ตอนที่ 813
นับถือราชาเทวะน้อยมู่
เพี๊ยะ เพี๊ยะ!
เสียงตบหน้าดังสองที ราวกับดังออกมาจากใบหน้าของเหยียนเสี่ย
แน่นอน ไม่มีใครไปตบหน้าเขา
แต่เขาเกิดความรู้สึกเช่นนี้เพียงเพราะคำพูดของชูเนี่ยน สะกดไฟกำเริบเสิบสานของเขาลงไปจนหมดสิ้น แต่ก่อนนี้เขายังหยิ่งทะนงตัว พูดอวดอ้างว่าในบรรดา ราชาเทวะน้อยทั้งหลาย มีเพียงเขากับหมิงถงที่เป็นขั้นศักดิ์สิทธิ์ คนอื่นยากที่จะเทียบเคียงได้
แต่ชูเนี่ยนกลับบอกกับเขาว่า มู่ชิงเกอนั้นเข้าขั้นศักดิ์สิทธิ์ก่อนเขาเสียอีก อีกทั้งนอกจากมู่ชิงเกอแล้วนางเองก็เป็นขั้นศักดิ์สิทธิ์ด้วย
คำพูดเหล่านี้คือเสียงตบหน้าดัง ‘เพี๊ยะ!’
ประกายตาเป่ยเหยียนสว่างวาบขึ้น มองมู่ชิงเกอแล้วพูดว่า “ที่แท้ ท่านนี้ก็คือราชาเทวะน้อยดินแดนฮ่วนเยวี่ย ได้ยินชื่อเสียงท่านมานานแล้ว!”
มู่ชิงเกอยิ้มน้อยๆ พูดเช่นเดียวกันว่า “ชื่อเสียงโด่งดังของพี่เป่ยเหยียนข้าเองก็เคยได้ยินมาก่อน”
“ฮึ” เหยียนเสี่ยแค่นเสียงออกมา มองพวดมู่ชิงเกอทั้งสี่คนด้านนี้ด้วยแววตาเย็นเฉียบ
เวลานี้สามคนที่เดินตามหลังเขานั้นก็ค่อยๆ เดินห่างออกไปเงียบๆ สองก้าวเพื่อเว้นระยะห่าง พวกเขาไม่อยากให้คนเข้าใจผิดว่าเป็นพวกเดียวกับเหยียนเสี่ย
ถึงอย่างไร ด้านนี้มีเหยียนเสี่ยเพียงคนเดียวที่เป็นขั้นศักดิ์สิทธิ์ แต่ด้านสี่คนนั้นมีขั้นศักดิ์สิทธิ์ตั้งสามคน!
การเคลื่อนไหวของคนทั้งสาม เหยียนเสี่ยย่อมรู้สึกถึง
เรื่องนี้เขาย่อมไม่พอใจอย่างยิ่ง แต่ไม่กล้าแสดงออก เพราะถึงอย่างไรต่างก็เป็นราชาเทวะน้อยเหมือนกัน หากทำเกินไป เกรงว่าจะเป็นการผลักไสสามคนนี้อย่างถึงที่สุด
สายตาเหยียนเสี่ยจับจ้องกลุ่มมู่ชิงเกอสี่คนอย่างเคร่งเครียด ความคิดหมุนวนไปมา
สุดท้ายแล้วเขาก็เอ่ยกับชูเนี่ยนว่า “องค์หญิงชูเนี่ยน เจ้าเป็นราชาเทวะน้อยดินแดนอู๋หวา ทั้งเป็นบุตรสาวราชาเทวะ ฐานะสูงส่งเช่นนี้ เหตุใดจึงไปสุงสิงกับคนเสเพลเช่นนี้ เกรงว่าจะส่งผลเสียต่อชื่อเสียงของเจ้า อีกทั้งเวลานี้เจ้าก็อยู่ขั้นศักดิ์สิทธิ์แล้ว ทั้งเป็นที่เคารพนับถือของผู้คน หากมีเรื่องไม่ดีแพร่ออกไป อาจมีคนแอบดีใจ ส่วนเจ้าจะต้องรับคำนินทาจากผู้คนเท่านั้นแล้ว”
มู่ชิงเกอเลิกคิ้ว คิดในใจว่า ‘เจ้านี่ต้องการมายุให้ความสัมพันธ์ของข้ากับชูเนี่ยนแตกแยกหรือ’
“ขอบคุณราชาเทวะน้อยเหยียนเสี่ยที่เป็นห่วง ข้าชอบอิงอยู่ข้างกายชิงเกอ ไม่ว่าคนภายนอกจะเห็นเป็นอย่างไรล้วนไม่เกี่ยวกับข้า” ชูเนี่ยนพูดจบ นิ้วอ่อนช้อย
ราวกับไร้กระดูกสิบนิ้วก็เข้าคว้าที่แขนของมู่ชิงเกอทันที
การกระทำที่กล้าหาญชาญชัยของนางทำให้คนทั้งหมดตื่นตะลึง แววตาที่มองมู่ชิงเกอเปลี่ยนแปลงไปหลายส่วน
สายตาที่ตกอยู่บนร่างมู่ชิงเกอมีทั้งสะท้านใจ มีทั้งนับถือ มีทั้งอิจฉาชื่นชม มีทั้งครุ่นคิดลึกซึ้ง
เป่ยเหยียนชะงักแล้วส่ายหน้าหัวเราะ เขาประสานมือคารวะมู่ชิงเกอ “พี่มู่ องค์หญิงชูเนี่ยนเป็นผู้ที่ชายหนุ่มหล่อเหลามากความสามารถไม่รู้ตั้งเท่าไรใน แผ่นดินเทพทั้งสี่สมุทรของพวกเราหมายปอง ยามนี้ปฏิบัติต่อท่านเช่นนี้ช่างเป็นวาสนาของพี่มู่แท้ๆ ทีเดียว!”
มู่ชิงเกออมยิ้มพลางพยักหน้า “ใช่แล้ว ข้าเองก็รู้สึกว่าชูเนี่ยนเป็นผู้อุปถัมภ์ของข้า”
คำพูดของนางนั้น ไม่ได้ยกย่องเกินจริงแม้แต่นิด ทั้งไม่ได้พูดโดยไม่คิดอะไร
หากไม่มีชูเนี่ยน นางคงไม่มีโอกาสได้ไฟนิพพานมาแน่นอน ยิ่งไม่สามารถเข้าถึงขั้นศักดิ์สิทธิ์ได้รวดเร็วเช่นนี้ และที่ยิ่งกว่านั้นนางยังได้รับการสนับสนุนจากเผ่าเฟิ่งหวงด้วย
นับรวมทั้งหมดนี้ชูเนี่ยนใช่เป็นผู้อุปถัมภ์ของนางหรือไม่ คำตอบของมู่ชิงเกอทำให้แววตาชูเนี่ยนผุดความเอียงอาย ส่วนเป่ยเหยียนก็พยักหน้าสะท้อนใจ “เช่นนั้นข้าก็ ขออวยพรท่านทั้งสองแล้ว”
อืม เขาเข้าใจอะไรผิดไปไหมนะ
ไม่เป็นไร ปล่อยให้พวกเขาเข้าใจผิดต่อไปเถอะ
ชูเนี่ยนหันหลังให้คนอื่น แลบลิ้นให้มู่ชิงเกออย่างขี้เล่น
นัยน์ตาส่งประกายเจ้าเล่ห์
“องค์หญิงชูเนี่ยน คนผู้นี้มีภรรยาแล้ว” เหยียนเสี่ยเตือนเสียงเครียด
สีหน้าเขาน่าเกลียดมาก ไม่ใช่ว่าเขาชอบชูเนี่ยน เพียงแต่ทนไม่ได้ที่มู่ชิงเกอได้ประโยชน์ อย่างไรก็ตามมู่ชิงเกอต้องตกที่นั่งลำบากเขาจึงจะชอบใจ
ชูเนี่ยนกลับพูดว่า “ข้ารู้นั่นเป็นภรรยาที่โลกข้างล่าง แม้ชิงเกอบินขึ้นมาแล้ว แต่ยังคงไม่ลืมภรรยาเก่า ช่างเป็นผู้ที่เห็นแก่คุณธรรมไมตรีลึกซึ้งเพียงใดกัน”
เอ่อ…
ทุกคนเงียบ สีหน้าพิลึก
แม้แต่สามคนข้างหลังเหยียนเสี่ยเองก็มองไปทางมู่ชิงเกอด้วยสายตานับถือ
ผู้ชายคนหนึ่งสามารถทำให้ผู้หญิงข้างกายเข้าใจถึงความรักของตัวเอง การยอมรับให้สาวงามห้อมล้อมเช่นนี้ เป็นเรื่องที่เหล่าชายทั้งหมดต่างใฝ่หา
พวกเขาทำไม่ได้ แต่มู่ชิงเกอทำได้!
พวกเขาอยากแก้ไขความคิดของชูเนี่ยนเสียจริง ‘หากเห็นแก่คุณธรรมไมตรีลึกซึ้งจริง แล้วยังมีองค์หญิงอย่างท่านไว้ทำอะไร เห็นชัดว่ามากรักแล้วยังวางทำเป็นนักรักจริงใจ’
“ฮ่าๆ” เป่ยเหยียนหัวเราะเคอะเขิน ประสานมือให้มู่ชิงเกออีกว่า “พี่มู่ นับถือ นับถือ”
พอเขานำแล้ว คนอื่นอีกสามคน นอกจากเหยียนเสี่ยที่ถูกไฟริษยาเผาผลาญ กับหมิงถงที่ยังคงเงียบสงบอยู่ แล้วต่างประสานมือให้มู่ชิงเกอ “นับถือ นับถือ!”
“หามิได้ หามิได้” มู่ชิงเกอยิ้มด้วยความขบขัน ตอบรับตามมารยาท
ด้านนี้รื่นเริงกันดี ทำให้เหยียนเสี่ยถูกทิ้งอยู่วงนอก แน่นอนที่นิ่งสงบคือหมิงถง แต่ไม่มีใครมองข้ามหมิงถง
มู่ชิงเกอมาเกาะโหลวหลานเป็นครั้งแรกจะต้อง ‘ชุมนุม’ กันอย่างไรนั้น นางยังไม่รู้
นางรู้เพียงว่า ที่นี่มีโอกาสได้อาบแสงแห่งวิถีอีกครั้ง
ยังมีอีก นางกับเหยียนเสี่ยยังต่อสู้กันไม่จบ อีกทั้งนางยังต้องตามหาคนที่ไล่สังหารนางเมื่อครั้งอยู่ที่แผ่นดินเทพตะวันตก
เหยียนเสี่ยสูดลมหายใจลึกๆ มองมู่ชิงเกอด้วยสายตาเหี้ยมเกรียม ปากเม้มแน่นจนเป็นเส้นตรง หน้าตาบึ้งตึง เขาคิดในใจว่า ‘ได้ใจไปสิ ทำไปเลย ขั้นศักดิ์สิทธิ์แล้วจะทำไม ข้าเองก็ขั้นศักดิ์สิทธิ์ ครั้งนี้ข้าจะต้องเหยียบเจ้าให้แบนคาเท้า’
คนยังมาไม่ครบ งานจริงย่อมยังไม่ได้เริ่ม
เวลานี้ มีแสงสามสายจากขอบฟ้ามุ่งมาทางนี้ เมื่อตกลงก็กลายเป็นร่างคน
“ที่แท้พวกเจ้าอยู่ที่นี่กันหมด” ทั้งสามคนที่เดินเข้ามา คนแรกเอ่ยปากขึ้นก่อน
พอเขาเอ่ยปาก ตาดำมู่ชิงเกอก็หดตัวลงทันที ประกายดุดันสาดประกายแวบหนึ่ง มุมปากอมยิ้มนิดๆ สองตาหรี่ลงเล็กน้อย
“นี่คือราชาเทวะน้อยดินแดนเส้าเทียน ราชาเทวะน้อยดินแดนกู่เฟิ่งและเซวียนเช่อ คนที่เพิ่งเอ่ยปากก็คือจื้อลู่ ราชาเทวะน้อยดินแดนเส้าเทียน” ชูเนี่ยนกระซิบบอกมู่ชิงเกอ
“จื้อลู่?” มู่ชิงเกอค่อยๆ เบนสายตามองไปที่สามคนนั้น พอดีกับที่จื้อลู่ราชาเทวะน้อยเส้าเทียนก็กำลังมองมาเหมือนไม่ได้ตั้งใจเช่นกัน สายตาทั้งคู่ปะทะกันกลาง อากาศ
มู่ชิงเกอเห็นชัดเจนถึงความดูแคลนและเหี้ยมโหดที่เขาซ่อนอยู่ในแววตา
‘ไม่ผิดแน่! เขานี่เอง! เขาก็คือคนในครั้งนั้น!’ มู่ชิงเกอเอ่ยยืนยันในใจ
เวลานี้ใจนางเปรมปรีดิ์อย่างยิ่ง เพราะคนที่ควรมาก็ล้วนมากันหมดแล้ว ทำให้นางลดความยุ่งยากไปได้มาก
“ในเมื่อทุกคนต่างมากันครบแล้ว พวกเราก็เริ่มเลยเถอะ รีบตัดสิน พวกเราจะได้รีบๆ อาบแสงแห่งวิถีและรีบกลับไปยังแผ่นดินเทพทั้งสี่สมุทร” เป่ยเหยียนเอ่ยปากพูด พูดแล้วเขายังมองพวกจื้อลู่สามคน ยิ้มและพูดว่า “ได้ ยินว่ากองทัพเผ่ามารส่งทหารนับล้านมาประจำการที่แผ่นดินเทพตะวันตกด้วยนี่”