ตอนที่ 657
ในที่สุดข้าก็เฝ้ารอจนเจ้ามาถึง
“คนเล่า”
“เหตุใดจึงหายไปแล้ว”
“รีบตามเร็ว”
การหายตัวไปกะทันหันของพวกมู่เทียนอินสามคนทำให้เหล่าลูกศิษย์ดินแดนอู๋หวาที่ตั้งใจจะรุมกันเข้าไปต่างสูญเสียเป้าหมายไป
“ไม่ต้องตามหาที่นี่แล้ว พวกเขาออกจากวังอู๋หวาไปแล้ว สั่งการลงไปให้ปิดเมืองอู๋หวา ตั้งหน่วยซุ่มที่นอกเมือง จะต้องหาตัวโจรออกมาให้ได้” ชูเนี่ยนสั่งทุกคน
เหล่าลูกศิษย์ดินแดนอู๋หวาพากันแยกย้ายออกไปทำตามคำสั่งนาง
หลังจากทุกคนแยกย้ายไปหมดแล้ว ชูเนี่ยนจึงมองมู่ชิงเกอแล้วถามว่า “คำพูดของเขาหมายความว่าอย่างไรกัน ยังมีอีก ข้ากับเขาไม่ได้มีอะไรกันเลยแม้แต่น้อย”
ความรู้สึกต่อครึ่งประโยคแรกที่ว่า ‘เจ้ารู้ไหมว่าเขาเป็นใคร’ เป็นความสงสัยที่มีต่อคำพูดก่อนจากไปของมู่เทียนอิน ส่วนครึ่งประโยคหลังเป็นคำอธิบายต่อมู่ชิงเกอ
เหตุใดต้องอธิบายด้วยหรือ
ชูเนี่ยนเองก็ไม่เข้าใจ นางซึ่งไม่เคยใส่ใจเรื่องเหล่านี้มาก่อนกลับไม่อยากให้มู่ชิงเกอเข้าใจผิด
มู่ชิงเกอมองนางแล้วยิ้มว่า “ข้าก็ไม่รู้ว่าเขาหมายความว่าอะไร คนคนนี้พอออกมาถึงก็พูดจาสามหาว ใช้วาจาสามานย์ใครจะรู้ว่าเขาต้องการอะไร’’
ชูเนี่ยนคิดอย่างละเอียดแล้วก็ขมวดคิ้วพยักหน้า “จริงด้วย คนเช่นนี้ไว้ใจไม่ได้ คำพูดของเขาจะเชื่อถือได้อย่างไร”
คิดเช่นนี้แล้ว นางก็ลืมคำพูดของมู่เทียนอินไปจนหมด
น่าสงสารมู่เทียนอินอุตส่าห์ทิ้งคำพูดก่อนจากไปไว้ เพราะต้องการให้คนดินแดนอู๋หวาสงสัยฐานะมู่ชิงเกอ คิดจะยุแยงความสัมพันธ์ระหว่างมู่ชิงเกอกับชูเนี่ยน
แต่ไม่นึกว่า มู่ชิงเกอใช้เพียงคำพูดเดียวก็สามารถกำจัดความวุ่นวายทิ้งไปได้ทั้งหมด
หลังจากชูเนี่ยนหายข้องใจแล้วมู่ชิงเกอก็ยิ้มเยาะในใจ ‘ข้าเป็นใครน่ะหรือ ประวัติข้าขาวสะอาด ตรวจสอบเมื่อไหร่ก็ได้อีกทั้งยังมีราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยอยู่ ใครจะกล้ามา
สงสัยในตัวข้า’
เห็นมู่เทียนอินที่จองหองพองขนเมื่อครั้งอยู่ที่หานชุ่นทั้งยังดูถูกดูหมิ่นนางสารพัดในเวลานี้ราวกับสุนัขข้างถนน มู่ชิงเกอก็รู้สึกสบายอารมณ์อย่างยิ่ง
ราวกับว่า ความคิดที่อยากจะสังหารเขานั้น ไม่ได้รีบร้อนถึงเพียงนั้นแล้ว
ที่นางไม่รีบร้อนเพราะนางคิดว่าก่อนจะสังหารเขาจะค่อยๆ ทรมานเขา ค่อยๆ กำจัดสิ่งที่เขาคาดหวัง สิ่งที่เขาใส่ใจให้หมดสิ้นไปทีละอย่าง
“ชิงเกอ เรื่องนี้พวกเราเข้าใจเจ้าผิดไปแล้ว” ชูเนี่ยนบอกมู่ชิงเกอ
มู่ชิงเกอยิ้มบางๆ สั่นศีรษะว่า “ไม่เป็นไร เจ้าก็ทำตามหน้าที่ ย่อมต้องว่าตามกฎเกณฑ์’
ชูเนี่ยนขมวดคิ้วแววตาเป็นประกายดุดัน “แต่ว่าก็ยังปล่อยให้โจรหนีไปได้ไม่รู้ว่าเขาขโมยอะไรไป ถึงทำให้ท่านพ่อโกรธมากถึงเพียงนี้”
“เจ้ารีบไปรายงานราชาเทวะเถอะ ข้าจะกลับก่อนแล้ว” มู่ชิงเกอบอกชูเนี่ยน
ชูเนี่ยนรีบผงกศีรษะบอกนางว่า “ก็ดี เจ้ากลับไปพักผ่อนก่อน ข้าจะรายงานท่านพ่อทุกอย่างรับรองความบริสุทธิ์ของเจ้า”
มู่ชิงเกอกลับตำหนักข้างที่พักชั่วคราวไปคนเดียว พอไปถึงประตู สองผู้รับใช้ในตำหนักก็วิ่งออกมาต้อนรับ นางหันกลับไปบอกคนทั้งคู่ด้านหลังว่า “ลำบากแล้ว”
ลูกศิษย์ดินแดนอู๋หวาสองคนนี้ทำความเคารพมู่ชิงเกอแล้วจึงถอยออกไป
พวกเขารับคำสั่งให้คุ้มกันมู่ชิงเกอกลับมา เมื่อภารกิจเสร็จสิ้นย่อมต้องจากไป
มู่ชิงเกอเดินเข้าห้อง ขณะที่คิดจะพักสักครู่เสียงของโหว่กลับดังขึ้นในสมอง ‘นังหนู เจ้ารู้ไหมว่าศพผู้หญิงที่เจ้าเห็นวันนั้นคืออะไร’
มู่ชิงเกอเลิกคิ้ว นางไม่เข้าใจว่าเหตุใดโห่วจึงพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา แต่จากพิณหวูถงของชูเนี่ยนกลับทำให้นางปะติดปะต่อเรื่องทุกอย่างเข้าด้วยกันได้ ‘เป็นเผ่าเฟิ่งหวง!’
‘ถูกต้อง เป็นหวง เจ้ารู้ไหมว่า เผ่าเฟิ่งหวงไม่สมรสนอกเผ่า หนึ่งเฟิ่งหนึ่งหวงรวมเป็นหนึ่งคู่ อยู่เคียงคู่กันไปทั้งชาติ ทุกหนึ่งหมื่นปี เฟิ่งหวงก็จะนิพพานหนึ่งครั้ง สูญสิ้นความจำครั้งก่อน เมื่อนางลืมตาเห็นคนแรกที่ไม่ใช่คู่ของนางแล้ว นางก็จะลืมเรื่องราวหนก่อนไปจนหมดสิ้น รักคนที่เห็นครั้งแรก’ โห่วพูดต่อ
มู่ชิงเกอขมวดคิ้ว อยู่ดีๆ โห่วคงไม่เล่าเรื่องเหล่านี้ให้นางฟังแน่ คงต้องมีอะไรแอบแฝงอยู่
นางพิจารณาคำพูดของโห่วอย่างละเอียด
ทันใดนั้นแววตานางก็สว่างวาบ พูดกับเขาว่า ‘หรือว่าผู้หญิงในศาลาอีเยี่ยถูกราชาเทวะอู๋หวาลอบพามาที่ดินแดนอู๋หวาหรือ’
นางคิดเช่นนี้ได้หรือไม่ว่า…
‘ผู้หญิงคนนี้เป็นหนึ่งในเผ่าเฟิ่งหวง หลังจากนิพพานแล้วคนแรกที่นางเห็นก็คือราชาเทวะอู๋หวา ดังนั้นจึงรักเขา เต็มอกเต็มใจตามเขามายังดินแดนอู๋หวา ทั้งยังมีทายาทกับเขา แต่ผู้หญิงคนนั้นเหตุใดจึงตายได้ไม่ใช่บอกว่าเผ่าเฟิ่งหวงมีอายุขัยยืนยาว ตายยากมากหรือ’ มู่ชิงเกอเอ่ยอย่างไม่เข้าใจ
‘ไม่ เจ้าพูดผิดแล้ว’โห่วเอ่ยแก้
‘ผิดแล้วหรือ’ มู่ชิงเกอขมวดคิ้ว
‘องค์หญิงชูเนี่ยนเป็นเฟิ่งหวงน้อยตัวหนึ่งจริงแท้แน่นอน เพียงแต่ยังไม่ถึงการนิพพานเท่านั้น ยังมีอีกเฟิ่งหวงหมื่นปีนิพพานหนึ่งครั้ง ทั้งยังจะสูญสิ้นความทรงจำครั้งเก่าทั้งหมด แต่ก็อาจจะฟื้นความจำเก่าขึ้นมาได้ ศพหญิงนางนั้นยังไม่ตาย แต่ถูกคนใช้พลังเทพผนึกเอาไว้ให้อยู่ในสภาพคล้ายตาย แม้แต่อาจารย์ปรุงยาอย่างเจ้ายังถูกตบตาได้’
คำพูดของโหว่ทำให้มู่ชิงเกอตกตะลึง
มู่ชิงเกอคิดในใจว่า ‘ความหมายของเจ้าคือ ขณะที่หญิงคนนั้นตั้งครรภ์ก็เข้าสู่ช่วงนิพพาน จากนั้นจึงถูกราชาเทวะอู๋หวานำมาที่นี่ ชูเนี่ยนไม่ใช่ลูกของราชาเทวะอู๋หวา
ราชาเทวะอู๋หวาเกรงว่าหญิงนางนั้นหลังนิพพานแล้วจะลืมเขาหรืออาจจะจำเรื่องแต่หนก่อนได้แล้วจะสูญเสียนางไป ดังนั้นจึงเห็นแก่ตัวผนึกนางไว้ไม่ให้นางนิพพานหรือ’
‘มีโอกาสเป็นเช่นนี้ได้มาก แต่เรื่องจริงเป็นอย่างไรข้าเองก็ไม่รู้ เจ้าเพียงจำไว้ว่า สายเลือดเฟิ่งหวงในตัวชูเนี่ยนเข้มข้นมาก คิดว่าฐานะคงไม่ตํ่าต้อย เพียงแต่ยังไม่ นิพพานครั้งแรกจึงยังไม่ตื่นขึ้นหากสายเลือดนางตื่นขึ้นแล้วก็จะรู้ฐานะชาติกำเนิดของตัวเอง ตามความคิดของเผ่าเฟิ่งหวง นางจะต้องกลับป่าอสูรเพื่อตามหาคนเผ่า ของนางแน่ หากเจ้ามีความสัมพันธ์ที่ดีกับนาง ไม่แน่ว่าอนาคตอาจได้รับความช่วยเหลือจากเผ่าเฟิ่งหวง’ โห่วเอ่ยเตือน
มู่ชิงเกอกลับสั่นศีรษะยิ้มน้อยๆ ‘ชูเนี่ยนเพิ่งจะอายุห้าพันปีเศษ ห่างจากนิพพานอีกหลายพันปีนัก’
‘นิพพานครั้งแรก หากมีโอกาสวาสนาอาจไม่ต้องรอถึงหมื่นปี’ โห่วพูดอีก
‘ค่อยว่ากันเถอะ’ มู่ชิงเกอพูด ‘ตอนนี้ข้าไม่มีเวลาว่างมากพอจะอยู่เสวนาเรื่องของพวกเขาพ่อลูก ข้าจะต้องไปจากดินแดนอู๋หวากลับไปยังแผ่นดินเทพตะวันตกสม ทบกับหยินเฉิน เรื่องของข้ากับมู่เทียนอินยังไม่จบ’
‘อืม แล้วแต่เจ้า’โห่วพูดแล้วก็เงียบไป
การหลบหนีของมู่เทียนอินทำให้ราชาเทวะอู๋หวาโกรธแค้นมาก กระทั้งแจ้งทุกแผ่นดินเทพให้รู้ว่าตระกลมู่เหลือเดนปรากฎตัวขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ขอให้ทุกดินแดนเทพ ช่วยตามจับตัวด้วย
มู่ชิงเกอยังไม่รีบร้อนที่จะจากไป แต่รออีกสองวันจึงขอตัวจากไป
ขณะที่นางเร่งกลับไปยังแผ่นดินเทพตะวันตกนั้น มู่เทียนอินก็ได้กลับถึงแผ่นดินเทพตะวันตกแล้ว กำลังมุ่งหน้าไปยังรังที่ซ่อนของตัวเอง
เมื่อกลับมาถึงถํ้าใต้ดินอย่างปลอดภัยแล้ว เขากลับไม่รู้เลยว่า หลังจากเขาเข้าไปแล้วมีเงาสุนัขจิ้งจอกจางๆ ปรากฎอยู่ที่ด้านนอกเรือนโกโรโกโสหลังนั้น
“หากไม่ใช่เพราะมู่ชิงเกอข้าก็คงได้มันมาแล้ว” มู่เทียนอินเล่าเหตุการณ์ที่ตัวเองประสบในดินแดนอ๋หวาให้ผู้เฝ้ามองฟัง
ผู้เฝ้ามองฟังด้วยความนิ่งสงบ ในใจกลับคิดว่า ‘ในที่สุด ข้าก็เฝ้ารอจนเจ้ามาถึง”