Skip to content

พลิกปฐพี 652

ตอนที่ 652

คนที่รับเคราะห์อย่างเงียบเชียบ

“กลับมาแล้วหรือ” มู่ชิงเกอนั่งอยู่ที่โต๊ะ ในมือถือตัวหมากเล่น มองหยินเฉินที่กลับมา

หยินเฉินผงกศีรษะนิดๆบอกนางว่า “ข้าเล่าเรื่องที่เห็นวันนั้นให้ราชาเทวะกับองค์หญิงฟังไปตามจริงแล้ว”

“ดีมาก” มู่ชิงเกอโยนตัวหมากในมือลงในกล่องอย่างแม่นยำ ปัดมือแล้วหยิบชาที่ไม่มีใครดื่มขึ้นมาจิบไปหนึ่งคำ

หยินเฉินเดินมานั่งลงตรงหน้านาง เขายิ้มพูดว่า “ตามที่เจ้าบอก พวกเขาจะต้อง

พบเบาะแสโดยเร็วแน่”

มู่ชิงเกอพยักหน้าบอกเขาว่า “รอดูเถอะ พรุ่งนี้ชูเนี่ยนจะมาหาข้า”

“แต่ข้ายังห่วงว่า หากเจ้ามู่เทียนอินถูกกดดันมากๆ จะแว้งกัดเจ้าได้” หยินเฉินขมวดคิ้วพูด

มู่ชิงเกอกลับสั่นศีรษะอย่างเชื่อมั่น “พวกเขาจับมู่เทียนอินไม่ได้ง่ายนักหรอก อิทธิพลที่เหลือของตระกูลมู่ สามารถอยู่รอดได้ในแผ่นดินเทพมารนับหมื่นปี เรื่อง

อื่นข้าไม่กล้าพูดแต่เรื่องหนีเอาชีวิตรอด พวกเขาจะต้องเรียนรูได้อย่างชํ่าชอง โดยเฉพาะคนระดับมู่เทียนอิน บนตัวเขาจะไม่มีของรักษาชีวิตหลายอย่างไว้ติดตัวหรือ ไม่เช่นนั้น เขาจะหาญกล้ามาบุกรุกวังราชาเทวะหรือ”

“มีเหตุผล” หยินเฉินผงกศีรษะ

“เพียงแค่ให้พวกเขาตรวจสอบไปถึงมู่เทียนอิน รอยมลทินบนตัวเจ้าก็จะถูกลบทิ้งไปแล้ว” เขาพูดอีก

มู่ชิงเกอยิ้มบางๆ ผงกศีรษะ “เวลานี้ยังฆ่าเขาไม่ได้ ให้เขาจ่ายดอกเบี้ยบ้างก็ดี อีกทั้งเขาเองก็ตั้งใจมาเอาเคล็ดวิชาเทวะส,วนล่างจริงๆ ไม่ถือว่าข้าใส่ความเขา”

“เช่นนั้นวันนี้…” หยินเฉินสงสัย

มู่ชิงเกอสูดลมหายใจลึกๆ บอกหยินเฉินว่า “วันนี้พวกเราก็อยู่ที่นี่ทำตัวดีๆ ก็พอแล้ว”

หยินเฉินผงกศีรษะ

“ของนั่น…” เขาเตือนมู่ชิงเกอ

มู่ชิงเกอกลับสั่นศีรษะบอกเขาว่า “ไม่ต้องรีบร้อน รอให้ออกจากที่นี่ก่อน ยังมีเวลาค่อยๆ ศึกษาค้นคว้า”

ที่แน่ๆ เมื่อสามารถรับรู้ถึงกันได้ก็สามารถแน่ใจได้เลยว่าเป็นของจริง

ชูเนี่ยนตามราชาเทวะอู๋หวากวับไปถึงวังราชาเทวะ นางมองไปที่บิดาตัวเอง “เบาะแสที่หยินเฉินให้มานั้นสำคัญมาก ข้าจะต้องเร่งรีบตามสืบให้รู้ชัด”

ราชาเทวะอู๋หวาผงกศีรษะทันที เขามองไปทางชูเนี่ยน แววตาเปล่งประกายคลุมเครือ เขาถาม “เนี่ยนเอ๋อร์ เจ้ามีใจให้มู่ชิงเกอคนนั้นหรือ”

ชูเนี่ยนนิ่งไปรีบปฏิเสธว่า “ไม่มีเจ้าค่ะ”

“หากไม่มีแล้ว เหตุใดเจ้าจึงคอยปกป้องเขาตลอดเวลาด้วย” ราชาเทวะอู๋หวาถามไม่ลดละ

แววตาชูเนี่ยนเปล่งประกายร้อนรน นางแสร้งทำเป็นเยือกเย็นเอ่ยว่า “ข้าเพียงรู้สึกว่าเขาไม่เกี่ยวกับพวกเหลือเดนตระกูลมู่เท่านั้น”

“ไยเจ้าจึงมั่นใจเช่นนั้น” ราชาเทวะอู๋หวาพูด

ชูเนี่ยนสูดลมหายใจเข้าลึกบอกว่า “อย่างแรก พวกเราไม่มีหลักฐานชี้ไปที่ตัวเขา อีกทั้งเขาเป็นราชาเทวะน้อยที่แต่งตั้งโดยราชาเทวะฮ่วนเยวี่ย หากเขามีที่มาไม่ถูกต้อง หรือเกี่ยวข้องกับตระกูลมู่ ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยจะแต่งตั้งเขาเป็นราชาเทวะน้อยได้อย่างไร”

ราชาเทวะอู๋หวามองชูเนี่ยนด้วยแววตาเคร่งเครียด พูดขึ้นว่า “เนี่ยนเอ๋อร์เจ้ารู้ไหมว่าตระกูลมู่โดนตั้งข้อหาอะไร เหตุใดพวกเหลือเดนตระกูลมู่ที่เหลือจึงยากที่จะ อยู่รอดได้ในแผ่นดินเทพทั้งสี่สมุทร”

“รู้ แอบร่วมมือเผ่ามาร” ชูเนี่ยนตอบ

ราชาเทวะอู๋หวาผงกศีรษะ “นี่เป็นโทษหนักหนาสาหัสนัก ประวัติศาสตร์เขียนโดยผู้ชนะ ครั้งนั้นตระกูลมู่พ่ายแพ้ ดังนั้น เทพเจ้าสงครามจึงตกต่ำลงถึงเพียงนี้ขณะที่ทุกอย่างยังสืบได้ไม่แน่ชัด ฐานะของมู่ชิงเกอยังไม่ได้รับการตรวจสอบ เจ้าก็อย่าเพิ่งใกล้ชิดเขามากเกินไป”

“ท่านพ่อ” ชูเนี่ยนรีบเอ่ย “ข้าเพียงแค่คุยถูกคอกับเขาเท่านั้น อายุเขาห่างจากข้ามาก จะเป็นไปได้อย่างไร…”

“อายุเกี่ยวอะไรหรือ เผ่าเทพของพวกเราดูกันที่ขั้นบำเพ็ญไม่เคยดูอายุ หากเขาไม่ได้เกี่ยวข้องกับตระกูลมู่จริง และหากเจ้าชอบเขา ข้าก็สามารถช่วยออกหน้าไป คุยเรื่องการแต่งงานที่ดินแดนฮ่วนเยวี่ยให้เจ้าได้” ราชาเทวะอู๋หวาตัดบทนาง

ชูเนี่ยนมองบิดาตัวเองอย่างตกตะลึง

ราชาเทวะอู๋หวากลับพูดว่า “เจ้าก็ถึงวัยแต่งงานแล้ว อย่าได้เลียนแบบหลียวนแผ่นดินเทพเหนือคนนั้น อายุก็หลายหมื่นปีแล้วยังแต่งไม่ออก อีกทั้งดินแดนฮ่วนเยวี่ยก็ไม่เลวทีเดียว”

“…’’ชูเนี่ยนพูดไม่ออก นางคิดจะโต้แย้งอธิบายอะไรบ้าง แต่ก็พูดไม่ออกสักคำ

ทำได้เพียงมองบิดาตัวเองผู้เป็นถึงราชาเทวะดินแดนอู๋หวาเดินเข้าไปในวังราชาเทวะ

คืนนั้นทหารลับของวังราชาเทวะมาคุกเข่ารายงานอยู่ตรงหน้าราชาเทวะอู๋หวา

“วันนี้เขาไม่มีท่าทีอะไรผิดปกติเลยจริงๆ หรือ” ราชาเทวะอู๋หวาถามเบาๆ

“ขอรับอยู่ซุ่มเฝ้าอยู่ทั้งวัน เขาไม่มีท่าทีผิดปกติอะไรเลย ไม่ได้ดูตื่นเต้นครุ่นคิดหรืออนาทรร้อนใจ กลับเดินหมากกับลูกน้องอย่างสบายอารมณ์รดนํ้าต้นไม้ชมสวน” ทหารลับคุกเข่าข้างเดียวรายงาน

แววตาราชาเทวะอู๋หวามืดลงหลายส่วน พยักหน้านิดๆ บอกเขาว่า “เจ้าถอยไปเถอะ”

“ขอรับ” ทหารลับตอบรับแล้วหายตัวไปในทันที

หลังเขาไปแล้ว ราชาเทวะอู๋หวาก็นั่งนิ่งไม่ขยับ เพียงแต่สายตาคู่นั้นไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

วันรุ่งขึ้นมู่ชิงเกอเพิ่งกินอาหารเช้าเสร็จก็เห็นชูเนี่ยนเดินมาทางนี้

นางกับหยินเฉินสบตากันด้วยท่าทีรู้กัน

“ชิงเกอ” ชูเนี่ยนเดินเข้ามา ยังคงมีท่าทีเป็นมิตรต่อมู่ชิงเกอเช่นเดิม

นางมองดูโต๊ะที่ยังไม่ทันได้เก็บเรียบร้อยแล้วพูดขึ้นว่า “ข้าไม่ได้รบกวนเจ้าใช่ไหม”

มู่ชิงเกอยิ้มว่า “ไม่ได้รบกวนเลย แต่มาช้าไปหน่อย พลาดเวลาทานอาหารด้วยกันไป”

ชูเนี่ยนอมยิ้มว่า “ไม่เป็นไร”

นางเดินไปนั่งตรงหน้ามู่ชิงเกอ ตาหงส์กวาดผ่าน มู่ชิงเกอกับหยินเฉินแล้วกลับมาหยุดลงที่มู่ชิงเกอ พลางบอกเขาว่า “ข้าทำตามวิธีของเจ้ารวมกับเบาะแสที่หยิน เฉินให้มา จนเมื่อวานข้าสืบได้บางอย่างในเมืองอู๋หวาจริงๆ”

“อ้อ สืบอะไรได้บ้างเล่า” มู่ชิงเกอพูดพลางรินน้ำชาให้นางพลาง แล้วดันมาไว้ที่ตรงหน้านาง

ชูเนี่ยนไม่ได้คิดมาก ยกถ้วยนํ้าชาจิบนิดหนึ่งแล้วจึงพูดว่า “ในเมืองอู๋หวา มีครอบครัวหนึ่ง สมาชิกในครอบครัวทั้งห้าคนถูกฆ่าล้างยกครัว ตายอย่างอนาถ ใน เซียนลู่ไจมีลูกจ้างคนหนึ่งอยู่ดีๆ ก็เป็นปัญญาอ่อนกลายเป็นคนโง่ๆ เซ่อๆ ไป ยังมีคนที่ข้านำกลับมาด้วยหลายคน พวกเขาราวกับถูกปล้นแล้วทั้งเอาไว้ในที่ลับ บนตัวไม่มีป้ายแสดงฐานะและยังสลบไม่ฟื้น”

“อืม เป็นเบาะแสที่ดีมาก” มู่ชิงเกอผงกศีรษะ

ชูเนี่ยนถามว่า “ชิงเกอ ข้ามาหาเจ้าก็เพราะอยากรู้ว่าเจ้าพอจะมองอะไรออกบ้างไหม”

“แล้วเจ้ามองอะไรออกไหม” มู่ชิงเกอถามกลับ

ชูเนี่ยนเม้มปาก บอกสิ่งที่ไตร่ตรองในสมองออกมาอย่างไม่ลังเล “ข้าสงสัยว่า กลุ่มคนที่หยินเฉินเห็นวันนั้นก็คือคนที่ข้าต้องตามสืบ ไม่รู้ว่าพวกเขาใช้วิธีใดเข้า มาในเมืองอู๋หวา เพื่อปิดบังร่องรอยจึงฆ่าคนยกครัวแล้วยึดครองบ้านไว้อาศัย ส่วนพวกคนที่สลบไปนั้นคงเป็นกลุ่มคนที่เขาขโมยป้ายแสดงฐานะไป”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version