ตอนที่ 786
ภัยในภัย คราวเคราะห์!
“ผู้ใดมาบุกรุกยามวิกาล!”
เสียงตวาดดุดันดังมาจากกำแพงเมือง ผู้ที่ซ่อนกายอยู่ในเสื้อคลุมหันกลับไปมอง
เหล่าทหารมารยังไม่ทันได้เข้าใกล้ ศีรษะก็พลันระเบิดออกและล้มลงทันที
เสียงฝืเท้าดังมาจากที่ไกลออกไป
คราวนี้มีคนมามากขึ้น คงได้ยินเสียงตวาดจึงรีบรุดมา
แต่เงาดำที่ยืนอยู่บนกำแพงเมืองกลับแปลงเป็นแสงดำมืดแล้วพุ่งไปยังทหารมารที่มาตามเสียง ความเร็วนั้นรวดเร็วเสียจนไม่อาจเทียบเทียม สิ่งสำคัญก็คือการกระทำนั้นไม่ได้ทำให้เกิดการกระเพื่อมไหวของคลื่นพลังเลยแม้แต่น้อย ทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นอย่างเงียบเชียบ
บริเวณที่แสงดำมืดวาบผ่านไป ทหารมารต่างล้มลง ไม่มีกำลังแม้แต่จะรับมือ
ควรพูดได้ว่าพวกเขายังไม่ทันเห็นว่าใครมาจู่โจมก็ล้มลงแล้วขาดใจตายทันที ส่วนแสงมืดดำก็ไม่หยุดนิ่ง ข้ามกำแพงเมืองมุ่งหน้าไปยังเทือกเขาที่อยู่ด้านหลังทันที
จนเมื่อแสงดำมืดหายไปสักพัก หยวนฟงจึงนำรองเม่ทัพกับทหารมารมาถึงอย่างเร่งรีบ
แต่เขาไม่เห็นศัตรู เห็นเพียงศพเกลื่อนกลาด เต็มพื้น
“นี่มันอะไรกัน ใครทำ!” ตาหยวนฟงแทบถลนออกมา
“ท่านแม่ทัพ พวกข้างหน้าล้วนศีรษะระเบิดออกจนตาย ส่วนพวกนี้…” ขุนพลมารตรวจสอบร่างกายอย่างรวดเร็วแล้วรายงานหยวนฟง
เพียงแต่เขาพูดยังไม่ทันจบ ศพทหารมารบนพื้น นอกจากพวกที่ศีรษะระเบิดออกแล้วล้วนเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น
ผิวหนังพวกเขาแห้งกรังอย่างรวดเร็ว ยุบลงไปราวกับนํ้าในกายระเหยออกไปจนหมด
การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ทหารมารที่มีชีวิตอยู่ต่างอดถอยหลังไปหลายก้าวไม่ได้
ส่วนหยวนฟงก็ถูกทหารคนสนิทคุ้มกันให้ถอยหลังไปเช่นกัน
ท่ามกลางความมืดยามราตรี ภาพนี้ดูพิลึกพิสดารมาก ถึงแม้พวกเขาจะเป็นเผ่ามาร แต่ก็ยังโดนภาพนี้เขย่าขวัญจนแทบลืมหายใจ
แต่นี้เป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น การเปลี่ยนแปลงแสนพิสดารยังไม่จบ!
ศพทหารที่เปลี่ยนแปลงแล้วนั้นเริ่มขยับได้
พวกเขาโซเซลุกขึ้นมา ผิวหนังที่แห้งกรังค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีเขียว กระดูกสันหลังโค้งงอ ผมในหมวกเกราะร่วงลงมาไม่หยุด
ที่ทำให้สั่นสะท้านกว่าคือ ผมที่ร่วงหล่นลงบนพื้นเหล่านั้นราวกับมีชีวิตและกลายเป็นหนอนสีเขียว ตัวเล็กยาวเหมือนเส้นผม กระจายตัวออกไปอย่างรวดเร็วบนกำแพงเมือง
“รีบถอยไป!” ตาดำหยวนฟงหดลงทันที สั่งให้ทุกคนถอยหลังไป เพื่อหลบเลี่ยงเหตุการณ์ประหลาดนี้
แต่ศพทหารมารที่กลายร่างกลับเงยหน้าขึ้น เปล่งเสียงแหบแห้งประหลาดในลำคอ
ทันใดนั้นหนอนตัวเล็กที่คลานอยู่เต็มพื้นก็พุ่งเข้าโจมตีพวกหยวนฟงสายฟ้าแลบ
ศพที่กลายร่างเหล่านั้นก็เปิดฉากโจมตีพวกเขาเช่นกัน
การเปลี่ยนแปลงพิสดารเช่นนี้ทำให้หยวนฟงกับทหารมารอื่นๆ ต้องต่อสู้ป้องกันตัวในทันที ยังดีที่พวกเขาระวังตัวไว้ก่อนแล้วจึงไม่ถูกลอบโจมตี
แต่พวกหนอนที่กลายร่างจากเส้นผมนั้นรวดเร็วมาก อีกทั้งมีจำนวนมหาศาล บุกโจมตีได้ทุกซอกทุกมุม ทำให้ไม่สามารถปัดป้องได้ทัน อีกทั้งยังมีทหาร
มารกลายร่างคอยก่อกวนทำให้ทหารมารบนกำแพงเมืองตกอยู่ในสภาพยํ่าแย่
เวลานี้เองมีหนอนมุดเข้าไปในผิวหนังของทหารมาร ทหารมารร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดทำให้หยวนฟงสังเกตเห็น
เขามองไปก็เห็นทหารมารที่ถูกหนอนมุดไช ข้าไปในผิวหนังเริ่มสั่นเทิ้มไปทั้งตัว ผิวหนังบนตัวก็กลายเป็นแห้งกรังมีสีเขียว ผมร่วงหล่นลงบนพื้นกลายเป็นหนอนพิสดารน่าหวาดหวั่นนั้นอีก
หยวนฟงตกใจยิ่งนักตะโกนเสียงเหี้ยมว่า “ระวังพวกหนอนเหล่านั้น! อย่าให้พวกมันเข้าใกล้!”
น่าเสียดายที่คำเตือนของเขาช้าเกินไป ขณะที่เขาพูดก็มีเสียงร้องอีกหลายเสียง มีทหารมารไม่น้อยถูกหนอนเจาะไชร่างกาย
บนกำแพงเมืองสถานการณ์ชุลมุนอย่างถึงที่สุด หนอนนั้นเมื่อถูกฟันขาดก็สามารถแยกออกเป็นสองตัว ไม่อาจฆ่าให้ตายได้ ทหารมารที่กลายร่างเป็นศพ แห้งสีเขียวก็ไร้สติและเริ่มโจมตีเพื่อนทหารด้วยกันอย่างบ้าคลั่ง พลังจิตมารในมือฟาดออกไปไม่หยุด
ความชุลมุนบนกำแพงเมืองทำให้ทหารมารมากันมากยิ่งขึ้น เสียงฝีเท้ากับเสียงเกราะดังมาจากใต้กำแพงเมืองไม่ขาดสาย ค่อยๆ เข้ามาใกล้ที่นี่
หยวนฟงได้ยินเสียงแล้วก็ร้อนใจยิ่งนัก
ความพิสดารเบื้องหน้านี้มันเกินกว่าที่เขาจะควบคุมได้ เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ ข้าศึกอยู่ที่ใด ต้องการอะไร เขายังไม่รู้อะไรทั้งสิ้น
ในเวลานี้หากมีทหารมารเข้าร่วมมากขึ้น ก็รังแต่จะเพิ่มความสูญเสียให้มากขึ้นกว่าเก่า
วิธีโจมตีพิสดารเช่นนี้ ไม่ใช่วิธีการบนแผ่นดินเทพมาร
เมื่อคิดได้ดังนี้แล้วหยวนฟงบอกรองแม่ทัพข้างกายทันที “รีบแจ้งข่าว เผ่าอี้มีความเคลื่อนไหว เกรงว่าจะมีทัพใหญ่บุกโจมตี!”
รองแม่ทัพส่งยันต์แจ้งข่าวออกไปถึงวังไท่ฮวงทันที
“ถอยออกไปให้หมด!” หยวนฟงสั่งทหารมารที่วิ่งเข้ามาช่วยอย่างรวดเร็ว แต่ถึงแม้ทหารมารที่พุ่งขึ้นมาได้ยินอยากจะหมุนตัวถอยกลับก็ยังหลบไม่พ้นความ เร็วของหนอนเหล่านั้น
เสียงร้องโหยหวนดังขึ้นไม่หยุดในทันที
ริมฝังแม่นํ้าเมิ่งหลาน บนกำแพงเมืองเผ่ามารตกอยู่ในสภาพชุลมุน ที่พวกเขาไม่รู้ก็คือ นอกกระแสปั่นป่วนของช่องว่างฝั่งตรงข้ามแม่นํ้า มีทัพใหญ่ของเผ่าอี้กำลังรอคอยอยู่อย่างเงียบเชียบ
พวกเขากำลังรอคำสั่งสุดท้าย เพราะภายใต้พลังบารมีที่แข็งแกร่งกดดันทำให้พวกเขาไม่สามารถบุกข้ามฝั่งมาได้ จะต้องรอให้พลังบารมีนั้นถูกปลดเปลื้อง ออกไปเสียก่อน พวกเขาจึงจะสามารถบุกเข้าไปได้ ฆ่าฟันได้ตามใจชอบ!
ท่ามกลางม่านแห่งราตรีกาล การเข่นฆ่ากำลังจะเริ่มต้น
เจ็ดราชาเทวะแผ่นดินเทพ เวลานี้ถูกไส้ศึกนำทางไปยังตีนเขาแห่งหนึ่ง เขาหมุนกายบอกคนที่เป็นหัวหน้าว่า “คนผู้นั้นอยู่ในเขานี้ ส่วนอยู่ที่ไหนยังไม่อาจรู้ได้
“อืม ทำได้ดีมาก” คนที่เป็นหัวหน้ายืดอกเอามือไพล่หลังแล้วผงกศีรษะนิดๆ
หลังจากนั้นเพียงพริบตา เขากลับโบกมือ ทำให้ไส้ศึกผู้นั้นสลายกลายเป็นขี้เถ้ากองหนึ่ง
“ฮึ ฆ่าเสียก็ดี จะได้ไม่ต้องยุ่งยาก” คนผู้หนึ่งในนั้นแค่นเสียง ไม่นึกแปลกใจแต่อย่างใด
อีกคนก็พูดเสียงเบาว่า “การลอบสังหาร ถึงอย่างไรก็ไม่สง่างาม ยิ่งรู้น้อยคนก็ยิ่งดี”
“พวกเราไปเถอะ” คนที่เป็นหัวหน้าเดินขึ้นหน้า ปราดเข้าไปในภูเขาทันที
พอเขาขยับคนอื่นย่อมติดตามไปอย่างใกล้ชิด
พริบตาเดียวพวกเขาก็ขึ้นไปบนเขา
“ไปตามจุดที่พลังบารมีแผ่ออกมา จะหาถํ้าที่ใช้เป็นสถานที่ปิดประตูบำเพ็ญคงไม่ยากนัก เรื่องยากอยู่ที่จะทำอย่างไรจึงจะกักเขาไว้ได้ ไม่ให้เขาหนีเมื่อรู้ตัวว่าสู้ไม่ได้ ที่นี่เป็นถิ่นของเขา เมื่อเทียบกับพวกเราแล้วเขาย่อมคุ้นเคยกว่า เพียงแค่เขาส่งเสียงดังพวกเราก็ตกเป็นรองแล้ว” คนหนึ่งกล่าว
คนที่เป็นหัวหน้าราวกับได้เตรียมการไว้แล้ว เขาหยิบยุทธภัณฑ์ชั้นอาคมที่เตรียมไว้แล้วออกมา บอกทุกคนว่า “จะยากอะไรกัน แค่ตั้งค่ายกลตาข่ายฟ้าเจ็ดดาราสังหารก็พอแล้ว ใช้พวกเราเจ็ดคนเป็นตาค่ายกล เพียงแค่พวกเราไม่ตายค่ายนี้ก็จะไม่สลาย ทัพเสริมเข้ามาไม่ได้เขาเองก็ออกไปไม่ได้ อีกทั้งค่ายกลนี้ยังบั่น ทอนพลังและปัญญาเทวะของเขามาหล่อเลี้ยงพวกเราตลอดเวลา ถึงเวลานั้นเขาก็จะอ่อนแอลงเรื่อยๆ ส่วนพวกเราก็จะแข็งแกร่งขึ้น แพ้ชนะยังยากจะคาดเดาอีกหรือ”
“เยี่ยม! เยี่ยมมาก!” นัยน์ตาจื่อกวงเปล่งประกายแล้วกล่าวชมเชย