ตอนที่ 671
ท่านทำอะไรไป
“ข้าเรียกกระบวนท่านี้ว่า ‘บงกชพุทธองค์พิโรธ’ ”
เสียงของมู่ชิงเกอทำให้ตาดำมู่เทียนอินหดลง
แขนกิเลนของเขาตวัดมาจนถึงตรงหน้ามู่ชิงเกอแล้ว เพียงใช้แรงซัดทีเดียวก็สามารถหักคอเขาได้
แต่ในเวลานี้เอง ด้านหน้ามู่ชิงเกอพลันผุด ‘กำแพง’ สีทองขึ้นมาแถบหนึ่ง นี่เป็นกฎบัญญัติทอง นางเรียกกฎบัญญัติทองมากั้นเป็นโล่ด้านหน้าตน
เล็บคมของแขนกิเลนข่วนผ่านบนโล่จนเกิดเสียงแสบแก้วหูกระทั้งบริเวณที่สัมผัสยังเกิดประกายไฟแลบออกมา
มู่เทียนอินที่พลาดไปพลันพูดอย่างเหลือเชื่อว่า “เป็นไปได้อย่างไร!”
ในสายตาเขา กฎบัญญัติทองของมู่ชิงเกอจะต้านทานการโจมตีของแขนกิเลนได้อย่างไร
แขนกิเลนของเขาหมัดเดียวก็ทุบหินลอยเก้าชั้นฟ้าให้แตกกระจายได้แล้ว นอกจากนี้ยังสามารถกรีดทะลุโลหะที่แข็งแกร่งที่สุดได้ แต่เหตุใดจึงไม่สามารถผ่านแนวป้องกันจากกฎบัญญัติทองของมู่ชิงเกอได้
มู่เทียนอินไม่เข้าใจ
ผู้เฝ้ามองและราชครูที่มองดูจากกระจกเองก็ไม่เข้าใจ เนื่องจากในสายตาของพวก เขา พลังโจมตีของแขนกิเลนนั้นสูงกว่ากฎบัญญัติทองในขั้นของมู่ชิงเกอมากนัก
“ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้พลังของกฎบัญญัติใดๆ ไม่แยกอ่อนแข็ง ต่างกันที่เจ้าเข้าใจมากน้อยเท่าไรเท่านั้น” มู่ชิงเกอยิ้มเยาะ
ร้อยหล่อหลอมจนกลายเป็นเหล็กกล้า
ทองก็คือโลหะ เป็นตัวแทนของความแข็งแกร่งคมกริบทุกอย่าง ไม่ว่าโลหะชนิดใด เมื่อผ่านกรรมวิธีหล่อหลอมอย่างพิถีพิถันแล้วก็สามารถแข็งแกร่งและคมกริบมากขึ้นได้
ดังนั้น การรับรู้แรกของกฎบัญญัติทอง ก็คือหล่อหลอม
คำพูดของนางสั่นสะท้านใจคนทั้งสาม
ใบหน้ามู่เทียนอินเหี้ยมโหดขึ้นมา ความริษยาในใจเพิ่มสูงขึ้นอย่างบ้าคลั่ง
นี่ไม่ใช่พลังจากกฎบัญญัติ แต่เป็นความสามารถพิเศษของนาง
นางนำพลังพิเศษไฟกับพลังพิเศษสายฟ้ามาหลอมรวมเข้าด้วยกัน พลังสองชนิดที่แข็งแกร่งที่สุด ไม่มั่นคงที่สุด ร้อนแรงที่สุด พลังทำลายล้างสูงที่สุดได้ถูก นางใช้พลังที่นุ่มนวลของกฎบัญญัติไม้เป็นตัวเชื่อม หลอมรวมแล้วหลอมรวมอีก
ดอกบัวสามสีหนึ่งดอกควบรวมกันผุดขึ้นที่หน้าผากของนาง
เมื่อมองเห็นดอกบัวปรากฎ มู่เทียนอินก็เบิกตาโพลง เขารับรู้ได้ถึงพลังอันน่ากลัวภายใน พลังนั้นทำให้เขาอยากหลบหนี
ไม่เพียงแค่เขา ผู้เฝ้ามองกับราชครูก็ตกใจจนแน่นิ่งไป
ไม่เคยมีใครทำได้เช่นนี้มาก่อน
แน่นอน น้อยนักที่มีคนคุณสมบัติทำเช่นนี้ได้ กระบวนท่าที่ใจกล้าเช่นนี้มู่ชิงเกอนึกออกมาได้อย่างไร เขาไม่กลัวว่าพลั้งพลาดเพียงนิดเดียวจะทำให้ตัวเอง ระเบิดตายหรือ
พวกเขาไม่รู้ว่า แรงบันดาลใจกระบวนท่านี่ของมู่ชิงเกอได้มาจากขณะประลองครั้งที่สองกับเซียนสุ่ย ขณะที่เซียนสุ่ยใช้กระบวนท่าที่มีพลังสูงสุดออกมานั้น นางใช้พลังกฎบัญญัติที่ต่างกันสามชนิดกักเอาไว้ แล้วจุดระเบิดสลายพลังของเขา ทำให้ได้ชัยชนะมา
มู่ชิงเกอเคยคิดหลอมรวมพลังกฎบัญญัติ แต่พลังกฎบัญญัติแข็งแกร่งมากเกินไป ขั้นบำเพ็ญของนางไม่สามารถควบคุมได้เลยจึงถอยลงมาเปลี่ยนเป็นใช้พลังพิเศษ พลังพิเศษต่างกับกฎบัญญัติ พลังนั้นกำเนิดจากตัวเองจึงใกล้ชิดกับมู่ชิงเกอมากกว่า ควบคุมได้ง่ายกว่า
จนท้ายสุดจึงใช้กฎบัญญัติไม้เป็นสารหลอมรวมก็จะทำให้สมดุลได้
กระบวนท่านี้หากไม่ใช่เพราะมู่ชิงเกอเข้าใจหลักธรรมอย่างลึกซึ้ง หากไม่ใช่เพราะปัญญาเทวะนางสูงส่งเหนือกว่าคนทั่วไปจะไม่สามารถใช้ได้เลย
“บง-กช-พุท-ธะ-องค์-พิโรธ!” มู่ชิงเกอเผยอริมฝีปากแดงท่องออกมาทีละคำ
ขณะที่นางเผยอปาก มู่เทียนอินก็รู้สึกถึงความหวาดกลัวที่ไม่เคยมีมาก่อนรีบละทิ้งโอกาสโจมตี หันกายหนีไปทันที
มู่ชิงเกอไม่ได้สนใจการหนีอย่างลนลานของเขา เพียงใช้สามนิ้วรองรับบัวสามสีแล้วดีดไปเบาๆ ใส่พลังช่องว่างเล็กน้อยบนตัวมัน
ดอกบัวสามสีหายไปจากมือมู่ชิงเกอทันที เมื่อมันปรากฎขึ้นอีกครั้งก็ขวางอยู่ตรงหน้ามู่เทียนอินแล้ว
เขาสูดลมหายใจเย็นวาบ หยุดลงโดยไม่ต้องใช้ไตร่ตรองใดๆ
ในเวลานี้เอง มู่ชิงเกอก็พูดเบาๆ ว่า “ระเบิด!”
บึ้ม!
ทั้งแสงสายฟ้า แสงเปลวเพลิงถล่มทั่วทั้งเก้าชั้นฟ้า
ในพริบตานั้น ราวกับเก้าชั้นฟ้าทั้งหมดล้วนตกอยู่ท่ามกลางฟ้าผ่าไฟลุกท่วม ก้อนหินลอยนับไม่ถ้วนถูกทำลาย เพิ่มจำนวนมากขึ้นไปอีก
ในกระจก เห็นเพียงแสงสายฟ้ากับเปลวเพลิง มองไม่เห็นมู่เทียนอินและมองไม่เห็นมู่ชิงเกอ
ผู้เฝ้ามองกับราชครูมีสีหน้าตกตะลึง มองกระจกนิ่งๆ หมดแรงออกความเห็นใดๆ
แกรก!
บนเก้าชั้นฟ้า ก้อนหินลอยที่ใหญ่ที่สุดปรากฎรอยแยกลึกทำให้ก้อนหินลอยขาดออกเป็นสองส่วน
ขณะเกิดเสียงดังสนั่นนี้ก็ทำให้ผู้เฝ้ามองกับราชครูต่างแหงนหน้ามอง
พวกเขาเห็นด้วยตาตัวเองว่า ก้อนหินลอยใหญ่โตมโหฬารนั่นขาดลงกลางอากาศแล้วแยกออกจากกัน ไกลไปทุกที แต่ไม่สามารถออกไปจากน่านฟ้าของเก้าชั้นฟ้าได้
แสงสายฟ้าแสงเปลวเพลิงค่อยๆ ลดลง มู่ชิงเกอถือทวนหลิงหลง เดินทีละก้าวไปยังคนที่มีบาดแผลเต็มตัวนอนอยู่บนพื้นนางควบคุมพลังได้ดีมากจึงไม่ทำให้มู่ เทียนอินตายไปเช่นนี้
แต่ว่า…
มู่ชิงเกอหยุดลงมองไปที่พื้นข้างหน้าตัวเอง ที่ขวางอยู่นั้นคือแขนข้างหนึ่ง บนนั้นมีแต่เกล็ดละเอียดสีเขียว
“อ๊าก” ไม่ไกลนัก มู่เทียนอินร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด มือซ้ายกุมไหล่ขวาที่ขาดออกไป เลือดแดงฉานไปทั้งร่าง
เขาไม่มีความสามารถแข็งแกร่งมากพอที่จะฟื้นฟูตัวเองเช่นมู่ชิงเกอ
มู่ชิงเกอยิ้มอย่างยั่วยวน นางพูดเรียบๆ ว่า “ข้า อกแล้วว่าจะฟันแขนขวาเจ้าให้ขาดอีกครั้งหนึ่ง”
คำพูดของนางทำให้หใบหน้าที่เจ็บปวดจนดูสยดสยองของมู่เทียนอินเปลี่ยนเป็นน่ากลัวอย่างยิ่ง
ดวงตาที่เต็มไปด้วยความแค้นและริษยาจับจ้องมู่ชิงเกอ ราวกับอยากกระโจนเข้ามาฉีกเนื้อบนตัวเขาออกมาเป็นชิ้นๆ
แต่มู่ชิงเกอก็ไม่ได้ใส่ใจกับความแค้นในสายตาเขา
นางแสดงท่าทีเยาะเย้ย ยกทวนหลิงหลงในมือ แทงเข้าไปในแขนกิเลนนั่น ภาพนี้มู่เทียนอินรู้สึกคุ้นตานัก
ครั้งนั้น แขนขวาตัวเองก็ถูกมู่ชิงเกอใช้ทวนนี้ทำลายสิ้น
เปลวไฟสายหนึ่งถูกยิงออกมาจากทวนหลิงหลง ไปยังแขนกิเลนและลุกไหม้อย่างรวดเร็ว ภาพนี้ยิ่งกระตุ้นมู่เทียนอิน เขาดิ้นรนจะคลานขึ้นมา แต่ก็ไร้ประโยชน์ทำได้เพียงร้องตะโกนว่า “อ๊าก! ข้าจะฆ่าเจ้า! จะฆ่าเจ้า!”
มู่ชิงเกอยิ้มเยาะมองเขา ชื่นชมกับท่าทางที่ทั้งเจ็บปวดทั้งจนปัญญาของเขา
ความสิ้นหวังของเขาเวลานี้ทำให้นางสบายอารมณ์ยิ่งนัก
‘หยวนหยวน เจ้าเห็นแล้วใช่ไหม’ มู่ชิงเกอพูดในใจ
ใครจะรู้ว่าสมองของนางจะผุดเสียงที่นางคุ้นเคย จนไม่มีวันลืมขึ้น ‘ว้าว เป็นเนื้อที่หอมจริงๆ ลูกพี่ท่านแม่ หยวนหยวนหิวแล้ว’
เวลานี้นอกเก้าชั้นฟ้า มนุษย์เทพหลายพันคนกำลังเคลื่อนมายังเก้าชั้นฟ้าอย่างรวดเร็ว
พวกเขาใช้ความเร็วสูงมากราวกับดาวตกที่วาดผ่าน
เมื่อเห็นคนที่เข้าใกล้มาเรื่อยๆ ราชครูก็ถลึงตาโต มองผู้เฝ้ามองข้างกายที่กลับคืนสู่ความเงียบสงบแล้วแผดเสียงถามว่า “ท่านทำอะไรไป!”