Skip to content

พลิกปฐพี 653

ตอนที่ 653

เจ้าอยากฟังข้าดีดพิณไหม

มู่ชิงเกอฟังการวิเคราะห์ของชูเนี่ยนแล้วก็ผงกศีรษะ

คำที่พูดตามสบายนี้ไม่นึกว่าพอชูเนี่ยนได้ยินแล้วในใจจะเกิดความยินดีปรีดาขึ้นมา ความยินดีปรีดาที่บอกไม่ถูกนี้ผุดขึ้นมาอย่างกะทันหัน

ทั้งๆ ที่นางอายุมากกว่าเขาไม่รู้ตั้งเท่าไร ประสบการณ์ที่ผ่านมาก็มากกว่าไม่รู้เท่าไร แต่เพียงแค่มู่ชิงเกอยอมรับหรือแค่พูดว่าเห็นด้วยก็ถึงกับทำให้นางหน้าชื่นตาบานขึ้นมาได้เช่นนี้

ในเวลานี้นางรู้สึกราวกับเด็กสาวที่เพิ่งมีความรัก อยากจะแสดงตัวตนต่อหน้าคนที่รู้สึกดีด้วย

อาการที่แปลกไปของชูเนี่ยนนั้นมู่ชิงเกอยังไม่รู้สึก นางเห็นชูเนี่ยนเงียบไปจึงถามว่า “ในเมื่อเจ้าวิเคราะห์ได้แล้ว มาหาข้าด้วยเรื่องอะไรหรือ”

คำพูดของมู่ชิงเกอดึงสติของชูเนี่ยนกลับคืนมา นางเก็บงำความรู้สึกของตัวเอง เปลี่ยนเป็นท่าทีจริงจังบอกมู่ชิงเกอว่า “ที่ข้ามาเพราะมีเรื่องหนึ่งที่ข้าคิดไม่ตก”

“เรื่องอะไร” มู่ชิงเกอถาม

ชูเนี่ยนขมวดคิ้วพูดอย่างไม่เข้าใจว่า “ลูกจ้างในร้านเซียนลู่ไจ เหตุใดจึงกลายเป็นคนปัญญาอ่อนไปได้ ความผิดปกติของเขาจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือไม่”

“คนผู้นั้นถูกพบในบริเวณใดของเซียนลู่ไจ” มู่ชิงเกอถาม

ชูเนี่ยนเม้มปากพูด “ที่หัวมุมชั้นสาม”

“ชั้นสาม…”มู่ชิงเกอนึ่งคิดแล้วมองนางพลางถามว่า “แล้วเจ้าล่ะ วันที่เขาเสียสติเจ้าอยู่ที่เซียนลู่ไจใช่ไหม”

ชูเนี่ยนนิ่งไปแล้วพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว

มู่ชิงเกอเงียบไปครู่หนึ่งค่อยๆ มองไปยังชูเนี่ยน

ถูกนางมองเช่นนี้ชูเนี่ยนก็ตกตะลึงขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ “เจ้า…”

“หากข้าไม่ได้คาดคะเนผิด เจ้าได้พบคนที่เจ้าต้องการหาแล้ว” มู่ชิงเกอเปิดปากตัดบทชูเนี่ยน

“อะไรนะ! ข้า” ชูเนี่ยนตกใจจนอึ้งไป

มู่ชิงเกอผงกศีรษะเล็กน้อย “หากว่าเรื่องนี้เกี่ยวกับพวกเหลือเดนตระกูลมู่ ที่พวกเขาเข้าไปยังเซียนลู่ไจนั่นก็เพราะเจ้า ลูกจ้างคนนั้นคงได้มีการพูดคุยกับพวกเขา พวกเขาเกรงว่าฆ่าคนแล้วจะทำให้วังอู๋หวาสังเกตเห็นดังนั้นจึงใช้วิธีนี้ เพียงแค่ไม่ตายเจ้าของเซียนลู่ไจถึงแม้จะประหลาดใจเพียงใดก็จะไม่ทำให้เรื่องนี้แพร่ไปไกลถึงวังอู๋หวา การที่ลูกจ้างสูญเสียความจำไปก็ไม่สามารถบอกเบาะแสอะไรที่เป็นประโยชน์ได้”

การวิเคราะห์ของมู่ชิงเกอมีที่มาที่ไปชัดเจน ชูเนี่ยนฟังจนผงกศีรษะติดๆ กัน

“ดังนั้น เจ้าคิดดูให้ดีๆ วันนั้นที่อยู่ในเซียนลู่ไจ เจ้าได้พบเจอเหตุการณ์อะไรที่ผิดปกติธรรมดาหรือไม่ หรือพบคนแปลกหน้าหรือไม่” มู่ชิงเกอชักจูงด้วยความอดทน

ขณะที่ชูเนี่ยนพูดเรื่องนี้นางแทบจะแน่ใจได้เลยว่ามู่เทียนอินได้พบหน้าองค์หญิงชูเนี่ยนแล้ว

เหตุใดจึงพบหน้า… ก็คงเช่นเดียวกัน มู่เทียนอินเองก็มีความคิดคล้ายนางเมื่อตอนแรก เริ่มลงมือที่ชูเนี่ยนเพื่อสืบค้นสภาพการณ์ในวังอู๋หวา

“เป็นเขา!” ชูเนี่ยนคิดอย่างละเอียด ทันใดนั้นนัยน์ตาหงส์ก็เปล่งประกายโพล่งออกมา

เงาร่างที่ถูกนางลืมเลือนไปหมดแล้วค่อยๆ ปรากฎอย่างชัดแจ้งในสมองนาง การวิเคราะห์ของมู่ชิงเกอทำให้นางนึกถึงรายละเอียดที่ไม่ได้สังเกตมาตั้งแต่แรกขึ้นได้

เช่น…คนคนนั้นเหตุใดจึงรู้ว่านางอยู่ห้องไหน

เวลานี้ดูแล้วเขาคงบังคับให้ลูกจ้างที่กลายเป็นปัญญาอ่อนคนนั้นพูดออกมา

“เป็นใครหรือ” มู่ชิงเกอจ้องนาง สองตาหรี่ลง

ชูเนี่ยนกลับเม้มปากไม่พูด ยังคงตกอยู่ในภวังค์ความทรงจำของตัวเองที่ค่อยๆ ชัดเจนขึ้น เช้าวันนั้นนางพาคนไปถึงวังราชาเทวะและได้เห็นเงาร่างของคนสามคนแวบหนึ่ง มีคนหนึ่งที่นางเคยเห็น ‘เมื่อซ้อนทับเข้ากับเงาร่างของชายที่พบในเซียนลู่ไจแล้วแววตาชูเนี่ยนเปลี่ยนเป็นเหี้ยมโหดขึ้นมา

นางหมุนตัวจะเดินออกไป

“หยุดก่อน” ทันใดนั้น เสียงมู่ชิงเกอก็ดังมาจากด้านหลัง

ชูเนี่ยนสะดุดมองเขาด้วยความสงสัย

“เจ้าจะไปไหน” มู่ชิงเกอถาม

ชูเนี่ยนตอบกลับอย่างเป็นธรรมขาติ “ในเมื่อข้าเคยเห็นคนผู้นั้น อย่างนั้นข้าก็จะไปตรวจค้นหาเขาออกมา

“เจ้ามีหลักฐานหรือ” มู่ชิงเกอถามอีก

“สองตาข้ายังไม่พออีกหรือ” ชูเนี่ยนถามเสียงเครียด

มู่ชิงเกอสั่นศีรษะช้าๆ “ถึงอย่างไร คนที่ถูกกักตัวล้วนมาอวยพรวันเกิด หากไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนแล้วไปจับคน เกรงว่าจะทำให้คนอื่นไม่พอใจ อีกทั้งหากเขายังมี พวกอีกกี่คน เข้ามาแล้วกี่คน”

มู่ชิงเกอพูดมาคำหนึ่ง ความเหี้ยมโหดในดวงตาชูเนี่ยนก็ลดลงไปหนึ่งส่วน

จนนางพูดจบ ชูเนี่ยนก็เปิดปากโดยไม่รู้ตัว “แล้วข้าควรทำอย่างไร”

มู่ชิงเกอยิ้มมุมปากแฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์ “รอ”

“รอหรือ” ชูเนี่ยนส่วยหน้าอย่างุงงง

“รอให้กลุ่มคนที่เจ้านำกลับมาฟื้นก่อนค่อยถามที่มาที่ไปพวกเขา เจ้าย่อมรู้เองว่าใครเป็นตัวปลอมปะปนเข้ามา เมื่อมีพยานรวมกับสิ่งที่เจ้าจำได้ด้วย จะไม่ยิ่งได้ผลที่ชัดเจนขึ้นหรือ อีกทั้งหากยังทำไม่รู้ไม่ชี้ค่อยๆปล่อยข่าวพวกที่ยังสลบไสลออก ไป เจ้ายังสามารถแอบสังเกตปฏิกิริยาของพวกเขาได้ด้วย”

แววตาของชูเนี่ยนสว่างวาบ ใบหน้าสวยเผยรอยยิ้มออกมานางบอกมู่ชิงเกอ “ข้าจะให้คนรีบทำให้คนพวกนี้ขึ้นไวๆ แล้วแอบปล่อยข่าว ดูว่าพวกเขาจะทำอะไร”

มู่ชิงเกอพยักหน้ายิ้ม ดวงตาใสกระจ่างมองไม่ออกถึงแผนการใดๆแม้แต่น้อย

ชูเนี่ยนบอกลาจากไป แต่ก่อนจะจากไปกลับหมุนตัวมาถาม “ชิงเกอ เจ้าชอบฟังเพลงพิณไหม”

“หือ” มู่ชิงเกออึ้งไปเลิกคิ้วเล็กน้อย ไม่ทันเข้าใจความหมายของชูเนี่ยน

แต่นางกลับไม่อธิบายต่อ เพียงเม้มปากแล้วบอกเขาว่า “อีกสักพักหมดเรื่องพวกนี้แล้ว ข้าจะดีดพิณให้เจ้าฟัง”

พูดจบนางก็หมุนตัวไปอย่างรวดเร็ว

รอจนนางไปไกลจนมองไม่เห็นแล้ว มู่ชิงเกอจึงลูบปลายจมูก มองหยินเฉินพลางถามว่า “นางหมายความว่าอะไรหรือ”

กับมู่ชิงเกอที่เฉื่อยชาเชื่องช้าแล้ว หยินเฉินค่อยเบนสายตาออก ไม่ได้เอ่ยอะไร

ยังดีที่มู่ชิงเกอเองก็ไม่ได้คิดเรื่องชูเนี่ยนอีก นางแค่นยิ้ม “คราวนี้นํ้าโคลนที่สาดใส่มู่เทียนอินล้างอย่างไรก็คงไม่ออกแล้ว”

“การชักนำไปทีละก้าวเช่นนี้ดีกว่าบอกคำตอบพวกเขาตรงๆเยอะเลย” หยินเฉินว่า

มู่ชิงเกอยิ้มพูดว่า”ทั้งราชาเทวะอู๋หวากับชูเนี่ยนต่างเป็นคนฉลาด หากบอกคำตอบพวกเขาตรงๆ พวกเขาไม่เชื่อหรอก อาจกลายเป็นสงสัยข้าแทน เวลานี้ให้พวกเขาไปสืบเอง สิ่งที่สืบมาได้พวกเขาจึงจะเชื่อ”

หยินเฉินนิ่ง สะท้อนใจส่ายหน้าว่า “เจ้าวางแผนได้เลิศลํ้าหนักหนา หาใครเทียบเทียมได้ยาก แต่ด้านความรู้สึกกลับเฉื่อยชามาก”

พูดคำนี้จบ หยินเฉินก็เก็บจานชามและเศษอาหารที่เหลือบนโต๊ะ ทิ้งมู่ชิงเกอไว้ที่เดิมคนเดียวแล้วออกไปจากห้อง

มู่ชิงเกอทำตาปริบๆ หน้าตาเหลอหลาพึมพำว่า “ข้าเฉื่อยชาด้านความรู้สึกที่ใดกันข้ามีท่านมั่วอยู่แล้วทั้งคนยัง ต้องมีความรู้สึกว่องไวอะไรกับใครอีก แค่มีกับเขาก็ พอแล้ว”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version