Skip to content

พลิกปฐพี 650

ตอนที่ 650

ซุกของกลาง โยนความผิด

ปัญญาเทวะของมู่ชิงเกอเข้าไปในวังราชาเทวะ นางเห็นชูเนี่ยนกำลังคุยกับราชาเทวะอู๋หวา แน่นอนว่าย่อมเห็นราชาเทวะอู๋หวาด้วย

หากอยากจะรู้ว่าเคล็ดวิชาเทวะส่วนล่างอยู่ในตัวราชาเทวะอู๋หวาหรือไม่นั้นก็มีเพียงวิธีเดียวเท่านั้น คือเคลื่อนปัญญาเทวะเข้าไปใกล้

‘ราชครูบอกว่าเพียงขับเคลื่อนวิชาฝึกฝนปัญญาเทวะในบริเวณใกล้กับเคล็ดวิชาเทวะส่วนล่าง เคล็ดวิชาเทวะส่วนล่างก็จะตอบรับ ไม่รู้ว่า หากข้าท่องคาถาที่นี่แล้วเคล็ดวิชาเทวะส่วนล่างถูกราชาเทวะอู๋หวาซ่อนอยู่ในอุปกรณ์จัดเก็บจะมีปฏิกิริยาตอบรับไหมนะ’ มู่ชิงเกอคิดอยู่ในใจ แต่นี่เป็นเพียงวิธีเดียวเท่านั้นแล้ว

ในวังราชาเทวะ ปัญญาเทวะของมู่ชิงเกอซุกซ่อนราวกับเสือดาวซุ่มล่าเหยื่อเพื่อรอโอกาสลงมือ

ตำหนักใหญ่ ไม่มีความครึกครึ้นของเมื่อวานและกลับคืนสู่ความสงบเงียบเหมือนเดิม คงเหลือเพียงราชาเทวะอู๋หวาที่นั่งอยู่บนบัลลังก์เท่านั้น

สีหน้าเขาออกจะน่าเกลียด เพราะอะไรนั้น มู่ชิงเกอไม่ต้องใช้สมองคิดก็เดาได้

เนื่องจากมู่เทียนอินยังไม่ถูกจับ เขตหวงห้ามถูกคนบุกรุก เขาย่อมรู้สึกราวกับก้างติดคอ ระคายเคืองยิ่งนัก

มู่ชิงเกอรวบรวมสติ ใช้วิธีตามที่ราชครูบอก เริ่มการทดสอบ

หากไม่มีการตอบรับ นั้นคือราชาเทวะอู๋หวาไม่มีเคล็ดวิชาเทวะส่วนล่าง เช่นนั้นแล้วนางก็จะถอยไปอย่างเงียบเชียบ แล้วหาโอกาสออกจากดินแดนอู๋หวา

หากมีการตอบรับ ก็หมายความว่าราชาเทวะมีส่วนหลงเหลือของเคล็ดวิชาเทวะส่วนล่างอยู่จริง เช่นนั้นแล้วไม่ว่าอย่างไรก็ต้องเอามาอยู่ในมือนางให้จงได้

ส่วนเรื่องที่จะเกิดขึ้นภายหลังนั้น เมื่อถึงเวลาแล้วค่อยว่ากัน

ร่างกายมู่ชิงเกอนั่งขัดสมาธินิ่งๆ อยู่ในตำหนักข้าง สองผู้รับใช้คอยชะเง้อแอบมองอยู่นอกประตู หยินเฉินเดินไปหยุดอยู่ที่ด้านหลังของพวกเขาแล้วกระแอม เล็กน้อยทำให้พวกเขาต่างตกใจวิ่งหนีกันกระเจิดกระเจิง

สองตาสีเลือดของหยินเฉินมองพวกเขาจากไป แล้วโบกมือ เพิ่มพลังป้องกันการแอบมองที่นอกประตูของมู่ชิงเกอเข้าไปอีกสายหนึ่ง ตัวเขาก็นั่งเฝ้าอยู่ตรงหน้าประตูเอง ส่วนหุ่นเทพมารก็ไปเฝ้าอยู่ที่ลานบ้าน

พอปัญญาเทวะมูชิงเกอออกจากร่าง ร่างจะถูกรบกวนไม่ได้เลยแม้แต่นิด

หากมีใครบุกรุกเข้ามาเวลานี้รบกวนถูกนางเข้า อย่างเบาก็บาดเจ็บสาหัส ปัญญาเทวะถูกบั่นทอน อย่างหนักก็ถึงขนาดทำให้มู่ชิงเกอสลบไสลไม่มีวันฟื้นคืนสติได้ อีก

ผลลัพธ์เช่นนี้เขารับไม่ไหว ดังนั้นจึงต้องตัดไฟแต่ต้นลมให้หมดสิ้น

ในวังราชาเทวะ มีการตอบสนองปรากฎขึ้นในปัญญาเทวะของมู่ชิงเกอทำให้นางตื่นตัว หัวใจเต้นแรงขึ้น ‘นี้เป็นปฏิกิริยาตอบรับของเคล็ดวิชาเทวะส่วนล่าง ราชาเทวะอู๋หวามีส่วนหลงเหลือของเคล็ดวิชาเทวะส่วนล่างอยู่จริงๆ’

ขณะที่มู่ชิงเกอดีอกดีใจนั้น ราชาเทวะอู๋หวาก็ราวกับรับรู้ได้ถึงบางอย่าง

คิ้วเขาขมวดขึ้นทันที นัยน์ตาเปล่งแสงแวววับ

แสงสีทองปรากฎขึ้นตรงหน้าเขา พุ่งออกไปด้วยความเร็วสูงราวกับฟ้าแลบ

พอแสงสีทองปรากฎออกมา สีหน้าราชาเทวะอู๋หวาก็แปรเปลี่ยนฉับพลันเขาเคลื่อนย้ายจากบัลลังก์ ยื่นมือคว้าแสงสีทองนั้น ขณะที่เขาเกือบคว้าได้นั้นแววตาก็ผุดความยินดีขึ้น

แต่พอเขาใช้นิ้วตะครุบ แสงสีทองกลับจางหายไปในทันที ไม่เหลือแม้แต่ร่องรอย

ทันใดนั้น สีหน้าราชาเทวะอู๋หวาพลันแปรเปลี่ยน ความโกรธแค้นพุ่งขึ้นมาทันที

เขาตะโกนดังลั่น “เป็นใคร”

พลังระดับขั้นศักดิ์สิทธิ์ทั้งร่างเคลื่อนออกตาม

เสียงตะโกนเข้าปะทะกับตำหนักใหญ่วังราชาเทวะประตูหน้าต่างแตกกระจาย คนด้านนอกต่างแตกตื่น

ชูเนี่ยนที่เพิ่งออกจากวังราชาเทวะ ห่างออกไปไม่ไกลนักรีบกลับหลังหันมาทันเห็นพลังเทพของราชาเทวะอู๋หวากระแทกเข้าที่วังราชาเทวะเข้าพอดี

ราวกับว่า ทั้งยอดเขาต่างสั่นสะเทือนไปหลายครั้ง

สีหน้านางเปลี่ยนไปรีบพาคนพุ่งเข้าไปยังวังราชาเทวะทันที

ขณะที่นางพาคนพุ่งไปถึงตำหนักใหญ่วังราชาเทวะนั้น ก็ได้เห็นความเสียหายในตัวตำหนัก บิดาของตน ราชาเทวะอู๋หวายืนอยู่กลางตำหนักด้วยสีหน้าน่าสะพรึงกลัว

ในตำหนัก มีศพอยู่หลายศพ

พวกเขาต่างเป็นลูกศิษย์ดินแดนอู๋หวาที่กำลังเฝ้ายามที่วังราชาเทวะ เมื่อได้ยินเสียงผิดปกติจึงรีบเข้ามา ไม่นึกว่าจะบังเอิญถูกพลังเทพของราชาเทวะอู๋หวากระแทก เข้าใส่ ยังไม่ทันได้อธิบายก็สิ้นใจลงทันที

ชูเนี่ยนมองพวกแล้ว แววตาพลันเปลี่ยนไป

นางสาวเท้าไปยังข้างกายราชาเทวะอู๋หวาแล้วถามว่า “ท่านพ่อ เกิดอะไรขึ้น”

ราชาเทวะอู๋หวากลับยิ้มอย่างโหดร้าย แววตามีแต่ความเย็นเฉียบ เขาแค่นยิ้มว่า“ข้าก็นึกว่าเป็นใคร ที่แท้คนที่กล้าบุกรุกวังราชาเทวะของข้าก็เป็นพวกเหลือเดนตระ กูลมู่นี่เอง”

“พวกเหลือเดนตระกูลมู่หรือ” ชูเนี่ยนพูดเสียงหลง นางอยู่มาแล้วห้าพันกว่าปีย่อมรู้ว่าอะไรคือพวกเหลือเดนตระกูลมู่ เพียงแต่นางไม่เข้าใจว่า ทำไมบิดาตัวเองจึงได้มั่นใจนัก

เกิดอะไรขึ้น นางไม่รู้หรือ

รอยยิ้มของราชาเทวะอู๋หวาเย็นจนสะท้าน แรงพิฆาตในสายตาเหี้ยมโหด ไม่ได้ปิดบังแม้แต่นิด ก่อนหน้านี้เขาอาจจะยังไม่รู้จุดประสงค์ของฝั่งตรงข้าม แต่ของที่เพิ่งถูกฉกไปทำให้เขามั่นใจถึงฐานะของหัวขโมยคนนั้น

ราชาเทวะอู๋หวามองชูเนี่ยน ฝ่ายหลังถูกมองจนเสียวสันหลังวาบ

“เนี่ยนเอ๋อร์เจ้าตามข้าไปพบราชาเทวะน้อยมู่หน่อย” ราชาเทวะอู๋หวาเปิดปากกะทันหัน

“พบชิงเกอหรือ” ชูเนี่ยนประหลาดใจถามว่า “ทำไมต้องไปพบเขาด้วยเล่า ท่านพ่อสงสัยเขาหรือ ถึงแม้เขาแซ่มู่ แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตระกูลมู่เหลือเดนแม้แต่นิด”

ราชาเทวะอู๋หวาหรี่สองตาลงอย่างอันตราย พูดเสียงเย็นเฉียบว่า “เนี่ยนเอ๋อร์ดูเจ้าปกป้องเขามากนะ”

ชูเนี่ยนรีบหลุบตา พูดเสียงตํ่าว่า “ข้าเพียงแค่ไม่อยากให้ท่านพ่อใช้อารมณ์ เอาโทษผิดคน ฐานะของเขาไม่ธรรมดา หากไม่มีหลักฐานแล้วไปสอบถามอาจจะไม่ เหมาะ”

นางแอบเงยหน้าดูสีหน้าราชาเทวะอู๋หวา

เห็นเขาไม่ได้โกรธจึงพูดต่อว่า “อีกทั้ง ท่านพ่อไม่ใช่ อยากผูกไมตรีกับแดนฮ่วนเยวี่ยหรือ หากพวกเราไปสอบถามโดยไม่มีสาเหตุ เกรงว่าจะทำให้ความสัมพันธ์ แตกร้าวไป สวนทางกับความตั้งใจแต่แรกของท่านพ่อ”

ราชาเทวะอู๋หวาพูดช้าๆ ว่า “ก็เพราะไม่มีหลักฐาน ข้าจึงจะพาเจ้าไปด้วย หากมีหลักฐาน ข้าคงไม่รีรอ สังหารไปก่อนแล้ว”

จิตสังหารของบิดาทำเอาชูเนี่ยนขวัญผวา นางอดไม่ได้ถามว่า “ท่านพ่อทำไมจึงสงสัยเขาเล่า เพราะเขาแซ่มู่หรือ”

“นี่ยังไม่พอหรือ” ราชาเทวะอู๋หวามองนาง แววตาคมกริบมองนางราวกับ เข็ม แหลมที่ทิ่มแทง

พรูด!

ห้องในตำหนักข้าง มู่ชิงเกอกระอักโลหิตออกมา ใบหน้าเจ็บปวดรวดร้าว

ได้ยินเสียงในห้อง หยินเฉินก็รีบพุ่งเข้ามาและเห็นรอยเลือดที่เสื้อ มุมปากของมู่ชิงเกอ รวมทั้งที่อยู่บนพื้น

“ชิงเกอ!” หยินเฉินตกใจพุ่งเข้าไปที่ข้างกายของมู่ชิงเกอ

มู่ชิงเกอเม้มปาก สั่นศีรษะช้าๆ นางยกมือเช็ดรอยเลือดที่มุมปาก มองหยินเฉินแล้วเอ่ยว่า “ข้าไม่เป็นไร”

“เกิดเรื่องอะไรขึ้น” หยินเฉินถามด้วยความร้อนรน

มู่ชิงเกอกลับคืนสู่ท่าทีสงบนิ่ง นอกจากสีหน้าที่ซีดขาวเล็กน้อยแล้วก็มองไม่ออกถึงความผิดปกติ “ข้าได้ส่วนหลงเหลือของเคล็ดวิชาเทวะส,วนล่างมาแล้ว”

“จริงหรือ” สายตาหยินเฉินแสดงออกถึงความยินดี

มู่ชิงเกอพยักหน้า

“เช่นนั้นที่เจ้าบาดเจ็บ…” หยินเฉินขมวดคิ้วถาม

มู่ชิงเกอบอกว่า “ข้าใช้ปัญญาเทวะสัมผัสเคล็ดวิชาเทวะ แต่ไม่นึกว่าหลังจากสัมผัสได้แล้ว เคล็ดวิชาเทวะจะสามารถพุ่งออกจากช่องว่างของราชาเทวะอู๋หวาเองได้ เวลานั้นข้าเห็นโอกาสหายากจึงเสี่ยงภัยใช้ปัญญาเทวะหุ้มมันไว้แล้วโยนเข้าช่องว่าง เพียงแต่พริบตาเดียวนั้น ราชาเทวะอู๋หวาก็มีปฏิกิริยาตอบโต้กลับอย่างว่องไว ทำให้ปัญญาเทวะของข้าบาดเจ็บเล็กน้อย”

นางเล่าด้วยท่าทีปกติแต่คนที่เข้าใจนางเช่นหยินเฉินกลับฟังออกถึงความน่าหวาดผวานั้น

ปัญญาเทวะของมู่ชิงเกอแข็งแกร่งมหาศาล เทียบกับราชาเทวะทั่วไปแล้วแทบไม่ได้ต่างกันมากนัก แต่ว่ากลับถูกกระแทกจนกระอักโลหิต เห็นได้ชัดว่าเหตุการณในเวลานั้นช่างอันตรายและน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง

“ไม่เป็นไร บาดเจ็บเล็กน้อย พักผ่อนไม่กี่วันก็หายแล้ว เจ้าไม่ต้องกังวล” มู่ชิงเกอ ปลอบหยินเฉิน

นางมักจะดื้อรั้น แข็งแกร่งเช่นนี้เสมอมา

หยินเฉินทำอะไรไม่ได้ได้เพียงพยักหน้า ไม่ได้ถามถึงอาการบาดเจ็บต่อ แต่เขาเองก็รู้อยู่แก่ใจว่า การที่ปัญญาเทวะบาดเจ็บนั้นใช่ว่าจะฟื้นคืนได้ง่ายดาย

ความสามารถในการฟื้นตัวของมู่ชิงเกอมีผลเพียงร่างกายเท่านั้น หาใช่ปัญญาเทวะ

ท่ามกลางความเงียบของเขา มู่ชิงเกอก็หยิบยาเม็ดบำรุงปัญญาเทวะใส่ปากตัวเอง จากนั้นนางก็บอกหยินเฉินว่า “ราชาเทวะอู๋หวาคงใกล้มาถึงที่นี่แล้ว”

ตาดำหยินเฉินหดลง “เขารู้ว่าเป็นเจ้าแล้วหรือ”

มู่ชิงเกอสั่นศีรษะ “เขายังไม่แน่ใจว่าเป็นข้า แต่แซ่ของข้า เป็นสิ่งที่ต้องสงสัยมากที่สุด”

“เช่นนั้นพวกเรารีบจากไปเถอะ” หยินเฉินว่า

มู่ชิงเกอกลับสั่นศีรษะ พูดอย่างเยือกเย็นว่า “ไม่ต้อง เวลานี้ดินแดนอู๋หวาถูกปิดทั้งหมด พวกเรายากจะออก ไปได้อีกทั้งการที่เขามาหาข้า ข้าก็จะได้ใช้ประโยชน์ จากตรงนี้พอดี”

พูดจบ สายตานางก็มองไปยังรอยเลือดบนเสื้อกับบนพื้น นางสั่งหยินเฉินว่า “เจ้าจัดการทำความสะอาดที่นี่สักหน่อย อย่าให้เหลือร่องรอยคาวเลือดใดๆ ข้าจะไป เปลี่ยนเสื้อผ้า”

พูดแล้ว นางก็เบี่ยงตัวเข้าช่องว่าง

หยินเฉินไม่รอช้า ใช้อาคมจัดการทั้งรอยเลือดและกลิ่นคาวเลือดในห้องทั้งหมด อีกทั้งจุดธูปสงบจิตไว้ด้วย

จนเขาจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว มู่ชิงเกอก็เปลี่ยนเสื้อผ้าแบบเดิมกลับมาปรากฎตัวอยู่ตรงหน้าเขา เมื่อเห็นการจัดการของหยินเฉินแล้ว แววตานางก็สั่นไหวเล็ก น้อย เดินไปที่โต๊ะแล้วบอกเขาว่า “เอากระดานหมากออกมา”

“เจ้าหัดเดินหมากเป็นตั้งแต่เมื่อไร” หยินเฉินมองนางอย่างประหลาดใจ

มู่ชิงเกอพูดอย่างเปิดเผยว่า “ไม่เป็น แต่มีหมากอยู่ชนิดหนึ่งที่ข้าเล่นเป็น”

ที่นางพูดก็คือหมากห้าเม็ด ขอเพียงให้หมากสีเดียวกันเรียงแนวเดียวกันห้าตัวก็ชนะแล้ว หัดได้ง่าย เอาไว้แก้เหงาได้

หยินเฉินวางกระดานหมากแล้ว มู่ชิงเกออธิบายง่ายๆ เพียงไม่กี่คำเขาก็รู้กฎของหมากห้าเม็ดแล้ว

ทั้งคู่หันหน้าเข้าหากัน ตั้งใจเดินหมากกันอย่างจริงจัง ขณะที่ราชาเทวะอู๋หวาเดินนำชูเนี่ยนเข้ามาในตำหนักข้างนั้นก็ได้เห็นภาพนี้มู่ชิงเกอกับหยินเฉินต่างตั้งใจ

จ้องกระดานหมาก ไม่ได้รับรู้การมาถึงของพวกเขาเลย

หุ่นเทพมารขวางอยู่ตรงหน้าพวกเขา ห้ามไม่ไหใครเข้าใกล้

แววตาราชาเทวะอู๋หวาดุดันขึ้น กำลังจะลงมือก็ได้ยินมู่ชิงเกอพูดอย่างเยือกเย็นว่า “ราชาเทวะอู๋หวามาเยือนกะทันหัน ทำให้ข้าตื่นเต้นอย่างยิ่ง”

พอนางเปิดปาก หุ่นเทพมารก็เบี่ยงตัวเปิดทาง

ราชาเทวะอู๋หวานำชูเนี่ยนเดินช้าๆ จนมาถึงตรงหน้ามู่ชิงเกอกับหยินเฉิน

มู่ชิงเกอมองที่เขา ยิ้มแล้วบอกเขาว่า “ราชาเทวะโปรดรอสักนิด ข้าจะชนะแล้ว รออีกก้าวเดียว”

พูดจบ นางวางหมากในมือลงบนกระดานเรียงกันเป็นแถวเอียง ชนะตานี้ไป

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version