ตอนที่ 656
ข้าต้องฆ่าเขาให้ได้
ในดินแดนอู๋หวา การป้องกันเข้มงวด บรรยากาศตึงเครียด
ทุกที่ล้วนมีลูกศิษย์ที่ในมือถือคบเพลิงตระเวนค้นหาไปทั่ว ครั้งนี้พวกเขาไม่ได้ค้นหาเหมือนคนตาบอดอีกต่อไป พวกเขารู้ชัดแล้วว่าคนที่ต้องการค้นหานั้นมีหน้าตาท่าทางอย่างไร
ในที่แห่งหนึ่ง มู่เทียนอินกับมู่หลินและมู่ซาน ซ่อนอยู่ในที่มืดเพื่อหลบหนีการตามจับกุม คบเพลิงที่สั่นไหวเหล่านั้นเฉียดผ่านที่ซ่อนตัวของพวกเขาไป
จนเมื่อแสงไฟหายสิ้นกลับคืนสู่ความมืดแล้ว สามคนที่ซุกซ่อนอยู่จึงเคลื่อนไหวเล็กน้อย
พวกเขาหนีออกมาด้านนอกได้ทัน แต่นึกไม่ถึงว่า ยังไม่ทันไปได้ไกลคนก็รู้ตัวแล้วจำนวนคนที่เพิ่มมากขึ้นนี้จะต้องมาจับตัวพวกเขาแน่นอน
“นายน้อย ดูแล้วคนพวกนั้นคงจะฟื้นแล้ว” มู่หลินเดาเสียงเครียด
คำพูดของเขาทำให้สายตาอันน่ากลัวของมู่เทียนอินเลื่อนไปที่มู่ซาน
มู่ซานลมหายใจสะดุด หลุบตานิ่งเงียบหลบสายตามู่เทียนอิน เขาเองก็ไม่รู้ว่าเรื่องจะกลายเป็นเช่นนี้ ที่ไม่ได้สังหารคนเหล่านั้นแต่แรกก็เพียงคิดว่าไม่จำเป็น ยาที่เขาใส่ลงไปจะมีผลนานจนงานเลี้ยงวันเกิดราชาเทวะอู๋หวาผ่านไปเกินครึ่งเดือนจึงจะฟื้นขึ้นมาได้ ถึงเวลานั้นพวกเขาก็คงจะจัดการเรื่องเรียบร้อยและหลบออกไปไกล
แต่ใครจะรู้ว่าจะเกิดเรื่องไม่คาดคิดต่างๆ ขึ้นมากมาย อีกทั้งคนเหล่านั้นยังถูกคนของวังอู๋หวาเจอตัวและนำกลับมาอีกด้วย กระทั้งเวลานี้ยังฟื้นขึ้นมาแล้ว
‘เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ไปได้’ มู่ซานถามตัวเองในใจ เรื่องนี้ลุกลามไปไกลเกินกว่าที่เขาจะคาดคิดจริงๆ
“มู่ซาน ข้าอยากจะฆ่าเจ้าจริงๆ” มู่เทียนอินพูดกับมู่ซานด้วยนํ้าเสียงเหี้ยมเกรียม
มู่ซานผวายิ่งก้มหน้าตาลงไปอีกพลางพูดเสียงเครียดว่า “ขอนายน้อยโปรดลงโทษ”
“ลงโทษหรือ” มู่เทียนอินแค่นยิ้มพูดด้วยใบหน้าโหดเหี้ยมว่า “เจ้านึกว่าเจ้าจะหนีการลงโทษพ้นหรือ”
คำพูดเขาทำให้เลือดในกายมู่ซานเย็นเฉียบ
มู่เทียนอินเบนสายตาไปที่อื่นไม่แยแสเขาอีก สักพักเขาจึงพูดเสียงเย็น “ข้าลองดูแล้ว บริเวณนี้ถูกราชาเทวะอู๋หวาลงอาคมไว้ไม่สามารถใช้อาวุธอาคมหลบหนีได้
“แล้วจะทำอย่างไรดี” มู่หลินพูดอย่างตกใจ
มู่เทียนอินแค่นเสียงเย็น “ทำอะไรข้าไม่ได้หรอก พวกเราเดินไปยังด้านทางออก ยิ่งใกล้ทางออก พลังอาคมจะยิ่งอ่อนลง ขอให้ไปถึงจุดที่ใช้อาวุธอาคมหลบหนีได้ วังอู๋หวานี่ก็สกัดข้าไม่อยู่หรอก เพียงแต่เสียดาย…”
เมื่อพูดถึงประโยคนี้แล้ว นัยน์ตาเขาก็มีแต่ความมืดดำ
น่าเสียดาย จุดประสงค์การมาในครั้งนี้ไม่สำเร็จ ไม่เพียงแต่หาเคล็ดวิชาเทวะส่วนล่างไม่เจอ ทั้งยังไม่มีโอกาสสังหารมู่ชิงเกอที่เขาทั้งเกลียดทั้งแค้นยิ่งกว่าอะไร
ทั้งยังชูเนี่ยนหญิงสาวนางนั้น…
มู่เทียนอินอึดอัดใจนักรู้สึกว่าทำอะไรไม่ได้ดังใจ อารมณ์ขุ่นมัวยิ่งนัก
“นายน้อย ในเมื่อเป็นเช่นนี้พวกเราก็ไปกันเถอะ” มู่หลินพูดเสียงเบา
ความมืดดำในนัยน์ตามู่เทียนอินถูกสะกดลงไป เขาเดินออกจากที่ซ่อนตัว มุ่งหน้าไปยังทางออกดินแดนอู๋หวา
มู่หลินกับมู่ซานตามติดกันไป คอยสังเกตความเคลื่อนไหวรอบด้าน
มู่ชิงเกอบอกว่าการที่ตระกูลมู่สามารถอยู่รอดมาจนถึงทุกวันนี้ได้โดยที่ไม่ถูกแผ่นดินเทพทั้งสี่สมุทรฆ่าล้างแสดงว่าความสามารถสุดยอดที่พวกเขาฝึกฝนได้ในหมื่นปีนี้ก็คือการหนีเอาตัวรอด
ถึงแม้จะเป็นคำพูดทีเล่นทีจริงกึ่งดูแคลน แต่ก็เป็นคำวิเคราะห์ของมู่ชิงเกอ
ดังนั้น มู่ชิงเกอจึงไม่ได้กังวลแม้แต่นิดว่ามู่เทียนอินจะเดินไปไม่ถึงทางออกและจะหนีออกจากวังอู๋หวาไม่ได้
จริงดังนั้น มู่เทียนอินไม่ได้ทำให้นางผิดหวัง
เมื่อนางกับชูเนี่ยนมาถึงบนกำแพงเมืองที่ทางออกไม่นานนัก ปัญญาเทวะของนางก็รับรู้ได้ถึงกลิ่นอายที่สั่นไหวของมู่เทียนอิน
“เขามาแล้ว” สักครู่หนึ่ง ชูเนี่ยนก็พูดเสียงเครียด
มู่ชิงเกอมองไปที่นาง ชูเนี่ยนเมื่อถูกนางมองเช่นนี้ก็มีสีหน้าผิดปกติเล็กน้อย อธิบายเบาๆ ว่า “ข้าเคยพบเขาเลยจดจำกลิ่นอายของเขาได้”
มู่ชิงเกอเลิกคิ้ว ยิ้มไม่พูดอะไร
ทั้งคู่คุยได้ไม่กี่คำ เงาร่างมู่เทียนอินก็มาปรากฎตัวอยู่ตรงหน้าพวกเขา
“เจ้าโจรใจกล้า ถึงขนาดบุกรุกดินแดนอู๋หวา ใครก็ได้มาจับตัวพวกมันไว้” ชูเนี่ยนแสดงออกถึงส่วนที่แกร่งกล้าของตัวเองออกมาต่อหน้ามู่ชิงเกอ
พอนางสั่งแล้ว เหล่าลูกศิษย์ดินแดนอู๋หวาที่ดักซุ่มอยู่ก็กรูกันออกมาล้อมพวกมู่เทียนอินทั้งสามคนไว้อย่างแน่นหนา
ผู้คนที่พุ่งออกมาอย่างกะทันหันนี้ทำให้มู่หลินกับมู่ซานระวังตัวทันที ส่วนมู่เทียนอินกลับไม่มีสีหน้าตกใจแม้แต่นิด ราวกับว่าเขารู้อยู่แล้วว่าจะมีการดักซุ่มอยู่ที่นี่
เขายืนอยู่ข้างล่างแหงนหน้ามองไปก็เห็นชูเนี่ยนและมู่ชิงเกอที่ยืนอยู่ข้างกายชูเนี่ยนกำลังยิ้มให้เขาอย่างน่ารังเกียจที่สุด
“ยอมให้จับเสียดีๆ ไม่เช่นนั้นตาย” ชูเนี่ยนพูดอีก
นางในเวลานี้แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงกับองค์หญิงแสนเป็นมิตรที่โลกภายนอกรู้จัก
เสียงที่ไร้ความปรานีดึงความคิดมู่เทียนอินกลับคืนมา เขาไม่สนใจมู่ชิงเกอชั่วคราวและพูดกับชูเนี่ยนช้าๆ ว่า “องค์หญิงชูเนี่ยน พวกเราได้พบกันอีกแล้ว ไม่เจอกันหลายวัน เทียนอินคิดถึงท่านมาก กลิ่นอายขององค์หญิง ความงามลํ้าขององค์หญิงทำให้ข้าไม่อาจลืมเลือนไปชั่วชีวิต”
น้ำเสียงของเขาแฝงด้วยอารมณ์สองแง่สองง่าม ทำให้คนมองข้ามความโหดร้ายของแววตาและความดุร้ายที่เก็บกดเอาไว้ไป
“ห้ามพูดจาเลอะเทอะ!” คำพูดของมู่เทียนอินทำให้สีหน้าชูเนี่ยนมีสีหน้าเครียดขึง นางยังไม่ทันอธิบายให้มู่ชิงเกอฟัง เพียงคิดห้ามไม่ให้มู่เทียนอินพล่ามต่อไป
เหล่าลูกศิษย์ดินแดนอู๋หวา ต่างจ้องมู่เทียนอินด้วยใบหน้าโกรธแค้น
ชูเนี่ยนคือเทพธิดาในใจพวกเขา ทั้งเป็นองค์หญิงดินแดนอู๋หวาจะให้คนหมิ่นประมาทตามใจได้อย่างไร
มู่ชิงเกอขมวดคิ้วเล็กน้อย นางมองเจตนาในแววตาของมู่เทียนอินออก เขาอยากดูหมิ่นตนเองผ่านชูเนี่ยน แต่ไม่รู้ว่าตัวเองไม่ได้มีใจต่อชูเนี่ยนเช่นนั้น แต่การที่ผู้ชายใช้วิธีการเช่นนี้มาโจมตีฝ่ายตรงข้ามนั้นทำให้นางดูแคลนมาก
เห็นมู่ชิงเกอขมวดคิ้ว มู่เทียนอินก็เข้าใจผิดว่าได้สร้างความร้าวฉานต่อความสัมพันธ์ของมู่ชิงเกอกับชูเนี่ยนแล้ว การที่ตัวเองได้รับชัยชนะโดยไม่คาดคิดทำให้เขายิ้มเหี้ยมออกมา แต่ก็ยังไม่สามารถกลบความแค้นที่นัยน์ตาของเขาลงได้
“ใครก็ได้จับพวกเขาไว้” ชูเนี่ยนสั่งด้วยเสียงเย็นเฉียบ
เหล่าลูกศิษย์ดินแดนอู๋หวาที่ล้อมพวกเขาไว้พากันขึ้นหน้าทันที
มู่ซานกับมู่หลินเคร่งเครียดขึ้นมา พวกเขาเงยหน้าขึ้นไปก็มองเห็นมู่ชิงเกอ การที่มู่ชิงเกอยืนอย่างสง่าผ่าเผยอยู่ที่นี่เป็นสิ่งที่พวกเขาคาดคิดไม่ถึงเลยแม้แต่น้อย
มู่เทียนอินไม่ได้สนใจเหล่าลูกศิษย์ดินแดนอู๋หวาที่บุกเข้ามา เพียงจ้องมู่ชิงเกอกับชูเนี่ยนแล้วยิ้มอย่างลี้ลับ “องค์หญิงชูเนี่ยนพวกเราพบกันใหม่วันหลังยังมี ผู้ชายข้างกายเจ้า เจ้ารู้ไหมว่าเขาเป็นใคร ข้าจะต้องฆ่าเขาให้ได้”
คำพูดนี้ของเขาทำให้แววตามู่ชิงเกอเครียดขรึม ส่วนชูเนี่ยนก็เกิดความรู้สึกสงสัยขึ้นมา
“เขาจะหนี” มู่ชิงเกอเตือนได้ทันเวลา
ชูเนี่ยนยังไม่ทันสั่งการลงไปก็เห็นในมือมู่เทียนอินปรากฎม้วนภาพขึ้นม้วนหนึ่งกางออกที่ตรงหน้าเขาห่อหุ้มพวกเขาทั้งสามคนไว้ภายในและหายไปต่อหน้าคนทั้งหมดทันที