Skip to content

พลิกปฐพี 676

ตอนที่ 676

พวกเจ้ากล้าแย่งชิงหรือ

มู่ชิงเกอเลิกคิ้ว มองเขาแล้วพูดว่า “เจ้าสงสัยอะไร จะต้องมีอะไรมารับรองอีก”

แววตาคนคนนั้นเครียดลง ชี้ไปยังศพมู่เทียนอิน แล้วถามมู่ชิงเกอว่า “แล้วเขาเป็นใคร เหตุใดเจ้าจึงฆ่าเขา”

ไม่ทันรอมู่ชิงเกอเอ่ยตอบเขาก็พูดต่อว่า “อย่าได้ปฏิเสธ การต่อสู้เมื่อครู่นี้พวกเราเห็นกันหมดแล้ว”

มู่ชิงเกอมองพวกเขา เพิ่งจะรู้ว่าที่แท้พวกเขามากันก่อนแล้ว เพียงแต่อยู่ไกลออกไปไม่ได้เข้ามา จนกระทั่งการต่อสู้จบสิ้นลงพวกเขาจึงเข้ามากัน

นางมัวแต่ดื่มด่ำอยู่กับการแก้แค้นมู่เทียนอินจึงไม่ได้สังเกตว่ามีคนเข้ามาใกล้ทั้งยังมากมายขนาดนั้น นี่ถือเป็นความสะเพร่าของนางเอง

“ไม่ใช่ว่าเขาต่างหากจึงจะเป็นราชาเทวะน้อยดินแดนฮ่วนเยวี่ยตัวจริงหรือ” คนที่สงสัยมู่ชิงเกอถามอีก

มู่ชิงเกอมองศพมู่เทียนอินตามคำพูดเขา ทวนหลิงหลงยังคงปักอยู่ที่หว่างคิ้วเขา ผิวหน้าเขาหลุดลอกออกจนเละเทะ สามารถเห็นหูตาปากจมูกได้เพียงลางๆ

ใบหน้าถูกทำลายก็ชวนให้คนสงสัยจริงๆ นั่นละนะ

มองแวบหนึ่งแล้วมู่ชิงเกอก็ละลายตากลับมาเงียบๆ พูด ว่า “เขาคิดจะฆ่าข้าข้าจึงฆ่าเขา ส่วนข้าใช่ราชาเทวะน้อยดินแดนฮ่วนเยวี่ยตัวจริงหรือไม่ พวกเจ้าจะตามข้าไปดินแดนฮ่วนเยวี่ยสักเที่ยวไหมเล่า ข้าว่าคงต้องให้ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยรับรองเองพวกเจ้าจึงจะเชื่อใช่ไหม”

นางพูดรวดเดียวหมดทั้งเรื่องมู่เทียนอินและฐานะของนางพร้อมกันเลย

การยกราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยขึ้นมานั้นก็เพื่อให้คนเหล่านี้หวั่นเกรง

จริงดังนั้น พอนางพูดจบคนที่พูดฉอดๆ ใส่นางก็หน้าถอดสี เม้มปากไม่พูด คนอื่นๆ ต่างเงียบสงบลง ทำได้แค่มองหน้ากันไปมา

พวกเขาสงสัยนางได้ แต่ไม่กล้าสงสัยราชาเทวะ

เนื่องจาก ราชาเทวะอยู่ในแผ่นดินเทพทั้งสี่สมุทรนั้นคือ เทพแห่งเทพที่อยู่เหนือชั้นที่สุด

“แล้วเหตุใดเขาถึงคิดฆ่าเจ้า” อีกสักครู่ คนคนนั้นก็เปิดปากอีก ราวกับว่าหากไม่ถามให้รู้เรื่องจนถึงที่สุด เขาก็จะไม่ยอมเลิกรา

มู่ชิงเกอดูออกว่า ความสงสัยในแววตาเขายังไม่ลดลง เพียงแต่เวลานี้มีความหวั่นเกรงจึงไม่กล้าลงมือ

“ข้าจะรู้ได้อย่างไร” มู่ชิงเกอตอบอย่างเยือกเย็น “ข้ามาที่นี่ เนื่องจากได้ยืนเรื่องเก้าชั้นฟ้าจึงมาดู ถือโอกาสฝึกซ้อมหาประสบการณ์ใครจะรู้ว่าพอขึ้นมาก็เจอคนบ้าผู้นี้ เขาไม่พูดไม่จาก็เข้ามาโจมตีข้า เขาจะฆ่าข้าแล้วจะให้ข้ายืนรอให้เขาฆ่าหรือ”

คำอธิบายของมู่ชิงเกอทำให้คนหาข้อพิรุธไม่ได้

นางรู้ว่า คำอธิบายยิ่งง่ายก็ยิ่งไม่มีพิรุธ บางครั้งการอธิบายมากเกินไปก็ยิ่งมีข้อพิรุธมาก

คำตอบของมู่ชิงเกอทำให้คนถามอึ้งไป

แต่พวกเขาก็ยังไม่ยอมถอยไป

มู่ชิงเกอเลิกคิ้วถามว่า “ตอนนี้ ถึงตาข้าถามคำถามพวกเจ้าบ้าง”

คนที่สงสัยตัวตนมู่ชิงเกออย่างเต็มที่หรี่ตาสองข้างลง พูดอย่างระมัดระวังว่า “เชิญท่านถามได้”

เขาไม่เรียกมู่ชิงเกอว่าราชาเทวะน้อย แสดงว่าเขายังมีข้อสงสัยตัวตนของมู่ชิงเกอ

แต่ที่เรียกว่าท่านก็แสดงว่าเขาเริ่มมีความหวั่นเกรงต่อเขาแล้ว

“แม้ว่าเก้าชั้นฟ้านี้จะเป็นสถานที่ฝึกซ้อม แต่พวกเจ้าจำนวนมากเช่นนี้ ยกขบวนกันมาแบบอึกทึกครึกโครมดูน่าแปลกมาก เหตุใดพวกเจ้าจึงมาที่นี่ มีจุดประสงค์ อะไร แล้วเหตุใดพอปรากฎตัวก็สงสัยข้าเช่นนี้ทั้งยังมีทีท่าเป็นศัตรูอีก” มู่ชิงเกอถาม

ขณะที่นางพูด แววตาใสกระจ่างนั้นไม่มีส่วนใดที่แสร้งทำเลย ดูแล้วราวกับกำลังถามคำถามด้วยความจริงใจ ส่วนนางนั้นบริสุทธิ์ผุดผ่องอยากรู้ถึงสาเหตุจริงๆ

ลักษณะนางนั้นไม่เหมือนแสร้งทำแม้แต่น้อย

หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง คนคนนั้นจึงจับจ้องท่าทางมู่ชิงเกอ แล้วค่อยๆ ตอบคำถามเขา “พวกเรามาที่นี่ เนื่องจากพวกเราสี่ดินแดนเทพได้รับข่าวหนึ่งพร้อมกัน ข่าวนั้นบอกว่าตระกูลมู่เหลือเดนที่ทุกคนในแผ่นดินเทพทั้งสี่สมุทรที่พบแล้วสามารถจัดการได้เลยนั้น วันนี้จะมาปรากฎตัวที่นี่ อีกทั้งคนที่จะมาปรากฎตัวยังเป็นว่าที่เป็นนายน้อยตระกูลมู่ ดังนั้น พวกเราจึงได้รับคำสั่งมา เพื่อจะสืบหาให้ชัดเจนว่าข่าวนี้เป็นจริงหรือเท็จ หากเป็นเท็จก็จะจัดการคนสร้างข่าวเท็จเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง หากเป็นจริงพวกเราก็จะจับตัวนายน้อยตระกูลมู่คนนี้ กลับไป”

เขาพูดถึงตรงนี้แล้วก็หยุดเล็กน้อยพลางพิจารณาดูอาการมู่ชิงเกอ แต่ไม่พบความผิดปกติใดๆแม้แต่นิด

ราวกับว่า เขากำลังตั้งใจฟังตนเองพูดอย่างจริงจังเท่านั้น

เมื่อดูอะไรไม่ออก เขาจึงพูดต่อว่า “ขณะที่พวกเรามา เก้าชั้นฟ้ามีเพียงพวกท่านสองคนกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด เวลานี้ตายไปแล้วคนหนึ่ง ฐานะท่านก็ไม่แน่ชัด พวกเราจะสงสัยท่านก็ไม่แปลก”

“ข้าแสดงป้ายประจำตัวของข้าแล้ว” มู่ชิงเกอกล่าวเตือน

คนคนนั้นกลับแค่นหัวเราะ “แล้วพวกเราจะรู้ได้อย่างไร ว่าท่านฆ่าคนคนนั้นแล้วแอบอ้างชื่อหรือไม่”

เขากวาดสายตามองศพมู่เทียนอินราวกับเยาะเย้ย ศพที่หน้าตาเละเทะเช่นนี้หากไม่ใช่เพราะต้องการปกปิดฐานะของเขาแล้ว เหตุใดจึงต้องทำเช่นนี้ด้วย

มู่ชิงเกอพูดไม่ออก หน้าตามู่เทียนอินเละเทะเพียงนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับนาง แม้แต่นิด

‘ช่างเป็นเจ้ากรรมนายเวรที่ชะตาลิขิตมาจริงๆ ตายแล้วยังหาเรื่องมาให้ข้าได้อีก’ มู่ชิงเกอบ่นอยู่ในใจ

แต่นางก็ยังอธิบายอย่างหน้าตาเฉยต่อคนหลายพันคนว่า “ข้าไม่สนใจว่าพวกเจ้าจะเชื่อหรือไม่เชื่อ ที่หน้าตาเขาเป็นเช่นนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับข้าเลย คล้ายกับเป็นการใช้วิชาลับบางอย่างเพื่อจะเพิ่มพลังให้ตัวเอง พวกเจ้า ต้องการหาตระกูลมู่เหลือเดนนั่นเป็นเรื่องของพวกเจ้าไม่เกี่ยวกับข้า ในเมื่อไม่มีหลักฐานอะไรว่าข้าเป็นตระกูลมู่เหลือเดน ข้าก็ต้องขอตัวลาก่อน”

นางไม่อยากวุ่นวายอยู่กับคนพวกนี้ต่อไป ต้องรีบจากไป จึงจะดีที่สุด

แต่ พอนางจะไป คนอื่นกลับไม่ยอมให้นางไป

ยังไม่ทันได้ขยับตัว คนตรงหน้าก็พูดเสียงเย็นเฉียบว่า “ช้าก่อน”

มู่ชิงเกอมองเขา ถามด้วยท่าทีหยอกเย้าว่า “ยังต้องการอะไรอีกหรือ”

คนคนนั้นพูดด้วยสายตาราบเรียบว่า “ในเมื่อบนเก้าชั้นฟ้ามีเพียงท่านสองคน หากข่าวนั้นเป็นจริง แล้วท่านไม่ใช่ตระกูลมู่เหลือเดน เช่นนี้คนที่ถูกท่านฆ่าตายก็ต้องเป็นนายน้อยตระกูลมู่คนนั้นแล้ว”

มู่ชิงเกอเลิกคิ้ว ไม่ได้รับคำ นางฟังออกว่าความหมายของคำพูดนี้ไม่ได้มีเพียงเท่านี้ คนคนนั้นเดินเข้าหามู่ชิงเกอสองก้าว นัยน์ตาจ้องมาที่นาง ทันใดนั้น เขาก็ประสานมือค้อมตัวทำความเคารพมู่ชิงเกอ

แววตามู่ชิงเกอเปล่งประกาย ไม่แสดงอาการ

คนคนนั้นทำความเคารพแล้วถามว่า “ขอถามราชาเทวะน้อย ขณะที่ต่อสู้กับคนคนนี้ได้พบของสำคัญอะไรบ้างหรือไม่”

สองตามู่ชิงเกอหรี่ลงพลางจ้องตาเขา สายตาทั้งคู่สบกันกลางอากาศอย่างดุเดือด ไม่มีใครยอมใคร นางก็ยิ้มอย่างขี้เล่นพลางถามว่า “ของสำคัญที่เจ้าว่าคืออะไร

หรือ”

“ไม่ว่าเป็นอะไร เพียงเป็นของบนตัวคนคนนี้ก็ขอให้ราชาเทวะน้อยเอาออกมา ที่นี่เป็นแผ่นดินเทพตะวันตก ไม่ใช่แผ่นดินเทพตะวันออกของพวกท่าน” คนคนนั้นพูดเสียงดัง

มู่ชิงเกอแค่นยิ้มที่มุมปาก เกิดแสงเย็นวาบที่สองตา “เจ้าข่มขู่ข้าหรือ”

คนคนนั้นกลับพูดว่า “ได้ยินมาว่า ราชาเทวะน้อยดินแดนฮ่วนเยวี่ยก็แซ่มู่ ไม่แน่ว่าอาจเป็นตระกูลมู่เหลือเดนที่หลบเข้ามาเป็นไส้ศึกในดินแดนเทพของเราก็ได้ หากราชาเทวะน้อยไม่ร่วมมือ ก็อย่าได้หาว่าพวกเราเสียมารยาท”

รอยยิ้มที่มุมปากมู่ชิงเกอกว้างขึ้น บอกเขาว่า “ต่อให้ของที่เจ้าว่าอยู่ในตัวข้าจริง แล้วพวกเจ้ากล้าแย่งชิงหรือ”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version