ตอนที่ 753
ที่แท้เจ้าเป็นผู้หญิง
“ข้าไม่กลัว” ชูเนี่ยนตอบโดยไม่ลังเลแม้เพียงนิดเดียว
มู่ชิงเกอไม่โง่ ถึงแม้มีบางคำพูดที่ชูเนี่ยนไม่ได้พูด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่านางไม่รู้ สองตานางหรี่ลง มองชูเนี่ยนแล้วพูดว่า “ชูเนี่ยน เผ่าเฟิ่งหวงถูกเรียกว่านกอมตะ อายุขัยยาวนักหนา หากเจ้ามีพันธสัญญาความเป็นความตายกับข้าจะถูกอายุขัยของข้าส่งผลกระทบเอาได้”
ชูเนี่ยนกลับยิ้มอย่างเบิกบาน บอกมู่ชิงเกอว่า “ข้าเชื่อมั่นในตัวเจ้า เมื่อเจ้าเข้าถึงขั้นศักดิ์สิทธิ์แล้ว อายุขัยของเจ้าก็ไม่สั้นอีกต่อไป ดังนั้นจึงไม่มีผลใดๆ ต่อข้า”
มู่ชิงเกอมองนางอย่างจริงจัง ถามเสียงเครียดว่า “ชูเนี่ยน เจ้ารู้หรือไม่ว่าพันธสัญญาความเป็นความตายนั้นหมายความว่าอะไร มันหมายความว่าต่อไปชีวิตของเจ้ากับข้าจะต้องผูกติดกันนะ”
‘นี่ไม่ใช่สิ่งที่ข้าต้องการหรือ’ ชูเนี่ยนคิดในใจ
คำพูดมู่ชิงเกอทำให้ชูเนี่ยนพูดว่า “ข้าไม่ปฏิเสธความสัมพันธ์เช่นนี้หรือว่าเจ้ารังเกียจข้า”
นางสูดลมหายใจลึกๆ แล้วบอกมู่ชิงเกอว่า “ชิงเกอ ข้ารู้ว่าเจ้าเพิ่มพูนความแข็งแกร่งของเจ้าตลอดเวลา โอกาสครั้งนี้หายาก เจ้ากับข้าล้วนได้สิ่งที่ต้องการ”
พูดจบ นางก็คิดในใจว่า ‘เจ้าวางใจได้ข้าจะไม่ทำให้เจ้ามีอันตรายใดๆ หากข้าไม่สามารถผ่านด่านไปได้จริงๆ ข้าก็จะผลักเจ้าออกจากไฟนิพพานในช่วงสุดท้าย’
“ชูเนี่ยน” มู่ชิงเกอรำพันด้วยคิ้วขมวดเล็กน้อย
ชูเนี่ยนกลับเข้ามาใกล้นางกะทันหันแล้วกระซิบว่า “ตกลงเช่นนี้แล้วกัน เรื่องนี้ให้ราชาเฟิ่งรู้ไม่ได้ ข้าจะกลับไปก่อน พอข้ารับรู้ว่าไฟนิพพานใกล้จะตื่นแล้ว ข้าก็จะมาหาเจ้า ในหลายวันนี้เจ้าอย่าได้ไปไกล ให้รออยู่ที่นอกป่าหวูถง”
พูดจบนางก็หมุนตัวไปจากมู่ชิงเกอ มุ่งหน้าไปยังทหารนกหลวน
มู่ชิงเกอคิดจะเรียกนาง แต่คำพูดที่ริมฝีปากกลับถูกกลืนหายไป เนื่องจากนางปฏิเสธไม่ได้ว่าประโยชน์ของไฟนิพพานนั้นยั่วยวนใจนางอย่างมาก
หลังจากเงาร่างของชูเนี่ยนหายไปจากสายตา พวกมู่ชิงเกอทั้งสองคนแล้ว เสียงหยินเฉินก็ดังขึ้นข้างหูมู่ชิงเกอ “ไฟเฟิ่งหวงกับเลือดมังกรแท้ ชิงเกอเวลานี้เจ้ามี โอกาสได้ไฟเฟิ่งหวงมา จากนั้นหากยังได้เลือดมังกรแท้อีก การมาป่าอสูรเที่ยวนี้ก็นับได้ว่าสมบูรณ์แบบทีเดียว”
มู่ชิงเกอยิ้มน้อยๆ ไม่ได้พูดมาก
นางสูดลมหายใจเข้าลึก รู้สึกสะท้อนใจ นางดูเหมือนมีเวลามากแต่ก็มีธุระมากเกินไป ทุกสิ่งล้วนทับถมลงบนตัวนางทำให้นางไม่เร่งความเร็วไม่ได้
ซือมั่วเคยบอกนางว่าให้นางไปช้าๆ ไม่ต้องรีบ
แต่เวลานี้เกิดเรื่องราวมากมายเช่นนี้ จะให้นางค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปได้อย่างไร อีกทั้งยังมีเรื่องที่เหมือนก้างติดคอที่ทำให้นางวางไม่ลง เช่นเรื่องเคราะห์กรรมเป็นตายของซือมั่ว หรือเรื่องตระกูลมู่ การฟื้นฟูเก้าชั้นฟ้า เคล็ดวิชาเทวะส่วนล่างส่วนที่เหลืออีกสองส่วน เรื่องของเทพโอสถ เรื่องของบรรพชนตระกูลซาง…
แต่ละเรื่อง แต่ละอย่าง ล้วนผลักดันนางให้ขึ้นหน้าไปไม่หยุด นาทีเดียวก็หยุดไม่ได้
“เพียงแต่…” หยินเฉินลังเลนิดหนึ่ง “นิพพานต้องใช้เวลายาวนานเกินไป ปีสองปียังพอไหว หากต้องถึงสิบปี…”
มู่ชิงเกอกลับสั่นศีรษะว่า “ไม่เป็นไร การบำเพ็ญไร้กาลเวลา ข้าถือว่าเดินได้เร็วมากแล้ว คนอื่นมีใครบ้างที่ไม่ได้ใช้ถึงหลายสิบปี หลายร้อยปี กระทั่งหลายพันปี ต่อให้เป็นสิบปี หลายสิบปี ในแผ่นดินเทพมารนี้ก็เพียงแค่ดีดนิ้วสะบัดมือเท่านั้นเอง”
พูดจบนางเม้มปากคิดในใจ ‘หากอยู่ในนิพพานหลายปี ไม่ใช่จะเข้าใกล้วันที่ซือมั่วออกจากการปิดประตูบำเพ็ญมากขึ้นไปอีกหรือ’
หยินเฉินผงกศีรษะเห็นด้วยกับคำพูดของมู่ชิงเกอ
มู่ชิงเกอมองเขาแล้วพูดขึ้นกะทันหันว่า “หากข้าจะต้องเสียเวลาอยู่ที่นี่หลายปี เจ้าไม่ต้องรออยู่ที่นี่ เวลานี้ในช่องว่างข้ามีคนเผ่าอี้ที่ขึ้นมาจากโลกแห่งยุคกลาง ข้าจะปล่อยพวกเขาออกมาทั้งหมด เจ้ารับผิดชอบนำพวกเขาไปไว้ที่เฟิงหลินเยี่ยตู้แต่ละแห่ง ทั้งฝากสั่งให้สี่สาว มั่วหยาง มู่เฟิง มู่เฉิน ให้พวกเขาบริหารกิจการ เฟิงหลินเยี่ยตู้ให้มั่นคงก่อนที่ข้าจะออกจากป่าอสูร ยังมีพวกซ่งเทียนจี๋ก็ฝากเจ้าสั่งไป หากไม่มีคำสั่งข้า ไม่ว่าพวกเขาพบอะไรให้จำไว้ในใจก่อน อย่าได้เปิดเผยตัวตน ง่ายๆ ซูหมิงก็ให้เจ้าพาไปด้วย ให้นางอยู่กับโย่วเหอ ยังมี…”
คำพูดของชูเนี่ยนทำให้มู่ชิงเกอต้องใช้เวลาที่สั้นที่สุดออกคำสั่งหยินเฉินเป็นชุด จัดการทุกสิ่งทุกอย่างให้เรียบร้อย
“ทางด้านดินแดนมาร…” หยินเฉินลองถามดู
มู่ชิงเกอเม้มริมฝีปาก ขมวดคิ้วเล็กน้อยพูดว่า “เจ้าไปหาคนชื่อไป่สือ เขาเป็นลูกศิษย์ตำหนักหน้าของดินแดนเหว่ยอี้ เป็นสายสืบที่เผ่ามารฝังตัวไว้บอกสภาพ การณ์ของข้าให้เขารู้ให้เขาแจ้งกลับดินแดนมาร ให้กู่หยากับกู่เย่สองคนรับรู้บอกเขาว่าหากซือมั่วมีความเคลื่อนไหวใดๆ ก็ให้คิดหาวิธีแจ้งให้ข้ารู้ทันที”
“ได้” หยินเฉินผงกศีรษะ
มู่ชิงเกอมองเขา “ในช่วงเวลานั้น เมื่อเจ้าจัดการเรื่องที่ข้าสั่งเสร็จสิ้นก็กลับป่าอสูรได้ โห่วบอกว่าป่าอสูรมีประโยชน์สูงยิ่งต่อพวกเจ้าเผ่าอสูร เจ้าเองก็อย่าได้ พลาดโอกาสไปเปล่าๆ ช่วยข้าสอดส่องเฟิงหลินเยี่ยตู้ในแผ่นดินเทพทั้งสี่สมุทรสักปีสองปีครั้งก็พอแล้ว หากเกิดเรื่องราวอะไรก็จัดการตามสมควร หากเป็นเรื่องยุ่งยากเกินกว่านั้นก็รอข้ากลับมา ใช่แล้ว ราชครูกับซวีซิวสองคนเป็นมันสมองของตระกูลมู่ ถึงคราวสมควรใช้ก็ต้องใช้”
หลังจากนั้นสามวัน หยินเฉินก็ได้ออกจากด้านนอกป่าหวูถง
ขณะที่เขาไปก็ได้นำคนหลายพันคนจากไปด้วย
มู่ชิงเกอยังคงรออยู่นอกป่าหวูถง ครั้งนี้รอนานถึงหนึ่งเดือน
คืนนี้ มู่ชิงเกอกำลังนั่งบำเพ็ญอยู่บนต้นไม้ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากทางไกล พอลืมตาดูก็เห็นลูกไฟจากป่าหวูถงมุ่งหน้ามาที่นี่อย่างรวดเร็ว ด้านหลังลูกไฟยังมีคนตามมาอีกกลุ่มหนึ่ง
มู่ชิงเกอเบิกตา เงาร่างหายจากบนต้นไม้ในฉับพลัน ปรากฎอีกครั้งตรงหน้า ‘ลูกไฟ’ ที่พุ่งออกมาจากป่าหวูถง
“ชิงเกอ” ชูเนี่ยนถูกรัศมีเพลิงครอบคลุมไว้ หลังจากเห็นมู่ชิงเกอแล้วก็วางใจลงในที่สุด
เบื้องหลังนาง ทหารนกหลวนกำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
ชูเนี่ยนยังไม่ทันพูดอะไรก็แหงนหน้ากู่ร้องเสียงดังฟังชัด ร่างนางเปลี่ยนเป็นหวงไฟตัวหนึ่ง กางปีกโผมาที่มู่ชิงเกอทันที
ไฟนิพพานบนตัวนางห่อหุ้มมู่ชิงเกอไว้ภายในอย่างรวดเร็ว
ภาพที่เกิดขึ้นนี้พอดีกับที่ราชาเฟิ่งลงมาที่เบื้องหน้าทหารนกหลวน
พอเห็นหนึ่งหวงหนึ่งมนุษย์ถูกไฟนิพพานห่อหุ้มไว้นัยน์ตาเขาผุดแววสับสนเข้าใจยากขึ้นมา
เป็นเวลานาน เขาจึงถอนหายใจอย่างหมดสิ้นหนทาง ยกมือขึ้นโบก พลังเทพที่แข็งแกร่งหุ้มห่อไฟนิพพานเอาไว้แล้วหายไปจากภายนอกป่าหวูถง
ภายในไฟนิพพาน มู่ชิงเกอนั่งขัดสมาธิ รอบตัวนางปรากฎหวงไฟที่สุดแสนสวยงามตัวหนึ่งบินวนไม่หยุดอยู่รอบๆ พวกเขาร่วมกันแบกรับการแผดเผาของไฟนิพพาน ความเจ็บปวดชนิดตายแล้วเกิดใหม่ หรือแทบตายทั้งเป็นนั้นเกินกว่าคำพูดใดๆ จะบรรยายออกมาได้
ไฟแห่งนิพพาน ไฟการเกิดใหม่ สามารถเผาผลาญสิ่งชวร้ายทั้งหมด รวมทั้งเปลือกนอกของตัวตน เหลือเพียงตัวตนภายในที่แท้จริง
“ที่แท้เจ้าเป็นผู้หญิง…” ผลของไฟนิพพานทำให้ จิตคำนึงของหวงไฟกับมู่ชิงเกอเชื่อมต่อกัน รู้ถึงเพศที่แท้จริงของนาง