Skip to content

พลิกปฐพี 802

ตอนที่ 802

พบสหายเก่าหน้าบ่อบิน

มู่ชิงเกอยังคงจากไป ขณะที่จากไปนั้นนางไม่ได้ไปที่ริมฝั่งแม่น้ำเมิ่งหลานอีก แต่ให้ซือมั่วส่งนางออกไปเลย ส่วนโห่วนั้นหลังจากที่จากไปแล้วก็ไปสมทบกับนาง นอกสิ่งกีดขวาง

ในมหาสมุทรดวงดาว เรืออากาศเคลื่อนที่เองได้ ไม่ต้องให้คนถือหางเสือ เรืออากาศลำใหญ่โตมีเพียงมู่ชิงเกอกับโห่วสองคน

“ฮ่าๆๆ เจ้าไม่รู้ว่าขณะที่พวกนั้นคาดเดาฐานะของเจ้านั้น ท่าทางโง่เง่าแค่ไหน” โห่วหัวร่องอหายอยู่ข้างกายมู่ชิงเกอ

ท่าทางเกินจริงนั้นทำให้ใบหน้าของเขาลดความโหดเหี้ยมลงไปหลายส่วน ดูตลกมากขึ้น

มุมปากมู่ชิงเกอผุดรอยยิ้มขึ้นเล็กน้อยและถามว่า “พวกเขาพูดอย่างไรหรือ”

โห่วเก็บงำเสียงหัวเราะ ทำท่าทำทางเลียนแบบ พวกเจ้าเมืองย่อยเช่นสั่วเซิ่ง บอกมู่ชิงเกอว่า “หากพระชายาเป็นคนเผ่าเทพละก็ยิ่งดีที่สุดเลย แสดงว่าองค์

ราชาพวกเราร้ายกาจ แย่งหญิงงามเผ่าเทพมาได้ ความเก่งกาจของพระชายา อยู่ในเผ่าเทพย่อมไม่ใช่คนไร้ชื่อเสียง คงมีคนหมายปองมากมาย ดอกไม้เผ่าเทพเช่นนี้ กลับถูกองค์ราชาของพวกเราเด็ดไป คงทำให้พวกเผ่าเทพโกรธแค้นยิ่งนัก”

มู่ชิงเกอกลั้นหัวเราะไม่อยู่ ละสายตาที่กำลังมองมหาสมุทรดวงดาวกลับมาที่ร่างของโห่ว “คำพูดเหล่านี้ เจ้าคงแต่งเดิมเข้าไปด้วยกระมัง”

อะไรคือ ดอกไม้เผ่าเทพ นี่เป็นสำนวนการพูดของโห่วชัดๆ

โห่วหัวเราะปากกว้างว่า “ความหมายประมาณนี้ ข้าไม่ได้แต่งเติมอะไรเลย”

มู่ชิงเกอมู่ชิงเกอยิมพลางส่ายหน้า

โห่วทำท่าได้ใจและพูดต่อว่า “น่าเสียดาย ต่อให้พวกเขาไปแผ่นดินเทพเพื่อตามหาเจ้าก็ไม่มีทางพบผู้หญิงเช่นเจ้าในเผ่าเทพ พวกเขาไม่รู้เลยว่า ฐานะของเจ้าในเผ่าเทพนั้นเป็นผู้ชาย เจ้าว่าน่าหัวเราะไหมเล่า”

คำพูดของโห่วทำให้รอยยิ้มที่มุมปากของมู่ชิงเกอกดลึกขึ้น

“ข้าว่าผู้ชายที่เจ้าเลือกคนนั้นก็ใจแคบนัก รู้ว่าตัวเองไม่มีปัญญาเฝ้าอยู่ข้างกายเจ้าก็เล่นตุกติกบนเครื่องมืออำพรางของเจ้า คนที่ตบะบำเพ็ญไม่เท่าเขาจะไม่สามารถมองทะลุม่านบังตาของเครื่องมืออำพรางได้ทำ ให้ฐานะแท้จริงของเจ้าไม่มีใครล่วงรู้เช่นนี้แล้วเขาเลยลดความกังวลไปได้ไม่น้อย ลดคู่แข่งได้มากมาย คิดได้ ลึกซึ้งจริงๆ” โห่วพูดเปิดโปงสิ่งที่ซือมั่วคิดออกมา

แต่มู่ชิงเกอกลับไม่ได้ใส่ใจและไม่แปลกใจ รอยยิ้มที่มุมปากนั้นหมายความว่าอย่างไรคงมีเพียงนางเท่านั้นที่รู้

เห็นนางไม่มีปฏิกิริยาอะไร นัยน์ตาโห่วก็เปล่งประกาย ร้องเสียงหลงว่า “เจ้ารู้ความคิดของเขาตั้งแต่แรกแล้วหรือ”

มู่ชิงเกอยิ้มเรียบๆ เลิกคิ้วเยาะเย้ยว่า “ความคิดที่เจ้ายังดูออกแล้วข้าจะดูไม่ออกหรือ”

มุมปากโห่วกระตุก บ่นพึมพำอย่างหงุดหงิดว่า “แล้วเจ้ายังทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไร ทำเหมือนคิดว่าเขาคิดอ่านเพื่อเจ้าจริงๆ อีก”

มู่ชิงเกอมองไปที่มหาสมุทรดวงดาวอีกครั้ง มหาสมุทรดวงดาวที่ไร้ขอบเขตทำให้อารมณ์ของนางปลอดโปร่ง นางพูดช้าๆ ว่า “ข้าไม่ต้องการให้มีคนมาชื่นชอบ ข้ามีอามั่วคนเดียวก็พอแล้ว ในเมื่อทำเช่นนี้แล้วข้าก็ไม่ต้องมีเรื่องกวนใจ เขาเองก็ไม่ต้องห่วงมาก แล้วเหตุใดข้าจะไม่ชอบใจเล่า”

โห่วเบิกตาโตมองมู่ชิงเกอ สะท้านใจในคำพูดของนาง

เขาคิดอยู่ตลอดเวลาว่าซือมั่วรักเอาใจใส่มู่ชิงเกอ แต่วันนี้เขาพลันรู้สึกขึ้นมาว่า มู่ชิงเกอเองก็รักและเอาใจใส่ซือมั่วมากเหมือนกัน ทั้งคู่ต่างรักและเอาใจใส่อีก ฝ่ายหนึ่ง

คนหนึ่งรักเอาใจใส่อย่างเปิดเผย อีกคนรักเอาใจใส่อย่างเงียบเชียบ

ทันใดนั้น โห่วก็เริ่มไม่อยากคุยต่อ

เพราะเขารู้สึกว่า หากคุยกันเช่นนี้ต่อไปจะทำร้ายตัวเองอย่างรุนแรง

โห่วจึงไม่พูดอีก มู่ชิงเกอเองก็ชอบความเงียบสงบ ชื่นชมทิวทัศน์มหาสมุทรดวงดาวต่อไป

ทันใดนั้นนางก็พลันเกิดลางสังหรณ์อะไรบางอย่าง ทำให้ดวงตานางเปล่งประกาย เปลี่ยนทิศทางการแล่นของเรืออากาศทันที

เรืออากาศไม่ได้แล่นไปทางแผ่นดินเทพตะวันออก แต่เปลี่ยนทิศทางแล่นไปยังทางใต้แทน

โห่วทำตาปริบๆ ถามว่า “ไม่ใช่จะกลับแผ่นดินเทพตะวันออกหรือ เหตุใดแล่นไปทางใต้เล่า”

“ข้าอยากไปดูที่บ่อบิน” มู่ชิงเกอตอบ

“ไปบ่อบิน ไปทำอะไรที่นั่น ไม่ใช่แค่บ่อหนึ่งเท่านั้นหรือ” โห่วพึมพำอย่างไม่เข้าใจ

แต่เขาเพิ่งพูดจบก็นึกขึ้นมาได้อธิบายการ กระทำที่ผิดปกติของมู่ชิงเกอออกมาอย่างสมเหตุสมผลว่า “เจ้าคงรู้สึกได้ว่า มีคนที่เกี่ยวข้องกับเจ้ากำลังจะบินขึ้นมาแล้วสินะ”

มู่ชิงเกอพยักหน้านิดๆ น้ำเสียงไม่แน่ใจนัก “ข้าเพียงเกิดความรู้สึกอย่างแรงกล้าว่าอยากไปดูที่นั่น ข้าไม่รู้ว่านี่เป็นลางบอกเหตุอะไรหรือไม่”

“อืม มีความเป็นไปได้ เจ้าเข้าสู่ขั้นศักดิ์สิทธิ์ชั้นที่หกแล้ว การรับรู้เกี่ยวกับวิถีลึกซึ้งขึ้นเรื่อยๆ ย่อมสามารถรับรู้สิ่งที่เกี่ยวข้องกับเจ้าได้บ้าง” โห่วโคลงศีรษะอธิบาย

มู่ชิงเกอกะพริบตาไม่ได้ถามต่อ

จะคิดมากไปหรือไม่ พอไปถึงบ่อบินแล้วก็คงรู้เอง

ที่นางอยากถามเป็นอีกเรื่อง “เทพมารสองเผ่า เมื่อบำเพ็ญถึงขั้นถํ้าวิญญาณแล้วก็ต้องอาศัยการรับรู้วิถีพลังกฎบัญญัติเพื่อเลื่อนระดับบำเพ็ญ แล้วเผ่าอสูรเล่า”

“เผ่าอสูรไม่ต้อง ไม่ต้องยุ่งยากเช่นนั้น เพียงแค่โอกาสมาถึงก็สามารถทะลวงขอบเขตได้” โห่วบอก

มู่ชิงเกอกะพริบตาอย่างแปลกใจ “โอกาสมาถึง ง่ายเช่นนี้เชียวหรือ”

โห่วมุมปากกกระตุก “ง่ายอะไรกัน การที่เผ่าอสูรสามารถบำเพ็ญขึ้นมาได้เพราะสวรรค์เมตตาจริงๆ ไม่ต้องยุ่งยากมากนัก แต่ก็ถูกกำหนดไว้แล้วว่าไม่อาจกลายเป็นยอดฝีมือสูงสุดได้ เช่นตัวข้าที่อยู่มานานหลายปี สายเลือดเป็นหนึ่งไม่มีสอง แต่ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ผู้ชายของเจ้าอยู่ดี”

พอเขาพูดเช่นนี้ มู่ชิงเกอก็เข้าใจ

เผ่าอสูรแม้ได้รับพลังจากการสืบทอดสายเลือด จนบำเพ็ญเลื่อนขั้นได้เรื่อยๆ ถึงแม้จะเร็วจะแข็งแกร่ง แต่ไม่สามารถบรรลุถึงขั้นสุดยอดได้

มิน่าตำนานยอดฝีมือแผ่นดินเทพมารที่บำเพ็ญไปจนถึงจุดสุดยอดจึงมีเพียงเผ่าเทพมารสองเผ่าเท่านั้น ราวกับว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับเผ่าอสูรเท่าไรนัก

เรืออากาศมุ่งหน้าไปยังบ่อบินในมหาสมุทรดวงดาว

บ่อบินที่มู่ชิงเกอจะไปนั้น เป็นบ่อบินที่นางขึ้นมาแต่แรก ส่วนบ่อบินที่แผ่นดินเทพใต้ นางไม่เคยไป จึงรู้สึกว่าบ่อบินนั้นไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับนางสัก เท่าไร

ในเวลาเดียวกันนั้นในบ่อบินที่อยู่ระหว่างแผ่นดินเทพตะวันตก แผ่นดินเทพตะวันออกและแผ่นดินเทพเหนือ มีเงาร่างหลายคนกำลังทะลุผ่านบ่อบินด้วยความเร็วสูง เข้าใกล้แผ่นดินเทพมารเข้ามาเรื่อยๆ

พวกเขาหลายคนนี้ เป็นคนอายุน้อยสามคนที่พกพาความคาดหวังต่อแผ่นดินเทพมาร ทั้งยังเพื่อนเก่าที่อยากพบกันอีก ความสงสัยต่ออนาคตที่ยังไม่รู้พวกเขา พยายามกันมานานจนสามารถเข้าสู่ดินแดนที่ผู้คนต่างฝันใฝ่ได้แล้ว

ที่สำคัญที่สุดคือที่นี่มีสหายของพวกเขาอยู่!

แต่นอกจากสามคนนี้แล้ว ยังมีอีกหนึ่งคนที่ร่วมทางมาด้วยกัน สีหน้าเขาค่อนข้างเครียด บ่งบอกถึงความคิดหนักอกอันมากล้น

“เจ้าสำนัก ท่านคิดอะไรอยู่หรือ” จีเหยาฮั่วเอียงคอไปเห็นท่าทางหน้านิ่วคิ้วขมวดของเจ้าสำนักวิถีโอสถ จึงเปิดปากถาม

เจ้าสำนักวิถีโอสถเก็บงำความคิด หันมองเขา แล้วค่อยๆ ส่ายหน้า “ไม่มีอะไร”

เขาไม่ยอมบอก จีเหยาฮั่วเองก็ไม่อยากฝืน

หลังจากเลิกถามแล้ว จีเหยาฮั่วก็มองอิ๋งเจ๋อกับเว่ยมั่วลี่ นัยน์ตาของคนทั้งสามต่างเต็มไปด้วยความหวังต่อแผ่นดินเทพมาร

เมื่อเห็นท่าทีของพวกเขาแล้ว เจ้าสำนักวิถีโอสถจึงลอบถอนหายใจแล้วส่ายหน้าเงียบๆ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version