ตอนที่ 749
ราชาเฟิ่งชราที่รักบุตรสาวสุดแสน
“ลูกรัก ในที่สุดเจ้าก็กลับมาแล้ว! ในที่สุดพ่อก็ได้พบเจ้าจนได้!”
พอเสียงนี้ดังขึ้น ผู้ที่ตื่นตกใจไม่ได้มีเพียงแค่ชูเนี่ยนเท่านั้น แต่ยังมีพวกทหารนกหลวนด้วย
ส่วนมู่ชิงเกอกับหยินเฉินทำเพียงสบตากันนิ่งๆ แต่ในส่วนลึกของนัยน์ตายังปรากฎความแปลกประหลาดใจ
พอมาถึงก็หาบิดาเจอเลยหรือ
อดสะท้อนใจไม่ได้กับการรับรู้ที่ยิ่งใหญ่ของสายเลือดเผ่าอสูร
“พ่อ? พ่ออะไร? พ่อข้าคือราชาเทวะดินแดนอู๋หวา” ชูเนี่ยนพึมพำไปคำหนึ่งแล้วรีบถอยหลังไปยืนอยู่ข้างๆ มู่ชิงเกอและมองเขาด้วยแววตาตื่นกลัว
เวลานี้เองหยินเฉินก็ถ่ายทอดเสียงให้มู่ชิงเกอ ‘ดูสิว่านางพึ่งพาเจ้าเพียงไหน ขณะอยู่ที่ดินแดนอู๋หวานางยังไม่ได้เป็นถึงขั้นนี้เลย’
มุมปากมู่ชิงเกอกระตุกพลางตอบกลับไปว่า ‘ใครเจอเรื่องแบบนี้ก็คงต้องตื่นตกใจทั้งนั้นแหละ’
หยินเฉินนิ่ง เนื่องจากเขาจำต้องยอมรับคำพูดของมู่ชิงเกอ
ชูเนี่ยนเชื่อว่าตัวเองเป็นมนุษย์!ตลอดมา เป็นเผ่ามนุษย์เทพ เป็นบุตรสาวราชาเทวะอู๋หวามาห้าพันกว่าปี จะยอมรับความจริงได้ทันทีอย่างไรว่าเป็นเผ่าอสูร
“เป็นผู้ใดมาพูดจาเหลวไหล!” ชูเนี่ยนพูดเสียงดัง นํ้าเสียงทั้งหัวเสียทั้งร้อนรน
นางไม่รู้ฐานะของคนพูด แต่ทหารนกหลวนรู้ เพียงแค่คำพูดที่มาจากท้องฟ้านี้ทำให้พวกเขาไม่กล้าทำอะไรชูเนี่ยนอีก
เวลานี้เองก็มีเสียงนกส่งร้องเสียงดังลั่น
เหล่าทหารนกหลวนพากันคุกเข่าข้างเดียวลงบนพื้น ทวนยาววางอยู่ที่พื้น ก้มศีรษะด้วยความเคารพ “คารวะราชาเฟิ่ง”
“ราชาเฟิ่ง” ชูเนี่ยนพึมพำ สองตาเบิกโตนัยน์ตามีแต่ความประหวั่นพรั่นพรึง
เป็นถึงราชาเฟิ่งเชียวหรือ
เป็นถึงราชาเฟิ่งของเผ่าเฟิ่งหวง
มู่ชิงเกอมองใบหน้าด้านข้างของชูเนี่ยน คิดอยู่ในใจ ‘ท่าทางไม่ว่าจะเป็นเผ่ามนุษย์เทพหรือเผ่าอสูร ชะตาชีวิตของชูเนี่ยนก็ยังคงเป็นองค์หญิงทั้งนั้น’
พอสิ้นเสียงคารวะของเหล่าทหารนกหลวน แสงรัศมีเจ็ดสีก็ตกลงมาจากท้องฟ้าอยู่ระหว่างเหล่าทหารนกหลวนกับพวกชูเนี่ยนทั้งสามคน แปลงออกมา
เป็นร่างมนุษย์
คนคนนี้รูปร่างสูงใหญ่โดดเด่นสง่างาม ร่างกายดูสมส่วนมาก
พอแสงรัศมีจางหายไปก็ค่อยๆ ปรากฎโฉมหน้าของเขาออกมา
ใบหน้าเขาคมสันมีเหลี่ยมมุมชัดเจน ไม่สามารถใช้คำว่าสวยงามมาเปรียบเปรยควรใช้คำว่า หล่อเหลาบึกบึน ปลายจมูกเขามีส่วนโค้งงอนิดๆ ราวกับปากนก ริมฝีปากบางนั้นกลับมีสีสันสวยงาม
เขาสวมชุดเสื้อคลุมราชาเจ็ดสีราวกับทำจากขนนกหรือไม่ก็แปลงจากขนของตัวเอง มีแสงรัศมีกระจายจางๆ อยู่รอบๆ สวยงามยิ่งนัก
บนศีรษะของเขาสวมมงกุฎราชา แสดงออกถึงฐานะที่แตกต่างจากคนอื่น
พอราชาเฟิ่งปรากฎตัวขึ้นก็ไม่ได้สนใจคนอื่นอีก แต่มองตรงแน่วไปที่ชูเนี่ยน ความรู้สึกที่เปี่ยมล้นไปด้วยความรัก ความคิดถึงต่างๆ ล้วนทะลักออกมาจากสายตา
“ลูกรัก” ราชาเฟิ่งเปิดปากยื่นมือไปคิดจะลูบผมชูเนี่ยน แต่ทั้งคู่ยังอยู่ห่างกัน แม้ราชาเฟิ่งจะยื่นมือเต็มที่ก็ยังไปไม่ถึงตัวชูเนี่ยน ใบหน้าชูเนี่ยนแข็งตึง เม้มริมฝีปากแน่นมองดูราชาเฟิ่ง ขณะที่เขาเอ่ยปากอีกครั้ง นางก็จำได้ว่าเสียงนี้เป็นเสียง
ที่คอยทำให้นางลุ่มหลง ชักจูงนางมายังป่าอสูรแห่งนี้
ทันใดนั้นความรู้สึกถูกหลอกลวงก็ผุดขึ้นมาจากภายในจิตใจ
“ในเมื่อท่านเป็นถึงราชาเฟิ่ง แล้วเหตุใดต้องทำให้ข้าลุ่มหลง ทำให้ข้าออกจากดินแดนอู๋หวามาถึงที่นี่” ชูเนี่ยนเค้นถาม
“ดินแดนอู๋หวา เจ้าอยู่ในดินแดนอู๋หวา” ราชาเฟิ่งร้องเสียงหลง “ข้าหาเจ้าในป่าอสูรมานานปี ทั้งยังส่งคนออกสืบหาข่าวคราวในแผ่นดินเทพมารตลอดเวลา ไม่ นึกว่าเจ้าจะอยู่ในดินแดนอู๋หวา ครั้งนั้นหัวขโมยที่ขโมยแม่เจ้ากับเจ้าไปใช้แผนสุดลึกลํ้าหลอกลวงทั่วหล้า ซุกซ่อนกลิ่นอายของพวกเจ้าจนมิดชิดทำให้ข้าไม่อาจรับรู้ถึงได้ หากไม่เพราะนิพพานแรกของเจ้าใกล้จะถึงแล้ว ข้าก็คงยังไม่อาจจะรับรู้ถึงเจ้าได้เลย”
คำพูดของราชาเฟิ่งทำให้ชูเนี่ยนฟังจนมึนงงไปหมด ยอมรับไม่ได้เลยแม้แต่น้อย ไม่สนใจคิดอะไรไปมากกว่านี้
แต่หลังจากมู่ชิงเกอฟังจบก็กลับมีข้อมูลเพิ่มเติมอยู่ในสมอง ‘ดูเหมือนครั้งนั้น ราชาเทวะอู๋หวาอาจจะผ่านอาณาเขตเฟิ่งหวงมาโดยไม่ตั้งใจ ขณะที่มารดาชูเนี่ย นตื่นขึ้นมาจากนิพพานจึงนำนางไปด้วย เวลานั้นมารดาชูเนี่ยนคงมีชูเนี่ยนอยู่ในครรภ์แล้ว เผ่าเฟิ่งหวงต่างเกิดมาจากไข่ การฟักไข่ใช้เวลาหลายร้อยปีกระทั่งเป็นพันปี จึงทำให้การมีทายาททำได้ยากมาก ราชาเทวะอู๋หวาไม่รู้ว่าใช้วิธีการอย่างไรจึงสามารถซ่อนเร้นกลิ่นอายสายเลือดของชูเนี่ยนกับหญิงที่อยู่ในศาลาอีเยี่ย ทำให้ชูเนี่ยนมีชีวิตความเป็นอยู่ราวกับเป็นเผ่ามนุษย์ ทำให้ราชาเฟิ่งหาจนทั่วก็ยังไม่พบ จนเวลานี้พลังนิพพานที่ติดตัวชูเนี่ยนมาตั้งแต่เกิดใกล้จะตื่นขึ้นแล้วจึงได้ทะลุผ่านวิธีการซ่อนเร้นนั้นทำให้ราชาเฟิ่งรับรู้ถึงนางได้จึงเรียกให้นางกลับมาที่นี่’
ทุกสิ่งทุกอย่างราวกับความจริงที่ถูกเปิดเผยออกมาจนหมด
แต่คำตอบนี้ สำหรับชูเนี่ยนแล้วมันกะทันหันเกินไปจนยอมรับได้ยากมาก
“ท่านพูดพล่ามอะไรกัน ข้าเป็นเผ่ามนุษย์ เป็นบุตรสาวของราชาเทวะอู๋หวา เป็นองค์หญิงดินแดนอู๋หวา” ชูเนี่ยนปฏิเสธเสียงดัง
ใบหน้าราชาเฟิ่งมีแววเจ็บปวด เขาบอกชูเนี่ยนว่า “ลูกรัก เจ้าเป็นองค์หญิงเผ่าเฟิ่งหวงของข้า เป็นลูกเฟิ่งหวง ไม่ใช่บุตรสาวของราชาเทวะอู๋หวาอะไรนั่น เขาเป็นเพียง หัวขโมยที่น่าอับอาย ข้าต่างหากจึงจะเป็นบิดาของเจ้า ยังมีอีก บอกข้ามา มารดาเจ้าอยู่ที่ไหน เหตุใดหลายพันปีมานี้ข้าจึงไม่สามารถรับรู้ถึงกลิ่นอายของนางได้เลย”
“ไม่ เป็นไปไม่ได้” ชูเนี่ยนสั่นศีรษะปฏิเสธไม่หยุดด้วยท่าทีไม่อยากจะเชื่อ นางไม่อยากจะเชื่อเลยว่า บิดาที่รักตัวเองอย่างยิ่งคนนั้นจะเป็นเพียงผู้ที่มาสวมรอย ไม่ยอมเชื่อว่าฐานะตัวเองนั้นเป็นเพียงการโกหกคำโต
“ลูกรัก ข้าไม่ได้หลอกเจ้า แม้เจ้าไม่เชื่อข้า แต่พลังนิพพานภายในตัวเจ้าใกล้จะตื่นแล้วถึงเวลานั้นแล้วเจ้า จะนึกทุกอย่างได้หมด รู้ว่าเจ้าเป็นมนุษย์หรือเป็นเฟิ่ง หวง” ราชาเฟิ่งพูดด้วยความปวดร้าว
“ไม่…ไม่…ไม่ใช่…ทั้งหมดเป็นเรื่องไม่จริง…มันเป็นแผน… เป็นแผนการที่จะเล่นงานดินแดนอู๋หวาของข้า…,” ชูเนี่ยนสั่นศีรษะพลางพึมพำ ถอยกลับไปข้างหลัง
การที่นางสิ้นหวังไม่ยอมเชื่อทำให้ราชาเฟิ่งเจ็บปวดไปทั้งแววตาทั้งจิตใจ
ชูเนี่ยนยืนโซเซ มู่ชิงเกอรีบยื่นมือไปประคองไหล่นางไว้ เมื่อรับรู้ได้ถึงความร้อนที่ส่งมาจากมือมู่ชิงเกอ ชูเนี่ยนก็ราวกับหาที่พักพิงได้ นางซุกเข้าไปในอกมู่ชิงเกอ
“ชิงเกอ พาข้าไปที” นางขอร้อง
แต่ภาพที่ใกล้ชิดนี้ทำให้นัยน์ตาราชาเฟิ่งแทบจะมีไฟพ่นออกมา เขาสามารถพูดเสียงอ่อนกับชูเนี่ยนได้ แต่ไม่ใช่ว่าเขาจะต้องพูดเสียงอ่อนกับคนอื่น
เขามองมู่ชิงเกอและพูดด้วยอาการเกรี้ยวกราด “เจ้าเป็นใคร! ปล่อยลูกสาวข้า องค์หญิงเผ่าเฟิ่งหวงจะถูกเจ้าทำให้แปดเปื้อนได้อย่างไร”
ต่อมา เขาก็สั่งอีกว่า “ทหาร จับตัวมนุษย์ที่กล้าบุกรุกอาณาเขตเฟิ่งหวงของข้าเดี๋ยวนี้”
พอเขาร้องขึ้นมา เหล่าทหารนกหลวนที่ตกตะลึงจากข่าวที่หนักหน่วงนี้จนแน่นิ่งไปนานก็ได้สติกลับคืนมาทันทีและยกทวนยาวพุ่งตัวออกมาล้อมมู่ชิงเกอกับหยินเฉินไว้อย่างหนาแน่น…