตาของทหารยาม พอนางหายไป นัยน์ของเหล่าทหารยามก็กลับคืนสู่ความสดใส เช่นเดิม

พวกเขาต่างยืนอยู่ในตำแหน่งเดิมของตัวเองแล้ว มองหน้ากัน ต่างรู้สึกงุนงง

“เกิดอะไรขึ้นเมื่อครู่นี้” ทหารคนหนึ่งถามขึ้น

ที่เหลือเก้าคนต่างสั่นศีรษะด้วยใบหน้างุนงง ท่าทางพวกเขาราวกับลืมเรื่องที่มีคนปรากฎตัวออกมาเมื่อครู่นี้จนหมดสิ้น

ปฏิกิริยาของทุกคน รวมทั้งบริเวณรอบๆ ไม่มีร่องรอยการต่อสู้เหลืออยู่ ทำให้พวกเขาแม้จะสงสัย แต่ก็ไม่ได้คิดมากต่อไปอีก

ต่างคนต่างสบตากันแล้วก็เก็บงำปัญญาเทวะของตัวเอง รักษาตำแหน่งของตัวเองต่อไป

หลังกำแพงนั้น มู่ชิงเกอราวกับเข้าสู่ช่องว่างใหม่แห่งหนึ่ง

ที่นี่เป็นสนามหญ้าผืนใหญ่ ห่างไปเล็กน้อยมีทะเลสาบแห่งหนึ่ง น้ำในทะเลสาบมีคลื่นกระเพื่อมเล็กน้อย ทิวทัศน์ในทะเลสาบพอเห็นคลับคล้ายคลับคลา

“หวังว่าเมื่อครู่นี้จะสามารถลบความจำในไม่กี่พริบตาของพวกเขาได้หมดเกลี้ยง” มู่ชิงเกอพึมพำ แสงสีทองจากดวงตานางก็คือการใช้ปัญญาเทวะโจมตีเข้าลบความจำเหล่าทหารยามในไม่กี่พริบตานั้นให้หมด

ถึงแม้จะเป็นชั่วพริบตาเดียว แต่การที่นางปรากฎตัวขึ้นต่อหน้าพวกเขาก็เป็นเพียงช่วงเวลาพริบตาเท่านั้น

เพียงให้พวกเขาลืมไปว่าตัวนางเคยปรากฎตัวออกมาก็พอแล้ว เรื่องจะได้ไม่ไปถึงหูราชาเทวะอู๋หวา การเคลื่อนไหวต่อไปของนางจะได้ปลอดภัยมากขึ้น

“ที่นี่ก็คือศาลาอีเยี่ยหรือ” มองไปรอบๆ ตัว ทั้งยังสิ่งปลูกสร้างที่เห็นสะท้อนในบึงนํ้า มู่ชิงเกอก็รำพึง

นางสูดลมหายใจเข้าลึก ไม่ได้ลดการระมัดระวังตัวลง

นางให้ความสนใจที่ใต้เท้า หญ้าริมบึงดูปกติดี ไม่ได้พิสดารอะไร แต่ก็ยังทำให้นางเห็นถึงความไม่ปกติ

นัยน์ตาใสแจ๋วของมู่ชิงเกอปรากฎแววครุ่นคิด นางตรวจพบว่าในหญ้าเหล่านั้นมีอาคมซ่อนเร้นอยู่

นางยิ้มบางๆ ที่มุมปาก ครั้งนี้นางไม่ได้คลายอาคมอีก แต่กลับเดินด้วยวิธีพิสดาร ปล่อยอาคมใต้เท้า ออกมาควบคุมอาคมที่พื้นหญ้าจนมาถึงริมบึง

ยืนอยู่ที่ริมบึง หมอกควันที่จับอยู่บนผิวบึงน้ำ ค่อยๆ ลอยมาทางมู่ชิงเกอปกคลุมตัวนางไว้

สายตามู่ชิงเกอจ้องหมอกควันนี้นิ่งแล้วยื่นมือวาดไปในหมอกควัน พลันนั้นนางก็แค่นยิ้ม “มีเลศนัยจริงๆ ด้วย”

หมอกควันที่นี่รวมตัวไม่สลายไป ทำให้นางสงสัย

หลังจากตรวจสอบอย่างละเอียดแล้วก็พบว่าในหมอกควันมีพิษ คนที่สูดเข้าโดยไม่รู้ตัวจะทำให้พลังเทพในกายถูกผนึกนิ่ง มนุษย์เทพจะกลายเป็นมนุษย์ธรรมดา ในทันที

สายตามู่ชิงเกอเลื่อนจากหมอกควันลงตํ่าไปหยุดอยู่ที่ผิวบึงนํ้า

นางสามารถรับรู้ได้ว่าภายในบึงน้ำที่เงียบสงบนี้มีพลังงานที่ยิ่งใหญ่ผิดธรรมดากำลังสั่นกระเพื่อมอยู่

‘นังหนู ทำไมที่นี่มีกลิ่นเผ่าอสูรอยู่ด้วย’ ทันใดนั้น เสียงโห่วดังขึ้นมาในสมองของมู่ชิงเกอ

เผ่าอสูรหรือ?

ประกายตามู่ชิงเกอสว่างวาบขึ้นมาแววตาเป็นประกายสนุกสนาน ‘ดูแล้ว ในบึงน้ำได้ซ่อนอสูรคุ้มครองที่แข็งแกร่งเอาไว้’

เมื่อเดาออกถึงที่มาของพลังในบึงนํ้าแล้ว มู่ชิงเกอก็อดเลิกคิ้วไม่ได้

เขาวงกตนี้ทั้งศาลาอีเยี่ยนี่ถือว่ามีอาคมทุกจุด มีหลุมพรางทุกแห่งจริงๆหากไม่ใช่เพราะนางเรียนรู้มาแล้วมากมาย ปัญญาเทวะแข็งแกร่ง มีปฏิภาณไหวพริบ ทั้ง ระมัดระวังตัวอย่างยิ่ง หาไม่แล้วคงจะต้องพลาดพลั้งแน่นอน

‘ลุงโห่ว ทำอย่างไรจึงจะไม่รบกวนอสูรคุ้มครองในบึง และไปได้ถึงศาลาที่อยู่กลางบึงได้’ มู่ชิงเกอถามโห่วในใจ

โห่วหัวเราะอย่างไม่ใส่ใจ ‘จะยากอะไร ข้าแค่ปล่อยพลังอำนาจออกมารับรองว่าเจ้านั้นไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงด้วยซํ้า’

มู่ชิงเกอยิ้มบอกว่า ‘ถ้าลุงโห่วแน่ใจขนาดนั้น ข้าก็วางใจแล้ว’

‘นังหนู เจ้าวางใจข้ามบึงไปได้เลย ข้ารับรองว่าเจ้าตัวในบึงนั้นไม่กล้าแตะต้องเจ้าแน่’โห่วบอกมู่ชิงเกอ

มู่ชิงเกอพยักหน้านิดๆ สูดลมหายใจแล้วพุ่งตัวไปกลางบึง…

ร่างกายนางไม่เกรงสารพัดพิษไม่กังวลแม้แต่นิดว่าหมอกควันพิษจะมีผลอะไรกับตัวเอง

เพียงแต่ ขณะที่นางพุ่งไปถึงครึ่งทาง ผิวบึงนํ้าที่เงียบสงบก็เกิดเดือดพล่าน มีเสียงคำรามของเผ่าอสูรดังมาจากใต้บึง

นางหลุบตามองผิวนํ้าที่เดือดพล่าน ทันใดนั้นพลังอำนาจของโห่วก็กระจายออกจากตัวนาง

ในเวลาเดียวกัน เสียงโห่วก็ดังขึ้น “หึ รนหาที่ตาย!”

ทันใดนั้น ผิวนํ้าที่เดือดพล่านก็พลันกลับคืนสู่ความเงียบสงบ มู่ชิงเกอสามารถรับรู้ได้ว่าสิ่งที่อยู่ใต้บึงน้ำราวกับเกรงกลัว ถึงขั้นหวาดผวา

เพียงอำนาจเสียงของโห่วก็ทำให้อสูรคุ้มครองใต้บึงน้ำที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ตัวสั่น ไม่กล้าเคลื่อนไหว

สมญานามท่านโห่วบรรพบุรุษแห่งสัตว์ร้ายทั้งปวงนี้ไม่ใช่ได้มาเฉยๆ

มู่ชิงเกอดีใจรีบพุ่งผ่านบึงน้ำลงไปอยู่ด้านนอกศาลาอีเยี่ยที่ใจกลางบึง

ยืนอยู่นอกศาลาอีเยี่ย มู่ชิงเกอก็รับรู้ได้ถึงกลิ่นของอาคม อาคมนี้ไม่ใช่อาคมที่ซุ่มทำร้ายคนอีกต่อไป แต่เป็นอาคมที่ขัดขวางการเข้าไปใกล้ราวกับมีฝาโปร่งแสง ครอบศาลาอีเยี่ยนี้ไว้

มู่ชิงเกอยกมือสัมผัสอาคมดู รู้สึกได้ทันทีถึงพลังต่อต้านที่ปรากฎอยู่ตรงฝ่ามือ

นางไม่ได้รีบร้อนบุกรุกเข้าไป แต่พิจารณาอย่างละเอียดถึงด้านนอกศาลาอีเยี่ย

ศาลาอีเยี่ยก็เหมือนบ้านหลังเล็กที่ปลูกอยู่บนผิวบึงนํ้า ไม่นับว่าใหญ่แต่ก็ไม่เล็ก มีผนังกั้นไว้ทั้งสี่ด้านทำให้ไม่เห็นถึงการตกแต่งภายใน

ละสายตากลับมาแล้ว มู่ชิงเกอก็เริ่มมือคลายอาคม

โชคดีที่ราชาเทวะอู๋หวาเพียงแค่ชื่นชอบอาคม แต่ไม่ใช่เชี่ยวชาญ หากไม่เช่นนั้นเพียงแค่คลายอาคมเหล่านี้ทีละชั้นนางก็ยังไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาเท่าไรกัน

แต่ศาลาอีเยี่ยที่ป้องกันอย่างหนาแน่นเช่นนี้ยิ่งทำให้นางมีความหวัง

หากว่าไม่มีของที่สำคัญมากจริงๆ แล้ว ราชาเทวะอู๋หวาคงไม่ต้องสิ้นเปลืองความคิดมากมายถึงเพียงนี้ พอนึกถึงว่า เศษส่วนของเคล็ดวิชาเทวะส่วนล่างอาจจะ ซ่อนอยู่ในศาลาอีเยี่ยข้างหน้านี้แล้ว คนเยือกเย็นเช่นมู่ชิงเกอเองก็ยังอดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นขึ้นมา อาคมขัดขวางนี้คลายได้ไม่ยาก ไม่นานนักมู่ชิงเกอก็คลายได้ทั้งหมด ฝาโปร่งแสงที่ขวางอยู่ข้างหน้านางกระจายออกไปจนหมด ทางข้างหน้าไม่มีอะไรขวางกั้นอีกแล้ว

มู่ชิงเกอยืนอยู่กับที่ ใช้ปัญญาเทวะสัมผัสดู พบว่าในนั้นไม่มีคลื่นของอาคมอีกแล้วจึงได้วางใจเดินเข้าไป

เปิดประตูศาลาอีเยี่ยออกอย่างง่ายดาย มู่ชิงเกอเอียงกายแทรกเข้าไปพร้อมทั้งปิดประตูอย่างรวดเร็ว

ในศาลาอีเยี่ย แสงไฟสว่างไสวสว่างจนเห็นทุกอย่างที่อยู่ภายใน ทำให้มู่ชิงเกอไม่ต้องเปลืองเวลามากนัก

นางมองไปรอบๆ อย่างรวดเร็ว พอเห็นชัดถึงการตกแต่งภายศาลาอีเยี่ยแล้วก็กลับตกตะลึงไป

การตกแต่งภายในนั้นเรียบง่ายมาก มีเพียงเตียงนํ้าแข็งหลังหนึ่ง นอกจากนั้นก็ว่างเปล่าไม่มีอะไรอีก บนเตียงนํ้าแข็งมีคนนอนอยู่คนหนึ่งอย่างเงียบเชียบ

มู่ชิงเกอก้าวเท้าค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้

เมื่อนางเห็นคนที่นอนอยู่บนเตียงนํ้าแข็งชัดเจนแล้ว ตาดำก็หดตัวลงโพล่งออกมาว่า “ชูเนี่ยน!”

คนที่นอนอยู่บนเตียงนํ้าแข็งนั้นเหมือนชูเนี่ยนทุกอย่าง ไม่แปลกที่มู่ชิงเกอจะเสียกิริยาไป แต่นางเป็นอาจารย์ปรุงยา ย่อมมองออกได้ในทันทีว่าคนที่นอนอยู่บนเตียงนํ้าแข็งนั้นตายไปหลายปีแล้ว ไม่ใช่องค์หญิงชูเนี่ยนที่เพิ่งคุยกันไป เมื่อไม่นานมานี้

“นี่…” มู่ชิงเกองุนงงไปหมด

ราชาเทวะอู๋หวาใช้เขาวงกตทั้งยังอาคมมากมายและยังมีอสูรคุ้มครองเพียงเพื่อเฝ้าศาลาแห่งหนึ่งที่ซ่อนศพผู้หญิงคนหนึ่งไว้เท่านั้นหรือ

“ที่นี่ไม่ใช่สถานที่บำเพ็ญของราชาเทวะอู๋หวาหรือ ไม่ใช่สถานที่ต้องห้ามของวังราชาเทวะหรือ” มู่ชิงเกอพึมพำ

ความหวังที่มีพังทลายลงในเวลานี้

เวลานี้ เสียงของโห่วดังเข้ามาอีก ‘มีกลิ่นอายของเผ่าอสูร’

กลิ่นอายของเผ่าอสูรหรือ มู่ชิงเกอมองไปทางผู้หญิงที่นอนอยู่บนเตียงนํ้าแข็ง ไม่ ใช่เผ่าเทพจริงๆ แต่เป็นเผ่าอสูร ในแผ่นดินเทพมาร สถานที่ที่มีเผ่าอสูรชุกชุมมีเพียงที่เดียว นั่นคือป่าอสูร สถานที่ต้องห้ามในวังราชาเทวะอู๋หวาซ่อนศพที่เหมือนชูเนี่ยนราวกับแกะไว้อีกทั้งศพผู้หญิงคนนี้ยังเป็นเผ่าอสูรอีกด้วย ดูอย่างไรภายในก็ต้องมีเงื่อนงำซ่อนอยู่ เพียงแต่เป้าประสงค์ของนางไม่ใช่เรื่องนี้นางต้องหา ร่องรอยของเคล็ดวิชาเทวะส่วนล่าง

‘นายน้อย ท่านลองใช้เคล็ดวิชาเทวะส่วนกลาง วิชาฝึกฝนปัญญาเทวะดูว่าสามารถรับรู้ถึงเคล็ดวิชาเทวะส่วนล่างที่นี่ได้หรือไม่ ต่อให้มีตัวหนังสือเพียงตัวเดียวก็จะรับรู้ได้’ เสียงของราชครูดังขึ้น

สิ่งนี้ทำให้ตามู่ชิงเกอเป็นประกายรีบทำตามที่เขาบอก แต่ว่านางเคลื่อนพลังไปถึงสามรอบ ปัญญาเทวะก็ยังไม่มีปฏิกิริยาอะไร แววตานางเริ่มฉายแววผิดหวัง “ดู แล้ว เคล็ดวิชาเทวะส่วนล่างไม่ได้อยู่ที่นี่”

เคล็ดวิชาเทวะไม่ได้อยู่ในศาลาอีเยี่ย นี่ทำให้มู่ชิงเกอรู้สึกหดหู่

นางใช้ความคิดไปมากมาย ทั้งยังหวังไว้มาก แต่นางก็ไม่ใช่คนที่ชอบโทษโน่นนี่ หดหู่อยู่เพียงชั่วครู่ นางก็กลับมาฮึกเหิมอีกครั้ง

เมื่อไม่ได้อยู่ที่นี่ก็คงเหลืออีกเพียงที่เดียวแล้ว

มู่ชิงเกอคิดอยู่ในใจ

เพียงแต่ สถานที่นั้นตรวจสอบได้ยาก

‘ออกจากที่นี่ก่อนค่อยว่ากัน’ มู่ชิงเกอคิดก่อนไปนางได้หันไปดูผู้หญิงที่เหมือนชูเนี่ยนราวกับแกะแล้วจึงถอยออกจากศาลาอีเยี่ย

แต่ขณะที่นางเพิ่งลงมาถึงริมบึงก็ได้ยินเสียงสัญญาณเตือนดังแว่วมาจากที่ไกลๆ ‘แย่แล้ว!’ มู่ชิงเกอแอบคิด

ไม่ต้องคิดมาก นางก็รู้ว่าจะต้องเป็นมู่เทียนอินที่วนเวียนอยู่ในเขาวงกตถูกตรวจพบเข้าแล้ว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version