ตอนที่ 699
มู่ชิงเกอบ้านเราร้ายกาจมากเลยนะ
“อะไรนะ ราชาเทวะน้อย!”
คำนี้ของมู่ชิงเกอ นอกจากเหยาชิงไห่และซีเซียนเสวี่ยรวมทั้งหยินเฉินที่ไม่ได้มีความรู้สึกร่วมอะไรมากแล้วนั้น ที่เหลืออีกสี่คนต่างก็ตกตะลึงจนสีหน้า เปลี่ยนแปลงไป แม้แต่ซวนเฉียงซึ่งบำเพ็ญวิถีไร้รักเองก็ยังมีแววประหลาดใจในแววตา ถึงแม้จะเป็นเพียงพริบตาเดียว แต่ก็เห็นได้ถึงอารมณ์ที่กระเพื่อมไหว “เหตุใดจึงพูดเช่นนี้” หลีเฉาขมวดคิ้วถาม
หากว่าแผ่นดินเทพตะวันตกส่งราชาเทวะน้อยออกมาทำเรื่องเช่นนี้ก็แสดงว่าดินแดนเทพในแผ่นดินเทพตะวันตกให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เกินกว่าที่พวกเขาคาดคิด
โชคดี โชคดีที่มู่ชิงเกอย้ายจุดสนใจไปอยู่ที่ร่างของราชาเทวะจื่อกวง ไม่เช่นนั้นอาศัยเพียงกำลังพวกเขาจะสามารถเดินออกจากแผ่นดินเทพตะวันตกได้หรือไม่นั้น ก็ยังน่าสงสัยอยู่
“ท่าทางคนคนนั้นหยิ่งยโส ขั้นบำเพ็ญอยู่ที่ขั้นถํ้าวิญญาณขั้นแปด อีกทั้งดูจากแววตาที่คนอื่นมองเขานั้น ก็ดูเคารพนบนอบอย่างยิ่ง พวกเขาห่อหุ้มทั้งตัวมิดชิด แม้แต่ใบหน้าก็ยังไม่ให้เห็นแสดงว่าพวกเขาไม่ใช่นักฆ่ามืออาชีพ แต่เป็นคนมีหน้ามีตา ทั้งเป็นคนที่พวกเรามีโอกาสพบเจอได้ คนที่มีเงื่อนไขตรงทุกข้อนี้ นอก จากราชาเทวะน้อยของดินแดนเทพแล้วข้าก็นึกคำตอบอื่นไม่ออก” มู่ชิงเกออธิบายเป็นข้อๆ อย่างชัดเจน
ได้ยินคำพูดนางแล้ว พวกหลีเฉาต่างหันมาพยักหน้าเห็นด้วย
รายละเอียดเหล่านี้ พวกเขาไม่เคยสังเกตมาก่อน ไม่นึกว่า ขณะที่มู่ชิงเกอปะทะคารมกับอีกฝ่ายนั้นกลับมองทะลุถึงฐานะของอีกฝ่ายแล้ว
“อีกทั้งพวกเขาจะไม่สังหารพวกเราจริงๆ หรอก” มู่ชิงเกอพูดเสริมอีก
“เพราะเหตุใดหรือ” ซวนเฉียงมองไปทางมู่ชิงเกอ
มู่ชิงเกอแค่นยิ้มหันเดินไปข้างหน้า เดินไปพูดไปว่า “หากจะสังหารพวกเราแล้วจะปิดหน้าทำไมให้ลำบากเล่า”
ซวนเฉียงชะงัก เข้าใจความหมายมู่ชิงเกอทันที
นางพยักหน้าในใจ ใช่แล้ว หากตั้งใจสังหาร ต่อหน้าคนใกล้ตาย คนที่จะลงมือจะปิดบังฐานะตัวเองด้วยเหตุใดกัน ที่พวกเขาซ่อนเร้น ไม่ใช่เพราะเกรงว่าเมื่อเจอกันครั้งหน้าแล้วจะโดนจับได้หรือ
ขณะที่ซวนเฉียงครุ่นคิด เซียนสุ่ยก็เดินไปข้างนางและกระซิบว่า “ไม่เพียงเท่านั้น พอคนคนนั้นเริ่มพูดก็บอกแล้วว่าเป้าหมายอยู่ที่ของ ไม่ได้ต้องการฆ่าคน”
พูดจบ เขาเดินไปทางมู่ชิงเกอ มุมปากที่อมยิ้มนั้นทำให้พอเห็นลักยิ้มได้รางๆ
พอมู่ชิงเกอขยับตัว ทุกคนก็เดินตามนางไปข้างหน้า
หลีเฉาพูดอย่างตกตะลึง “น่าเสียดาย ก็ยังไม่รู้ว่าเป็นราชาเทวะน้อยของดินแดนเทพไหนอยู่ดี ไม่เช่นนั้นพวกเราจะรู้ได้ว่ามีใครคิดจะลงมือกับพวกเรา”
มู่ชิงเกอพูดเรียบๆ “ไม่ต้องห่วง ข้าจดจำทั้งรูปร่าง นํ้าเสียงของเขารวมทั้งกิริยาท่าทางและอุปนิสัยของเขาไว้แล้ว เจอกันครั้งหน้าข้าจะรู้ได้ทันที”
“เขาพยายามพรางตัวเต็มที่ ซ่อนเร้นตัวตนอย่างตั้งใจ เจ้ายังสามารถสังเกตเห็นทั้งหมดนี้ได้จากการลับฝีปากกับเขาหรือ” หลีเฉาพูดอย่างตกใจ
มู่ชิงเกอยิ้มไม่พูด
ซีเซียนเสวี่ยกลับยิ้มบอกว่า “ศิษย์พี่หลีเฉา นี่ยังไม่นับว่าเท่าไรนัก ชิงเกอบ้านเราร้ายกาจมากเลยนะ”
ท่าทีร่าเริงของนางนั้นไม่มีความสูงส่งครั้งเป็นคนสูงศักดิ์ขณะอยู่ในโลกแห่งยุคกลาง ทำให้ดูมีชีวิตชีวาขึ้นอีกมากมายนัก
เมื่อได้ยินคำพูดนาง หลีเฉาก็ร่วมผสมโรงด้วย “จริงด้วย ชิงเกอบ้านเจ้า ราชาเทวะน้อยดินแดนฮ่วนเยวี่ยบ้านเรานั้นร้ายกาจมากจริงๆ”
ทั้งคู่มีส่งมีรับทำเอามู่ชิงเกอที่ถูกหนีบอยู่ตรงกลางส่ายหน้าหัวเราะ
จวงซานถามอยู่ด้านหลังว่า “เช่นนั้นอย่างนี้พวกเราก็เดินทางได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครมาถามหาของกับพวกเราอีกใช่ไหม”
เซียนสุ่ยผงกศีรษะว่า “แม้เป็นเช่นนั้น แต่ถ้าวันใดที่ยังไม่ถึงดินแดนฮ่วนเยวี่ย พวกเราก็ยังคงต้องระมัดระวังกันอยู่ดี”
มู่ชิงเกอหยุดเดินกะทันหัน แหงนหน้าดูฟ้า คิดแล้วพูดว่า “พวกเราน่าจะต้องช่วยกันเติมไฟเติมฟืนเสียหน่อย”
แววตาหลีเฉาเปลี่ยนไปนิดหนึ่ง เกิดประกายขึ้นแล้วบอกว่า “เจ้าหมายความว่าให้ปล่อยข่าวเรื่องที่ราชาเทวะจื่อกวงได้ของแล้วให้แพร่ออกไปงั้นหรือ”
มู่ชิงเกอผงกศีรษะ “ถูกต้อง ยิ่งเป็นเรื่องที่พวกเขาไม่อยากให้คนรู้ พวกเราก็ยิ่งต้องทำให้คนรู้กันทั่ว”
กล้ามาบีบบังคับนางหรือ
หึ ก็ให้ราชาเทวะจื่อกวงได้ลิ้มรสการถูกบีบบังคับบ้างแล้วกัน
มู่ชิงเกอเลิกคิ้วคิดในใจอย่างอิ่มเอมว่า ‘การใส่ร้ายป้ายสีครั้งนี้ทำได้สุดยอดเสียจริง’
ตั้งแต่ก้าวแรกที่นางเหยียบเก้าชั้นฟ้าจนถึงบัดนี้ เรื่องนี้จึงจะนับได้ว่าคลี่คลายลงได้อย่างสวยงาม
อย่างน้อยที่สุด การสังหารหมู่ลูกศิษย์ดินแดนเทพที่ทำให้เกิดเภทภัยติดตามมานั้นก็จะไม่เกี่ยวโยงถึงตัวนางอีก
นางสามารถชี้แจงได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าราชาเทวะจื่อกวงจะชี้แจงได้เหมือนกัน
‘แต่ว่า…ราชาเทวะจื่อกวงจะต้องเปิดกระเป๋าจัดเก็บแล้วแน่นอน และเมื่อพบว่าในนั้นไม่มีเคล็ดวิชาเทวะก็คงจะทำลายกระเป๋าจัดเก็บกับข้าวของต่างๆ ในนั้นจน สิ้นซากด้วยความโมโห’ มุมปากมู่ชิงเกอผุดรอยยิ้มปลอดโปร่งโล่งสบาย
เมื่อไม่มีของแล้ว เขาก็จะยิ่งหาคำอธิบายได้ยากขึ้นไปอีก
คิดถึงตรงนี้แล้ว มู่ชิงเกอก็ยิ่งยินดีเป็นพิเศษ ราชาเทวะจื่อกวงนึกว่าตัวเองได้กำไรครั้งใหญ่ แต่นึกไม่ถึงว่านี่จะเป็นจุดเริ่มต้นของความเดือดร้อนเท่านั้น
ถึงแม้นางจะไม่ได้อยู่ในดินแดนเทพตะวันตกอีก แต่นางก็ยังสามารถนึกภาพได้ว่า กลุ่มอิทธิพลที่ละโมบโลภมากนั้นจะต้องใช้สายตาละโมบจับจ้องราชาเทวะจื่อกวงอยู่แน่นอน
เพียงแค่คิด นางก็รู้สึกถึงความโปร่งโล่งของร่างกาย ช่างน่ายินดีจริงๆ
เมฆหมอกของแผ่นดินเทพตะวันตกกำลังถูกก่อกวน ดินแดนจื่อกวงกลายเป็นจุดสนใจของคนมากมาย
เวลานี้ พวกมู่ชิงเกอมาถึงชายแดนแผ่นดินเทพตะวันตก กำลังจะเข้าสู่มหาสมุทรดวงดาวกลับถึงแผ่นดินเทพตะวันออกในอีกไม่ช้า
เมื่อนึกว่าสามารถกลับไปยังแผ่นดินเทพตะวันออกได้โดยสวัสดิภาพ หลีเฉาก็สบายใจ
“พวกเราพักผ่อนที่นี่วันนี้ พรุ่งนี้ก็จะเข้าสู่มหาสมุทรดวงดาวแล้ว” หลีเฉาเสนอ
มู่ชิงเกอผงกศีรษะ มองดูซ้ายขวาแล้วขมวดคิ้วว่า “เพียงแต่ ที่นี่ดูรกร้างไปหน่อย.. .ข้างหน้าไม่มีเมืองหรือ จะได้ให้ทุกคนได้พักสบายๆ กันสักคืน”
ถึงแม้ว่า การเดินทางต่อมาจะไม่มีการดักซุ่มอีก แต่การที่พวกเขาไม่ประมาทนั้นก็ย่อมทำให้ลำบากพอสมควร
หลีเฉาสั่นศีรษะ “เมืองที่ใกล้สุดก็คือทางเข้าของมหาสมุทรดวงดาว เมื่อไปถึงที่นั่นแล้วไม่ลสู้ออกไปยังมหาสมุทรดวงดาวเลยจะดีกว่า คืนนี้ก็ยอมทนกันหน่อยแล้วกัน พรุ่งนี้ขึ้นเรืออากาศแล้วพวกเราค่อยพักผ่อนดีๆ กัน”
“ก็ได้” มู่ชิงเกอว่า
ดังนั้น ทั้งแปดคนจึงพักผ่อนอยู่บนที่รกร้างไร้ซึ่งบ้านเมือง พวกเขาล้วนเป็นคนบำเพ็ญ การเดินทางข้างนอก จึงไม่ได้พิถีพิกันอะไรมากนัก
ที่ว่าพักผ่อนก็คือแค่ต่างคนต่างนั่งสมาธิ ปรับลมปราณเท่านั้น
“ชิงเกอ” เมื่อทุกคนเข้าสมาธิแล้ว เหยาชิงไห่กับซีเซียนเสวี่ยก็เดินมาที่ข้างกายมู่ชิงเกอ
มู่ชิงเกอมองทั้งสองคน รู้ว่าพวกเขามีเรื่องจะพูดจึงลุกขึ้น เดินไปอีกมุมหนึ่ง
“ชิงเกอ นายน้อยตระกูลมู่นั้นคือเรื่องอะไรกันแน่” เหยาชิงไห่ถาม หากไม่รู้เรื่องจริง พวกเขาอาจทำให้มู่ชิงเกอถูกเปิดโปงได้
มู่ชิงเกอบอกทั้งสองว่า “เรื่องนี้…”
เพียงแต่ นางไม่ทันพูดจบก็มีแสงวาบผ่านนัยน์ตานาง รังสีพิฆาตพุ่งเข้ามาตรงหน้า…