ตอนที่ 794
คุณชายอย่างข้าไม่ยอมให้เจ้าตาย!
ซือมั่วรู้สึกว่าตัวเองอยู่มาหลายหมื่นปี ผ่านความเป็นความตายมานับไม่ถ้วนครั้ง ไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่ทำให้เขารู้สึกถึงอันตรายมากเหมือนครั้งนี้
กระทั่งในเวลาพริบตานั้น เขาพลันรู้สึกว่าชีวิตตัวเองจะจบสิ้นลงในวันนี้
เพียงแต่หากเขาตายแล้ว เสี่ยวเกอเอ๋อร์จะทำอย่างไร
ระยะทางอีกยาวไกล ใครจะเป็นเพื่อนร่วมเดินทางไปกับนาง หากเขาตายแล้ว เสี่ยวเกอเอ๋อร์จะเสียใจจนแทบสิ้นชีวิตหรือไม่ ทุกเรื่องที่จะทำให้เสี่ยวเกอเอ๋อร์ เสียใจ เขาซือมั่วจะทำไม่ได้โดยเด็ดขาด!
ดังนั้น
เขา!-ตาย!-ไม่!-ได้!
สองตาสีอำพันของซือมั่วเปล่งประกายเจิดจ้าออกมา ภายในดวงตาที่ระยิบระยับราวกับทะเลดวงดาวสะท้อนสิ่งที่ไม่เคยเห็นที่พุ่งเข้ามาทางเขาอย่างรวด
เร็วนั้น
ในเวลานั้นเงาดำสายหนึ่งโฉบผ่านข้างตัว ภายใต้เสื้อคลุมสีดำนั้นมีแขนขาวเนียนยื่นออกมา คว้าไปที่ธงวิญญาณมาร
‘มีคนขโมยธง!’ สองตาซือมั่วหรี่ลงอย่างดุร้าย ผุดความเหี้ยมโหดออกมา
นิ้วเขาบีบเข้าหากันเล็กน้อย สองจอมมารที่ถูกผนึกอยู่ในธงพุ่งออกมาในพริบตา โผไปที่คนแย่งธงทันที
ผู้ที่แย่งธงราวกับไม่ได้คาดเดาว่าซือมั่วยังซ่อนไม้นี้เอาไว้ สองตาที่ซ่อนอยู่ใต้เสื้อคลุมสั่นสะท้าน แต่ก็เพียงครั้งเดียวเท่านั้น
จอมมารสองตนผ่านทะลุร่างของเขาไป ร่างกายเขาไม่ได้รับความเสียหายเลยแม้แต่นิด เพียงแค่จางลงอย่างแปลกประหลาดหนึ่งส่วน
“เป็นแค่ร่างแยก!” ซือมั่วพูดอย่างเหี้ยมเกรียม
เวลานี้เขาจึงสะบัดแขนเสื้อ พลังรุนแรงไม่มีใดเทียบฟาดเข้าไปยังสิ่งที่บินมาหาเขา
ปัง!
สิ่งนั้นระเบิดออกมาทันที กลุ่มควันสีเขียวกระจายออกจากภายในตลบอบอวลรอบกายซือมั่ว การเปลี่ยนแปลงกะทันหันนี้ทำให้พวกเส้าเทียนตกใจอย่างมาก
เห็นชัดว่าพวกเขานึกไม่ถึงเลยว่าจะมีผู้ที่คอยฉวยประโยชน์อยู่ข้างหลัง คนในเสื้อคลุมสีดำนี้เป็นใคร เหตุใดจึงใช้วิธีการพิสดารนัก
แต่ยังดีที่เป้าหมายฝ่ายตรงข้ามก็เป็นราชามารเช่นเดียวกับพวกเขา
เรื่องที่สิ้นหวังไปแล้วราวกับได้เห็นความหวังใหม่อีกครั้ง ราชาเทวะเส้าเทียนมองไปที่กลุ่มควันพิสดารสีเขียว ในใจรู้สึกถึงอันตราย ทั้งมองซือมั่วที่ถูกล้อมอยู่ภายในหัวใจพลันเต้นแรงขึ้นมาทันที
“กลุ่มควันนี้…” สองตาซือมั่วหรี่ลง เขาย่อมรู้สึกได้ถึงความไม่ธรรมดาของกลุ่มควันนี้
แต่ในเวลานี้เองก็พลันเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอีก กลุ่มควันสีเขียวราวกับมีความคิดเข้าห่อหุ้มซือมั่วเอาไว้ทั้งตัว สองตาซือมั่วเบิกกว้าง พลังจิตมารกระแทกออกจากภายในคิดจะปัดเป่ากลุ่มควันสีเขียวนี้ออกไป แต่กลุ่มควันสีเขียวก็ราวกับกำลังรอเวลานี้อยู่ พวกมันดูดกลืนพลังจิตมารของซือมั่วอย่างรวดเร็ว มุดเข้าไปในผิวหนังเขา แทรกเข้าไปในสติสัมปชัญญะของเขา
“เจ้ามนต์ดำชั่วร้าย คิดจะควบคุมข้าหรือ!” สองตาสีอำพันของซือมั่วเปล่งแสงประกายจ้า เขาต้องการขับไล่ควันพิสดารเหล่านี้ออกจากร่างกาย
ในเวลานั้นคนเผ่าอี้ก็ไม่รู้ใช้วิธีการอะไรตราผนึกธงวิญญาณมารเอาไว้ เก้าจอมมารที่ถูกปลดปล่อยออกมาเมื่อสิ้นการควบคุมจากซือมั่วแล้วก็ควรจะออกมาเข่นฆ่าได้ตามใจ แต่กลับถูกวิธีแปลกประหลาดนั้นเก็บกลับเข้าธงวิญญาณมารไป พวกมันคำรามอย่างดุร้ายไม่ยินยอมอยู่ภายในธง
“โจรชั่วเจ้ากล้าหรือ!” ซือมั่วเห็นแล้วก็ฟาดอาคมออกไปคิดจะแย่งธงวิญญาณมารกลับมา
อาคมของซือมั่วนั้นร้ายกาจมาก การฟาดครั้งนี้ทำให้ภูเขาแหลกไปทั้งแถบ แต่คนผู้นั้นไม่ใช่ร่างจริงเป็นเพียงร่างจำแลง การโจมตีด้วยกำลังจึงเปล่าประโยชน์นอก จากจะใช้พลังจิตมาร แต่พลังจิตมารของซือมั่วกลับถูกควันสีเขียวยึดครองอยู่ ทำให้เขาไม่สามารถใช้มันได้ เมื่อโจมตีไม่สำเร็จคนเผ่าอี้จึงยิ้มอย่างดูแคลน ซือมั่ว โจมตีออกไปอีกครั้งหนึ่ง วาดพื้นเป็นคุกปิดผนึกช่องว่างรอบๆ ทุกด้าน ป้องกันไม่ให้เขาหนีไปได้ เวลานี้พวกเส้าเทียนไม่ได้ถูกจอมมารตรึงไว้อีกจึงเริ่มได้ โอกาสโจมตีซือมั่ว ปัง ปัง ปัง!
ภูเขาแม่น้ำถล่มทลาย ฟ้าดินแตกแยก ดวงอาทิตย์ดวงจันทร์กลับตาลปัตร…
เทือกเขาบริเวณริมแม่นํ้าเมิ่งหลานราวกับพังทลายลงไป
เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่ว เสียงดังนี้สะกดพวกมู่ชิงเกอที่กำลังต่อสู้อยู่ ทั้งทำให้เหล่าทหารมารริมแม่นํ้าเมิ่งหลานรับรู้ได้
ความรู้สึกคล้ายกำลังจะสูญเสียสิ่งลํ้าค่าผุดขึ้นมาในจิตใจมู่ชิงเกอ ทำให้หัวใจนางเจ็บปวดจนเกินกว่าที่จะทานทนได้
พลังแข็งแกร่งที่ครอบคลุมริมฝั่งแม่นํ้าหายไปอย่างกะทันหัน
กองทัพเผ่าอี้ที่ทางเข้าช่องว่างอีกแห่งหนึ่งราวกับได้รับคำสั่ง พวกมันพุ่งออกไปราวกับนํ้าบ่าที่เอ่อล้นเขื่อน
กองทัพเผ่าอี้ที่ปรากฎตัวขึ้นกะทันหันทำให้ทหารมารฝั่งตรงข้ามแม่นํ้าเมิ่งหลานตื่นตกใจ พวกเขาประหลาดใจต่อการบุกของเผ่าอี้ แต่ก็รู้สึกยินดีที่พระชายาได้จัดการให้พวกเขาเตรียมพร้อมไว้แล้ว
ปัง ปัง ปัง!
เสียงระเบิดก้องกัมปนาทดังขึ้นจากฝั่งตรงข้าม แสงเพลิงโหมแรงเทียมฟ้า ศพเผ่าอี้นับไม่ถ้วนถูกระเบิดจนกระจัดกระจาย เห็นเพียงเลือนรางในแสงเพลิง ภาพนี้ทำให้ทหารมารนอกริมฝั่งแม่นํ้าล้วนตะลึงไป และเสียงนี้ยังดังก้องไปถึงในภูเขา เพียงแต่ เวลานี้มู่ชิงเกอไม่ได้ยินเสียงระเบิดวิญญาณที่ตัวเองทำไว้ นางปล่อยโห่วออกจากช่องว่าง เดิมนางคิดจะใช้โห่วเป็นไพ่ตายในการต่อกรกับคนเผ่าอี้ที่ซ่อนอยู่ในที่มืด แต่เวลานี้นางไม่สนใจออะไรแล้ว
เสียงดังก้องราวกับฟ้าถล่มดินทลายทำให้จิตใจนางผุดความสิ้นหวังขึ้นมา
“ช่วยเปิดทางให้ข้า!” มู่ชิงเกอบอกโห่วด้วยเสียงสั่นระริก ปืนในมือยิงใส่หัวตัวประหลาดไม่หยุด รัศมีสีทองในดวงตาเปล่งออกมาไม่ขาดสายดูราวกับเสียสติ
โห่วคำรามแล้วแปลงเป็นร่างเดิม กระแทกจนตัวประหลาดตัวเล็กกระเด็นไปทั้งหมด ทั้งยังกระแทกตาข่ายสีเขียวจนขาดเป็นช่องให้มู่ชิงเกอผ่านไปได้
ขณะที่มีช่องปรากฎขึ้น มู่ชิงเกอก็พุ่งออกไปราวกับสายฟ้าแลบ
พวกกู่หยาจะตามไปด้วยกลับพบว่าตาข่ายเขียวกลับคืนสู่สภาพเดิมไม่มีช่องว่างอยู่อีก ส่วนโห่วเวลานี้ก็ถูกตัวประหลาดตัวเล็กนับไม่ถ้วนพัวพันเอาไว้ ยากที่จะถอนตัวได้
ช่วยไม่ได้ แม้พวกเขาจะร้อนรนอย่างไรก็ทำได้เพียงจัดการเรื่องเฉพาะหน้าตรงนี้เท่านั้น
ริมแม่นํ้าเมิ่งหลาน แสงเพลิงจากระเบิดวิญญาณค่อยๆ ดับมอดลง แต่ทัพเผ่าอี้ยังคงอยู่ พวกมันสูญเสียเพียงทัพหน้า แต่ทัพส่วนใหญ่ของเผ่าอี้ยังคงไม่เสียหาย
พวกมันวิ่งอย่างบ้าคลั่งมาทางฝั่งแม่นํ้าเมิ่งหลาน จำนวนที่มากราวกับนํ้าไหลบ่าทำให้ทหารมารบนกำแพงเมืองหนังศีรษะชาไปหมด
ปัง ปัง ปัง!
ขณะที่เผ่าอี้พุ่งเข้ามากลับชนเข้ากับผนังโปร่งแสงที่ห่างจากกำแพงเมืองไปเพียงไม่ถึงหนึ่งฉื่อ ไม่ว่าพวกมันจะกระแทกชนอย่างไรก็ไม่สามารถกระแทกจนทะลุได้ นี่คือ…
อานุภาพที่หลงเหลืออยู่ของค่ายกลตาข่ายฟ้าเจ็ดดาราสังหาร!
ตามคำสั่งของมู่ชิงเกอ กู่เย่ ชิงเจ๋อ หวงฝู่ฮ่วน เฉินปี้เฉิง หยวนฟง พร้อมทั้งนายกองมารอีกสองคนที่ตบะบำเพ็ญไม่ธรรมดารวมตัวกันประกอบเป็นตาค่ายกลใหม่ขึ้น ส่วนค่ายกลนี้จะสามารถยื้อไว้ได้นานเท่าไหร่ก็ต้องดูฝีมือพวกเขาแล้ว ‘ต้องโทษข้า…ต้องโทษข้าที่ไม่สามารถมาถึงได้ทันเวลา…ต้องโทษข้าที่มัวแต่ห่วงคนเผ่าอี้คนนั้น…ต้องโทษข้า…อามั่ว คุณชายอย่างข้าไม่ยอมให้เจ้าตายเด็ดขาด!’ มู่ชิงเกอพุ่งออกจากตาข่ายเขียว พุ่งไปยังจุดปะทะด้วยความเร็วสูงสุด แต่แม้ระยะทางใกล้เพียงแค่นี้ นางก็ยังใช้วิธีทะลุช่องว่าง ฉีกช่องว่างออกจนเป็นรู พริบตาเดียวก็มาปรากฎตัวอยู่ตรงที่ซือมั่วอยู่แล้ว
ริมแม่นํ้าเมิ่งหลาน ทัพเผ่าอี้บุกโจมตีอย่างบ้าคลั่ง แต่ได้ค่ายกลตาข่ายฟ้าเจ็ดดาราสังหารต้านทานเอาไว้ได้
แต่เหล่าทหารเผ่ามารทั้งนายกองและแม่ทัพภายในค่ายกลล้วนไม่ได้เพิกเฉยแม้เพียงนิด เตรียมพร้อมสู้รบกับเผ่าอี้ตลอดเวลา ในมือเจ็ดคนที่เป็นตาค่ายกลนั้น ต่างมียากำไว้พร้อมที่จะใช้กินเสริมพลังได้ตลอด
ค่ายกลที่มู่ชิงเกอบอกชิงเจ๋อไว้ เป็นแบบย้อนกลับ
ค่ายกลตาข่ายฟ้าเจ็ดดาราสังหารเดิมเป็นค่ายกลกักกัน เวลานี้เป็นแบบต้านทาน ต้านทานข้าศึกที่มาทั้งหมดให้อยู่นอกค่ายกล
ในเทือกเขาหลังแม่นํ้าเมิ่งหลาน ค่ายกลตาข่ายฟ้าเจ็ดดาราสังหารอีกแห่ง การเข่นฆ่าภายในหลุมพรางตาข่ายเขียวยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่อง เมื่อมู่ชิงเกอออกไปแล้วก็ทำให้ขาดพลังของเคล็ดวิชาเทวะไป ถึงแม้พวกเขาจะได้โห่วมาเพิ่มแต่ก็ต้านทานได้อย่างยากลำบาก
ตัวประหลาดเล็กสีเขียวที่ฆ่าเท่าไรก็ไม่หมดเหล่านี้ทำให้พวกเขาอยากใช้ใฟเผามันเสียให้หมดสิ้น
ส่วนในสนามรบที่สำคัญอย่างยิ่งยวดนั้น ท่ามกลางเคราะห์กรรมเป็นตายของซือมั่ว…การร่วมกันโจมตีของเหล่าราชาเทวะ กระทั่งการโจมตีที่รุนแรงที่สุด รวม กับการลอบจู่โจมของคนเผ่าอี้ซือมั่วล้วนต้องแบกรับจนหมดสิ้น
ภูเขาลำธารย่อยยับ นํ้าในแม่นํ้าหยุดไหล
การเปลี่ยนแปลงทางภูมิศาสตร์นี้ล้วนเกิดขึ้นในพริบตาเดียวเท่านั้น
หลังฝุ่นควันสลายไปจนหมดสิ้น ซือมั่วยังคงยืนหยัดอยู่ที่เดิมโดยไม่ล้มลง ใบหน้าแสนงามเย็นเฉียบเหลือกำลัง นัยน์ตาสีอำพันใช้แววตาเย็นเฉียบกวาดผ่าน เหล่าราชาเทวะ
คนเผ่าอี้ที่ขโมยธงก็ตะลึงงัน การโจมตีที่รุนแรงเช่นนี้ เขาเข้าใจว่าซือมั่วจะต้องตายไปแล้วแปดร้อยรอบ แต่นึกไม่ถึงว่าเขากลับยังไม่เป็นไร
“ฮึ” ซือมั่วแค่นเสียงออกมา พลังทำลายล้างพุ่งเข้าโจมตีไปที่เส้าเทียน กู่เฟิง จื่อกวงกับเซวียนเช่อสี่ราชาเทวะ
นัยน์ตาเส้าเทียนผุดแววตื่นกลัว คว้าตัวราชาเทวะกู่เฟิ่งด้านข้างที่แขนขาดไปข้างหนึ่งแล้วบอกอีกสองคนว่า “รีบไป!”
พูดจบเขาก็ยื่นมือฉีกช่องว่างจนขาด ปรากฎถํ้าดำมืดและกระโดดเข้าไปพร้อมกับราชาเทวะกู่เฟิ่ง ส่วนราชาเทวะเซวียนเช่อก็คว้าราชาเทวะจื่อกวงที่ตกใจจนงงงันตามติดอยู่ด้านหลังแล้วกระโดดเข้าไป
แต่พลังนั้นกลับไม่ได้หยุดนิ่งด้วยสาเหตุนี้ กลับฉีกกระชากช่องว่างที่กำลังจะปิดคืนจนแหลกและตามสี่คนนี้เข้าไป
ทั้งสี่คนจะเป็นเช่นไรยังไม่รู้ได้ เพียงแต่ด้านนอกรอยเปิดของช่องว่างที่แตกหักและกำลังฟื้นฟูกลับคืนนั้น มีเลือดเปื้อนอยู่ไม่น้อยทีเดียว
“อ๊าก”
หลังจากบีบคั้นจนสี่ราชาเทวะหนีหัวซุกหัวซุนไปแล้วซือมั่วก็แหงนหน้ากู่ร้องขึ้นกะทันหัน
ขณะที่เขากู่ร้อง มู่ชิงเกอก็มาถึงพอดี
ที่เห็นนั้นก็คือหมอกควันสีเขียวเจือรอยเลือดที่ถูกซือมั่วขับออกจากร่างกาย พร้อมกันนั้นนางยังเห็นคนสวมเสื้อคลุมดำที่ถือธงวิญญาณมารในมืออีกด้วย
แต่กลับไม่เห็นราชาเทวะเผ่าเทพแม้แต่คนเดียว
กลุ่มควันสีเขียวถูกซือมั่วขับออกจากร่างได้ยิ่งทำให้คนเผ่าอี้ตกใจยิ่งนัก เขาไม่ทันคิดมากรีบเตรียมเผ่นหนีไปทันที
แต่เมื่อมู่ชิงเกอเห็นเขาเตรียมหลบหนีก็ใชปืนในมือ เล็งตรงไปที่เขา และลั่นไกโดยไม่ลังเลแม้แต่นิด
ปัง! กระสุนที่แปลงจากปัญญาเทวะของมู่ชิงเกอยิงออกไปในพริบตาเดียว โดนเข้าที่กลางหลังขณะที่คนเผ่าอี้กำลังวิ่งหนี
เขาร้องเสียงแหลมด้วยความเจ็บปวด ราวกับได้รับบาดเจ็บอย่างแสนสาหัส
เงาร่างของเขาสลายไป ธงวิญญาณมารก็สลายไปพร้อมกับเขาด้วย
เรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในเวลาเพียงชั่วพริบตาเดียว
รอบบริเวณนนราวกับเงียบสงบลงในพริบตา
เงาร่างมู่ชิงเกอเคลื่อนไหวแวบหนึ่งก็มาปรากฎอยู่ที่ข้างกายซือมั่ว มองสบนัยน์ตาสีอำพันของเขา
เมื่อเห็นมู่ชิงเกอปรากฎตัวริมฝีปากแดงของซือมั่วก็ยกขึ้นเล็กน้อย แย้มรอยยิ้มที่แสนนุ่มนวลออกมา จิตสังหารในดวงตาสีอำพันหายไปในทันใด คงเหลือเพียงความอ่อนโยนเหลือคณานับ
“อามั่ว เจ้าเป็นอะไรไหม” แววตามู่ชิงเกอเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น
นางไม่เคยหวาดกลัวเท่านี้มาก่อน สวรรค์ย่อมรู้ว่าขณะที่นางเห็นซือมั่วยิ้มให้นางนั้น นางรู้สึกขอบคุณสวรรค์มากมายเพียงใด
มุมปากซือมั่วมีรอยยิ้มค้างอยู่ตลอดเวลา เขาส่ายหน้าช้าๆ
มู่ชิงเกอจะเชื่อเขาได้อย่างไร ขณะที่ปากถาม สองมือก็จับไปที่ร่างซือมั่ว “เจ้าอย่าได้ปิดบัง บาดเจ็บตรงไหนบ้าง…”
ทันใดนั้นตัวนางก็แข็งเกร็ง สองมือที่สัมผัสเสื้อซือมั่วสั่นเทาขึ้นมา
เสื้อสีดำของซือมั่วเปียกชื้นไปหมด
นางเพิ่งสังเกตเห็นว่าบนตัวเขามีแต่กลิ่นคาวเลือด
มู่ชิงเกอคลายมือตัวเองพลิกหงายขึ้นมาดู ในฝ่ามือมีแต่เลือดแดงฉาน
สีแดงที่บาดตานี้ทำให้ตาดำนางหดลงทันที นัยน์ตาใสกระจ่างผุดความตื่นตระหนกออกมา
“ไม่ต้องกังวล” ซือมั่วพูดออกมา
เขาปลอบมู่ชิงเกอ แต่มู่ชิงเกอกลับเห็นรอยเลือดที่ค้างอยู่ที่ริมฝีปากของเขา เขาพยายามกลืนเลือดที่ทะลักออกมากลับลงไปใหม่
ร่างกายเขาเต็มไปด้วยบาดแผล เลือดย้อมจนเสื้อกลายเป็นสีแดงฉาน แต่เพราะเป็นเสื้อสีดำ อีกทั้งท้องฟ้าเวลานี้ก็มืดหม่นจึงถูกมองข้ามไป
“อามั่ว!” มู่ชิงเกอใช้สองมือโอบรอบเอวซือมั่ว และนำเขาลงมายังพื้นดิน
ขณะที่สองเท้าซือมั่วแตะพื้นกลับไม่เหลือกำลังแม้แต่จะทรงตัว ร่างกายเอนไปด้านหลังทันที ยังดีที่มู่ชิงเกอกอดเขาไว้แน่นจึงไม่ได้ร่วงลงไปกองกับพื้น
“อามั่ว ให้ข้าตรวจเจ้าหน่อย” มู่ชิงเกอโอบซือมั่วนั่งลงบนพื้น ไม่สนใจว่าเลือดของเขาทำให้เสื้อผ้านางเปรอะเปื้อน
นางให้ซือมั่วพิงที่ซอกคอนางแล้วยื่นมือไปจับชีพจรซือมั่ว
นิ้วของมู่ชิงเกอไม่เคยสั่นเทาขนาดนี้มาก่อน ขณะที่นางจับชีพจรซือมั่วก็มีสีหน้าขาวซีด
“เสี่ยวเกอเอ๋อร์”…” ซือมั่วแหงนมองนางแล้วเรียกขึ้นเบาๆ
เสียงนั้นเจือความอ่อนล้าอย่างบอกไม่ถูกจนทำให้รู้สึกปวดใจ
มู่ชิงเกอไม่ฟังอะไรทั้งนั้น เพียงแค่ก้มศีรษะหยิบขวดยาออกมาจากกลางอากาศ ปากก็พรํ่าบ่นแต่คำว่า “ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าตาย เจ้าจะต้องไม่ตาย เจ้าได้ยินไหม ข้าเป็นอาจารย์ปรุงยาระดับจอมเทพ คนตายข้ายังช่วยให้ฟื้นคืนชีพได้นับประสาอะไรกับเจ้าที่ยังไม่ตาย!”
น้ำเสียงที่ห้าวหาญกลับเต็มไปด้วยความตระหนกและหวาดกลัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ข้างตัวนาง มีขวดยาวางอยู่เต็มไปหมด นางเทยาทั้งหมดใส่ปากซือมั่วอย่างรวดเร็ว แต่ถึงแม้กินยาทั้งหมดนี้แล้ว อาการซือมั่วก็ยังไม่ดีขึ้นแม้แต่นิดเดียว กลับ ยิ่งเลวร้ายลงเรื่อยๆ
“ไม่…เป็นไปไม่ได้…เหตุใดจึงไม่ได้ผลเลย…” เสียงของมู่ชิงเกอเจือความบ้าคลั่งทั้งหวาดหวั่น
เมื่อเห็นมู่ชิงเกอที่หวาดหวั่นจนแทบเสียสติ ซือมั่วก็ปวดใจยิ่งนัก
กระทั้งร่างกายที่ยับเยิน ยังไม่เทียบเท่ากับอาการปวดใจของเขาในเวลานี้เลย
“เสี่ยวเกอเอ๋อร์อย่าได้เป็นเช่นนี้” ซือมั่วพยายามยกมือ คิดจะลูบหน้ามู่ชิงเกอที่ซีดจนไร้สีเลือด แต่ยกได้เพียงครึ่งทางก็หมดแรงจนร่วงตกลงมา
มือมู่ชิงเกอรับมือที่ตกลงมาของเขาแล้วนำมือของเขามาแนบไว้ที่แก้มตัวเองให้เขารู้สึกถึงความอบอุ่นของตัวเอง
“อามั่ว ข้าขอร้องเจ้า ขอร้องเจ้าอย่ายอมแพ้” สองตามู่ชิงเกอแดงกํ่า นางพยายามฝืนไม่ให้นํ้าตาไหล ลงมา ไม่อยากให้อาการแตกสลายของตัวเองปรากฎขึ้น
ตรงหน้าซือมัว
“ได้” ซือมั่วรับคำอย่างไม่ลังเลแม้แต่นิด เขาจะยอมแพ้ได้อย่างไร เขาจะยอมหักใจทิ้งเสี่ยวเกอเอ๋อร์ของเขาไปได้อย่างไรกัน
ทันใดนั้นนัยน์ตาที่สิ้นหวังของมู่ชิงเกอก็เปล่งประกาย นางพูดอย่างดีใจว่า “ข้ามีวิธีแล้ว ข้ามีวิธีแล้ว อามั่วเจ้าดื่มเลือดของข้า”