Skip to content

พลิกปฐพี 776

ตอนที่ 776

พลังบำเพ็ญหมื่นปี ทะลวงขอบเขตอีก

ในพื้นที่ของเผ่าภูติภูเขา หยินเฉินยืนอยู่ที่ชานนอกห้องฟังเรื่องที่เล่าโดยโห่วจนจบ

เวลานี้โห่วใช้เถาวัลย์สานเปลญวนที่ต้นไม้ใหญ่ข้างชานเรือน กำลังนอนอาบแดดใต้ร่มเงาใบไม้อย่างเกียจคร้านบนนั้น

หยินเฉินมองเขาถามว่า “ราชินีป่วย ไม่เห็นเจ้าห่วงเลยสักนิด”

โห่วลืมตาข้างหนึ่งมองหยินเฉินแล้วหลับตาอีกเอ่ยว่า “ข้าเชื่อชิงเกอ”

คำพูดง่ายๆ นี้ทำให้นัยน์ตาสีเลือดของหยินเฉินหรี่ลง เม้มริม’ฝีปากขึ้น

ไม่ใช่ไม่ห่วงไม่ใช่ไม่ผูกพันสักนิด แต่ไม่ว่าอย่างไร เพียงแค่คำว่า ‘ข้าเชื่อชิงเกอ’ ทุกอย่างก็จะคลี่คลายลงได้ เนื่องจากโห่วเชื่อว่ามู่ชิงเกอจะช่วยอินเล่อ จะรักษาโรคของนางให้หายได้ ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องกังวล

หยินเฉินค่อยๆ ย้ายสายตาไปยังทิวทัศน์เบื้องหน้า แต่ภาพที่ปรากฎในแววตาสีเลือดของเขานั้น ไม่ใช่ทิวทัศน์ที่สวยงาม แต่เป็นภาพความทรงจำนับตั้งแต่เขา รู้จักกับมู่ชิงเกอ

เขาเป็นเผ่าสุนัขจิ้งจอก มีหัวใจที่ซับซ้อนไม่ง่ายดายซื่อตรงเหมือนโห่ว หลายๆ เรื่องเขาชอบคิดให้ซับซ้อน แต่คำพูดของโห่ววันนี้คล้ายกับเสียงฟ้าร้องที่ทำให้เขาตื่นขึ้น

พวกเขามากมายยินดีติดตามมู่ชิงเกอ ยินดีห้อมล้อมอยู่รอบตัวนาง ไม่ใช่เพราะความเชื่อถือหรือ

ส่วนมู่ชิงเกอก็ใช้การกระทำทั้งหมดตลอดมาพิสูจน์จุดนี้ได้อย่างดียิ่ง นางไม่จำเป็นต้องพูดให้คนรู้สึกลิงโลด เนื่องจากการคงอยู่ของตัวนางก็ทำให้คนลิงโลดได้แล้ว ต่อไปมู่ชิงเกอต้องประสบอะไรอีก หยินเฉินเข้าใจดี แต่เพราะเข้าใจดี เขาจึงจำเป็นต้องเฝ้าอยู่ข้างกายมู่ชิงเกอ เขาเป็นสัตวพันธสัญญาของนาง ดังนั้นความปลอดภัยของนางต้องให้เขาเป็นผู้ปกป้อง!

ใบหูปลายแหลมสุนัขจิ้งจอกของหยินเฉินกระดิกไปมา ค่อยๆ หันมองดูคนที่มา

เป็นอินเจวี๋ย!

เขาเดินเอามือไพล่หลัง รูปร่างสูงโปร่ง ภายใต้แสงอาทิตย์ปรากฎเงาที่ทอดยาว

อินเจวี๋ยมาคนเดียวโดยไม่มีผู้ติดตาม

หยินเฉินค่อยๆ เอียงกาย ดวงตาสีเลือดมองเขาอย่างสงบนิ่ง โห่วเองก็กระโดดลงมาจากเปลเดินมาที่ข้างกายหยินเฉิน

“ชิงเกอกำลังปรุงยาไม่สามารถออกมาต้อนรับองค์ชาย ขอองค์ชายโปรดให้อภัย” หยินเฉินเอ่ยบอก

อินเจวี๋ยผงกศีรษะนิดๆ โดยไม่ได้ใส่ใจ นัยน์ตาสีหมึกเขียวกวาดไปที่หยินเฉินกับโห่วแล้วยกมือขึ้นโบก บนโต๊ะตรงหน้าพวกเขามีผลไม้ขนาดเท่ากำปั้นสีหมึกเขียวสามผลปรากฎขึ้นมา

ผลไม้นี้หน้าตาประหลาดมาก คล้ายดอกไม้ก็ไม่ใช่ คล้ายผลไม้ก็ไม่เชิง ผิวผลไม้คล้ายมีเกล็ดปกคลุมอยู่แต่ก็คล้ายกลีบดอกไม้

หยินเฉินกับโห่วมองไปที่ผลไม้สามผลนั้นพร้อมกัน

อินเจวี๋ยพูดว่า “นี่คือผลภูติให้ใช้พลังเทพหลอมรวม”

โห่วกะพริบตาคิดในใจว่า ‘เป็นเช่นที่นังหนูพูดจริงๆ เอามาให้เองเลยเชียว’

อินเจวี๋ยเพิ่งพูดจบมู่ชิงเกอก็ออกมาจากในห้อง ในมือนางถือขวดยาขวดหนึ่ง “โชคดีที่ทำสำเร็จ ยาก่อรวมวิญญาณเม็ดนี้ องค์ชายนำกลับไปให้องค์ราชินีกินลงไป อย่างนานก็สักครึ่งปีอย่างสั้นก็สักเดือนเศษ องคราชินีก็จะฟื้นตื่นขึ้นมาทั้งจะหายขาดจากโรค’’

“ยาก่อรวมวิญญาณ! เจ้าเป็นศิษย์เทพโอสถจริงๆ กระทั้งยาที่เขาคิดขึ้นมาเองก็ยังปรุงได้” อินเจวี๋ยรับขวดยาจากมือมู่ชิงเกอมาด้วยความดีอกดีใจ

“องค์ชายรู้จักยาก่อรวมวิญญาณหรือ” มู่ชิงเกอถาม

อินเจวี๋ยผงกศีรษะ “ข้าหาอาจารย์ปรุงโอสถชั้นจอมเทพทั่วทั้งแผ่นดินเทพทั้งสี่สมุทร พวกเขาถึงแม้จะรักษาอินเล่อไม่ได้ แต่ก็บอกข่าวสารที่มีประโยชน์ให้ข้ารู้ เช่น นางเป็นโรควิญญาณดับ ทั้งยังบอกว่าเทพโอสถเคยมีคนไข้โรคนี้และได้คิดค้นยาที่เรียกว่ายาก่อรวมวิญญาณจนช่วยคนผู้นั้นไว้ได้ ข้าเองก็ได้ไปหาคนผู้นั้นและได้พบเห็นเองว่าเป็นความจริง”

คำพูดของเขาถึงแม้จะเรียบง่ายแต่ผู้ฟังสามารถรับรู้ได้ว่า ในหมื่นปีนี้เขาต้องทนลำบากมากมายเพียงไรเพื่อจะรักษาโรคของอินเล่อ

มู่ชิงเกอผงกศีรษะ “ในเมื่อท่านรู้จักยาก่อรวมวิญญาณ ก็คงรู้ว่าโรควิญญาณดับจะคอยบั่นทอนวิญญาณเทพ ส่วนยาก่อรวมวิญญาณนั้นจะทำให้วิญญาณก่อนที่จะ ดับได้ก่อเกิดขึ้น ซ่อมแซมส่วนเสียหายแต่เก่าก่อนและหล่อเลี้ยงวิญญาณเทพ โรควิญญาณดับไม่สามารถหายขาดได้ แต่หลังจากกินยาก่อรวมวิญญาณแล้วก็จะ ซ่อมสร้างวิญญาณเทพตลอดเวลาซึ่งก็เท่ากับหายขาดแล้ว โชคดีที่เป็นเวลานี้ หากช้ากว่านี้ยาก่อรวมวิญญาณก็ไม่สามารถช่วยให้ชีวิตฟื้นคืนได้ นับว่าชีวิตองค์ราชินียังไม่ถึงคราวสิ้นสุดลง”

“ดี! ข้าจะรีบนำไปให้อินเล่อกิน” อินเจวี๋ยพูดอย่างรีบร้อน ราวกับถ้ายังชักช้าต่อให้มียาก็ไร้ประโยชน์แล้ว

มู่ชิงเกอผงกศีรษะ

อินเจวี๋ยรีบจากไป

หลังจากเขาไปแล้ว สายตามู่ชิงเกอจึงมองไปยังผลภูติสามผลนั้น นางยิ้มบางๆ “ส่งมาให้จริงๆ”

พูดจบนางก็เดินไปเก็บเอาไว้ผลหนึ่ง บอกหยินเฉินกับโห่วว่า “ที่เหลือสองผล พวกเจ้าแบ่งกัน”

“ข้าไม่ต้องการ เจ้าเอาผลนี้ไปด้วย” โห่วดันของตัวเองให้มู่ชิงเกอ

มู่ชิงเกอขมวดคิ้ว เม้มปากมองเขา

โห่วยิ้มแยกเขี้ยว “เจ้าอย่านึกนะว่าข้าโง่ ขณะที่เจ้ากับจอมมารนั่นจับข้าได้ ข้ารับรู้ได้ว่าตบะบำเพ็ญของเขาเสียหายทำให้โรคเก่ากำเริบ ขณะที่เจ้าได้ยินเรื่องผลภูติ นี้ก็แววตาเปล่งประกาย ไม่ใช่ทำเพื่อตัวเองแต่เพื่อเขาใช่ไหมเล่า”

“…” มู่ชิงเกอนิ่ง ไม่ได้ปฏิเสธแต่ก็ไม่ได้ยอมรับ

โห่วพูดว่า “เอาไปเถอะ ข้าอยู่มานานป่านนี้แล้ว มากขึ้นอีกหมื่นปีหรือลดลงอีกหมื่นปี พลังบำเพ็ญก็ไม่ได้ต่างอะไรมาก หากเจ้ารู้สึกว่าละอายใจก็ปรุงยาจอมเทพให้ข้าสักเม็ด ให้ตบะบำเพ็ญของข้ากลับคืนไปสู่จุดสุดยอดก่อนบาดเจ็บสาหัสทั้งสองครั้ง เวลาเจ้าไปล้างแค้น ข้าจะได้ช่วยเจ้าได้อีกแรง”

“ขอบคุณ” มู่ชิงเกอไม่ได้อิดออดต่อ เก็บผลภูติของโห่วไว้ในมือด้วย นางมองไปที่คนทั้งสองและบอกพวกเขาว่า “ข้าจะไปหลอมรวมผลภูติแล้วค่อยออกจากป่าอสูร”

มาป่าอสูรเที่ยวนี้ได้ผลประโยชน์มหาศาล ตอนนี้ได้เวลากลับแผ่นดินเทพทั้งสี่สมุทรเพื่อดูว่าเวลานี้แผ่นดินเทพทั้งสี่สมุทรเป็นอย่างไรแล้ว

”ข้าก็จะไปหลอมรวมด้วย’’ หยินเฉินพูด

พูดจบทั้งคู่ต่างกลับเข้าห้อง เตรียมการหลอมรวมผลภูติ

“ไปเถอะไปเถอะ ข้าจะคอยคุ้มกันให้” โห่วโบกมือให้ทั้งสองคน

หยินเฉินมองมู่ชิงเกอและถามว่า “กลับไปหลอมรวมที่ช่องว่างหรือ”

มู่ชิงเกอพยักหน้า “ตบะบำเพ็ญหมื่นปีไม่ใช่เรื่องเล็ก เกรงว่าจะเกิดอะไรรุนแรง พวกเรากลับเข้าช่องว่างแล้วค่อยหลอมรวมดีกว่า”

“อืม” หยินเฉินพยักหน้า

มู่ชิงเกอมองโห่ว “พวกเราจะกลับไปหลอมรวมที่ช่องว่าง เจ้าไม่ต้องเฝ้าอยู่ที่นี่หรอก รอให้พวกเราออกมาก็จะจากไป หากเจ้ายังอาวรณ์ก็ไปอยู่กับอินเล่อเถอะ”

พูดจบเงาร่างนางกับหยินเฉินก็หายวับไป

จนพวกเขาไปแล้วโห่วก็ชะงัก กระโดดร้องโวยวาย “อะไรอาวรณ์! ใครอาวรณ์! ไม่ใช่ข้า!”

ในช่องว่าง มู่ชิงเกอกลับไปยังตำหนักของตัวเอง

นางนั่งขัดสมาธิในห้องบำเพ็ญ เบื้องหน้านางมีผลภูติสีหมึกเขียววางอยู่ นางไม่ได้เลือกไปหลอมรวมในเจดีย์ฝึกพลังยุทธ์ ตบะบำเพ็ญหมื่นปีนั่นร้ายกาจมากอยู่แล้ว หากรวมกับผลของเจดีย์ฝึกพลังยุทธ์ นางเกรงว่าจะรับไม่ไหวจนร่างระเบิดได้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version