Skip to content

พลิกปฐพี 812

ตอนที่ 812

ตบหน้าเหยียนเสี่ย เพี๊ยะ เพี๊ยะ เพี๊ยะ!

คุยเรื่องจริงจังจบแล้วทั้งคู่ก็สบตากันและยิ้ม

ความรู้ใจจากการผูกพันธสัญญาเป็นตายผุดขึ้นจากภายในจิตใจ

“ชิงเกอ เจ้าเสียใจที่ผูกพันธสัญญาเป็นตายกับข้าหรือไม่” ชูเนี่ยนถามขึ้นทันใด

มู่ชิงเกอชะงักแล้วสั่นศีรษะนิดๆ “เหตุใดจึงถามเช่นนี้”

ชูเนี่ยนเม้มปากนิ่งราวกับโทษตัวเองนิดๆ สำหรับนางแล้ว การผูกพันธสัญญาเป็นตายกับมู่ชิงเกอ ผูกชีวิตทั้งคู่ติดกันเป็นความเห็นแก่ตัวของนาง มู่ชิงเกอคงอยากปฏิเสธความสัมพันธ์นี้

เห็นนางนิ่ง มู่ชิงเกอก็ยิ้มว่า “เผ่าเฟิ่งหวงมีชื่ออีกอย่างหนึ่งว่านกอมตะ อายุขัยยืนยาวไม่สิ้นสุด การนิพพานแต่ละครั้งก็เท่ากับเกิดใหม่ สามารถมีชีวิตอยู่ตั้งแต่ยุคบรรพกาลตราบจนนิรันดร์ ข้าได้ร่วมชีวิตกับเจ้า เป็นการได้ประโยชน์อย่างมหาศาล อีกทั้งไฟนิพพาน ราชาเฟิ่งเองก็ยังเตรียมของวิเศษในการต้านทานให้เจ้า ความจริงจะมีความช่วยเหลือจากข้าหรือไม่นั้นก็ไม่ได้มีความหมาย แต่เจ้าก็ยังทำเช่นนี้ ทำให้ข้าได้รับประโยชน์ เข้าถึงขั้นศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยังรับรู้หลักวิถีเป็นตายได้อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น ผลประโยช,นได้รับไปแล้วมากมาย แล้วข้าจะเสียใจได้อย่างไร”

ชูเนี่ยนฟังคำพูดนางจนจิตใจโปร่งโล่งทันที

นางมองมู่ชิงเกอแล้วยิ้ม “เจ้าไม่โทษข้า ข้าก็ดีใจแล้ว”

“เด็กโง่ ไม่ต้องไปคิดอะไรมากหรอก” มู่ชิงเกอหัวเราะ ชูเนี่ยนรู้ความจริงแล้วว่าตัวเองเป็นหญิง ทำให้คำพูดของมู่ชิงเกอนั้นไม่ได้ระมัดระวังถึงเพียงนั้นแล้ว

ชูเนี่ยนหัวเราะ มองนางอย่างขบขัน “ทั้งๆ ที่ข้าอายุมากกว่าเจ้าตั้งมากมาย เจ้ากลับเรียกข้าว่าเด็กโง่”

มู่ชิงเกอพูดนิ่งๆ ว่า “อายุจะนับเป็นอะไรได้ ต้องดูที่นิสัย”

“ดีนี่ เจ้าหาว่าข้านิสัยเด็กหรือ” ชูเนี่ยนทำท่าแง่งอน

“เปล่า ไม่ใช่เช่นนั้นเลย” มู่ชิงเกอรีบปฏิเสธ

ขณะที่ทั้งคู่กำลังคุยเล่นกันก็มีเสียงแทรกเข้ามาในเวลานี้ “นึกไม่ถึงว่าราชาเทวะน้อยดินแดนฮ่วนเยวี่ย จะเป็นคนเจ้าสำราญมากรักเหมือนกัน พบกันครั้งก่อน ยังมีภรรยาและศิษย์พี่คนงามอยู่ข้างๆ พบกันครั้งนี้ก็สนิทสนมร้อนแรงกับองค์หญิงดินแดนอู๋หวาเช่นนี้แล้ว”

เสียงนี้แฝงด้วยการดูถูกดูแคลน วาจาเสียดแทง เห็นชัดว่าต้องการมาหาเรื่อง

รอยยิ้มบนใบหน้ามู่ชิงเกอกับชูเนี่ยนจางหายไปทันที หันไปมองคนที่มาพร้อมกัน

ผู้เป็นหัวหน้าก็คือคู่ปรับเก่าของมู่ชิงเกอ เหยียนเสี่ย ราชาเทวะน้อยดินแดนจั๋วอวี่นั่นเอง

ส่วนสามคนที่ตามหลังเขามานั้นมู่ชิงเกอยังไม่เคยพบ

ชูเนี่ยนขยับเข้ามาที่ข้างกายมู่ชิงเกอแล้วถ่ายทอดเสียงว่า ‘หัวหน้าก็คือเหยียนเสี่ย เจ้าเคยประมือกับเขาคงจะรู้จักแล้ว คนที่ตามหลังมาคือราชาเทวะน้อยดินแดนจินกวงแผ่นดินเทพใต้ ดินแดนสือฟางกับดินแดนเซียนเหนี่ยวแผ่นดินเทพเหนือ ในสิบหกดินแดนเทพ นอกจากดินแดนจื่อกวง ดินแดนเฟิ่งเทียน ดินแดนเฝิ่นไห่กับดินแดนไห่เทียนแล้วต่างมีราชาเทวะน้อย’

มู่ชิงเกอหรี่ตา นางนึกขึ้นได้ว่า ขณะที่นางออกจากดินแดนจื่อกวงนั้นเคยพบกับคนคนหนึ่ง คนคนนั้นน่าจะเป็นราชาเทวะน้อยของดินแดนเทพแห่งใดแห่งหนึ่ง

การปะทะครั้งนั้นนางจำเสียงเขาได้ทั้งยังรายละเอียดอากัปกิริยา ครั้งนี้ไม่รู้จะได้เจอกันที่นี่ไหม หากเขามามู่ชิงเกอเชื่อมั่นร้อยทั้งร้อยว่าจะต้องจำเขาได้และ ได้รู้ชัดถึงฐานะเขา

ครั้งนี้จะได้ให้นางเก็บดอกเบี้ย จัดการชำระความแค้นที่สมควรทั้งหมดไปด้วยกันเสียเลย

ยังมีอีก คำพูดของชูเนี่ยนหมายถึงว่าในสิบหกดินแดนเทพ มีสิบสองดินแดนเทพที่แต่งตั้งราชาเทวะน้อย หรือหมายความว่าคนมาที่นี่มีทั้งหมดสิบสองคน

เวลานี้ ที่ยืนอยู่ที่นี่มีหกคน มาแล้วครึ่งหนึ่ง ยังมีอีกหกคนไม่เห็นวี่แวว

“ที่แท้ก็ราชาเทวะน้อยเหยียนเสี่ยนี่เอง สบายดีหรือ ได้ยินว่าดินแดนจั๋วอวี่เกิดเรื่องขึ้นเล็กน้อย ราชาเทวะจั๋วอวี่โชคร้ายสิ้นชีพ ขอให้พี่เหยียนเสี่ยโปรดระงับความเศร้าโศกด้วย”

แววตาเหยียนเสี่ยเครียดลง เกิดแสงแวววับกระเพื่อมอยู่ภายใน

สามคนที่ตามหลังต่างสบตากัน พวกเขาไม่ได้เป็นลูกน้องเหยียนเสี่ย เพียงแต่ดินแดนจั๋วอวี่เวลานี้ ราชาเทวะสิ้นชีพ เหยียนเสี่ยมีโอกาสสูงที่จะได้เป็นราชาเทวะก่อนเพื่อนจึงทำได้เพียงยกย่องเอาใจเท่านั้น

แน่นอนว่าชื่อเสียงเหยียนเสี่ยที่เคยเป็นราชาเทวะน้อยที่แข็งแกร่งที่สุดก็ยังคงมีอานุภาพอยู่

“ได้ยินว่าระยะนี้ดินแดนจั๋วอวี่เกิดความขัดแย้งมากมาย เพราะตำแหน่งราชาเทวะ ช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ พี่เหยียนเสี่ยยังมาที่นี่ได้ช่างเกินความคาดหมายยิ่งนัก”

คนที่พูดประโยคนี้ไม่ใช่มู่ชิงเกอ

มู่ชิงเกอมองคนที่ลงมาทั้งสองแล้วเลิกคิ้วขึ้น

คนหนึ่งนั้นนัยน์ตาเจือสีฟ้า นัยน์ตาเช่นนี้นางเคยเห็นในคนผู้เดียวเท่านั้นนั้นก็คือราชาเทวะจงซาน! ว่ากันว่า นัยน์ตาเช่นนี้เกิดจากการฝึกวิชาพิเศษของดินแดนจง ซาน เช่นนี้แล้วคนที่พูดนี้ก็คือเป่ยเหยียนราชาเทวะน้อยดินแดนจงซาน

เช่นนั้น ในเมื่อเขาคือเป่ยเหยียน แล้วคนที่อยู่ข้างเขาเป็นใครกัน

หรือว่าเป็นชิวเยวี่ย ราชาเทวะน้อยดินแดนเหว่ยอี้

มู่ชิงเกอกำลังคิดเช่นนี้ก็ได้ยินเป่ยเหยียนเอ่ยว่า “ไม่เหมือนพี่ชิวเยวี่ย ราชาเทวะพวกเขาก็สิ้นชีพจึงมีกิจธุระมากมายในดินแดน เขาจึงต้องทิ้งงานชุมนุมในครั้งนี้ไป”

‘ที่แท้คนผู้นั้นไม่ใช่ชิวเยวี่ย’ มู่ชิงเกอคิดในใจ พร้อมกันนั้น นางก็คิดอีกว่า ‘ชิวเยวี่ยไม่มา ไม่ใช่จะน้อยลงไปอีกคนหรือ เวลานี้มีอยู่แล้วแปดคน ก็คงเหลือสามคนที่ยังไม่ปรากฎตัว’ หนึ่งในนั้น รวมคนที่นางเจอที่แผ่นดินเทพตะวันตกครั้งนั้นด้วย

“เป่ยเหยียน ข้ายังว่าเหตุใดนับวันเจ้ายิ่งไม่เห็นข้าอยู่ในสายตา ที่แท้ก็ไปถือหางหมิงถงนี่เอง” เหยียนเสี่ยพูดด้วยใบหน้าเคร่งเครียด

“ฮ่าๆๆ…” เป่ยเหยียนหัวเราะขึ้นมา ไม่ได้อับอายจนโกรธแค้นจากคำพูดของเหยียนเสี่ย “ข้ากับพี่หมิงถงไปมาหาสู่ประจำจะไปถือหางอะไรได้”

‘นี่ก็คือหมิงถง?’ มู่ชิงเกอแอบพิจารณาหมิงถงที่นิ่งสงบมาตลอด

เขายืนอยู่หลังเป่ยเหยียน ดูเงียบมาก ใบหน้าท่าทางเรียบร้อย ดูเหมือนไม่มีพิษมีภัยแม้แต่นิด แต่กลับเป็นถึงยอดฝีมือขั้นศักดิ์สิทธิ์คนหนึ่ง

ขณะที่มู่ชิงเกอแอบพิจารณาเขาอยู่ เขาก็หันมองมู่ชิงเกออย่างกะทันหัน

“ฮึ ในกลุ่มราชาเทวะน้อยเวลานี้ มีเพียงข้ากับหมิงถงที่เป็นขั้นศักดิ์สิทธิ์ เจ้าไม่ถูกกับข้ามาตลอด เกรงว่าข้าจะเอาเรื่องจึงไปอยู่ข้างหมิงถงกระมัง” เหยียนเสี่ยหัวเราะเยาะเย้ย

ท่าทางนั้นเทียบกับแต่ก่อนแล้วดูยโสโอหังมากขึ้นราวกับการเป็นขั้นศักดิ์สิทธิ์ทำให้ตัวเขาเบาหวิว

“ใครว่าในกลุ่มพวกเรามีขั้นศักดิ์สิทธิ์เพียงสองคน” ชูเนี่ยนเอ่ยขึ้นกะทันหัน

พอนางพูดออกมาก็ทำให้คนอื่นๆ ล้วนประหลาดใจ โดยเฉพาะเหยียนเสี่ยที่มีสีหน้าน่าเกลียดนัก เขาพูดเสียงเครียดว่า “ทุกคนต่างรู้ว่าขั้นศักดิ์สิทธิ์เวลานี้มีเพียง

พวกเราสองคน”

“พี่เหยียนเสี่ยไม่ต้องตื่นเต้นหรอก” เป่ยเหยียนพูดเรียบๆ แววตาเขาชักเริ่มสนุกพูดกับชูเนี่ยนว่า “องค์หญิงชูเนี่ยน ไม่พบกันนานแล้วสบายดีหรือ ไม่ทราบว่าที่องค์หญิงพูดมานี้หมายความว่าอย่างไร”

มุมปากชูเนี่ยนยกขึ้น มองเหยียนเสี่ยด้วยแววตาเย้ยหยันนิดๆ “ตามที่ข้ารู้ ราชาเทวะน้อยมู่ดินแดนฮ่วนเยวี่ยข้างๆ ข้านี้ก็เข้าสู่ขั้นศักดิ์สิทธิ์มาสองปีกว่าแล้ว”

อะไรนะ!

ดวงตาทุกคนเบิกกว้างสีหน้าเปลี่ยนไป แม้แต่เป่ยเหยียนเองก็เช่นเดียวกัน สีหน้าเหยียนเสี่ยยิ่งน่าเกลียดมากขึ้น เขาเพิ่งเข้าขั้นศักดิ์สิทธิ์มาเพียงปีเดียวเท่านั้น

หมิงถงที่เงียบสงบมองไปที่มู่ชิงเกอ

คำพูดชูเนี่ยนยังไม่จบลงเพียงเท่านี้นางยิ้มแล้วพูดต่อว่า “ส่วนข้าก็เข้าขั้นศักดิ์สิทธิ์แล้วเช่นกัน’’

เพี๊ยะ เพี๊ยะ!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version