ตอนที่ 823
เช่นนั้นก็มาประลองกันดูเถอะ
บนแผ่นดินเทพมาร มนุษย์เทพที่มีตบะบำเพ็ญสูงลํ้าสามารถหยุดรูปโฉมตัวเองให้คงอยู่ในวัยที่ตนเองชื่นชอบได้ แต่วิธีการรักษารูปโฉมตนนี้ ในสายตาของอาจารย์ปรุงยาแล้วเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย
อาจารย์ปรุงยาที่มีฝีมือจริง ขณะพบหน้ากัน ล้วนไม่ถูกหลอกลวงด้วยโฉมหน้าภายนอก จะสามารถมองเห็นอายุที่แท้จริงได้พอประมาณ
แต่ขณะที่มู่ชิงเกอในชุดสีแดงเดินตามเจ้าสำนักเข้ามานั้น พวกเขาต่างก็ตกตะลึงพรึงเพริศ
เนื่องจากพวกเขาทุกคนล้วนดูออกถึงอายุจริงของมู่ชิงเกอ
ไม่ถึงร้อยปี
ไม่ถึงร้อยปี นี่มันอะไรกัน
ร้อยปีเป็นแค่ช่วงเวลาบำเพ็ญที่ผ่านไปเพียงพริบตาเดียวสำหรับพวกเขา
และที่น่าหวาดหวั่นยิ่งกว่าก็คือ ผู้ที่มีอายุไม่ถึงร้อยปีผู้นี้กลับบำเพ็ญถึงขั้นศักดิ์สิทธิ์ได้!
มีอาจารย์ปรุงยาบางคนส่งสายตาหากันคิดอยู่ในใจว่า การที่เขาเข้าถึงขั้นศักดิ์สิทธิ์ได้ด้วยอายุยังน้อยเช่นนี้ ใช่เป็นเพราะได้กินยาราชันย์โอสถจอมเทพที่เทพโอสถปรุงเอาไว้หรือไม่
อายุของมู่ชิงเกอทำให้เกิดคลื่นกระแทกสั่นไหวอยู่ในใจเหล่าอาจารย์ปรุงยาแต่นางกลับไม่รู้เรื่องเลยสักนิด
ขณะที่เห็นอาจารย์ปรุงยาเหล่านี้ ใจนางมีความรู้สึกนับถืออยู่ลึกๆ
พวกเขาต่างกับนาง นางเพียงเรียนวิชาปรุงยาเป็นวิชาเสริมเท่านั้น แต่คนเหล่านี้ใช้เวลาตลอดชีวิต ใช้กำลังวังชาตลอดชีวิต ทุ่มเทให้กับการปรุงยา ใฝ่หาค้นคว้าตลอดชีวิตเพื่อการนี้
พลังของการใฝ่หาค้นคว้าเช่นนี้ มู่ชิงเกอนับถือยิ่งนัก
ดังนั้น ขณะที่เจ้าสำนักยังไม่ทันออกปากแนะนำ นางจึงพูดขึ้นก่อนว่า “ข้าน้อยมู่ชิงเกอ ขอคารวะผู้อาวุโสทุกท่าน”
ไม่ว่าฝีมือการปรุงยาของตัวเองจะแข็งแกร่งกว่าพวกเขาหรือไม่ แต่ต่อหน้าพวกเขาแล้ว นางก็ยังยินยอมอยู่ในฐานะผู้น้อย
การแสดงออกของนาง ไม่ได้ยโสโอหังหยิ่งผยองถือตัว
ทำให้อาจารย์ปรุงยาไม่น้อยต่างแอบผงกศีรษะยอมรับ “ราชาเทวะน้อยมู่ พวกเราเหล่านี้ถึงแม้หลบซุ่มอาศัยอยู่ที่นี่ แต่ก็พอจะรู้ข่าวคราวภายนอกอยู่บ้าง หลายปีนี้ ชื่อของราชาเทวะน้อยมู่ พวกเราล้วนเคยได้ยิน” คนหนึ่ง เดินออกมาพูดกับมู่ชิงเกอ
เมื่อเห็นความสงบของแววตาเขา มู่ชิงเกอก็รู้ว่าคนผู้นี้คงจะเป็นคนที่ได้รับการนับหน้าถือตามากที่สุดในกลุ่มนี้
“ข้าชื่อป๋อเข่า ราชาเทวะน้อยอ่อนเพลียจากการเดินทาง มีเรื่องอะไรพรุ่งนี้ค่อยว่ากันเถิด วันนี้ขอให้พักผ่อนก่อน อาหารในป่าหยาบและจืดชืด หากมีอะไรที่ไม่คุ้น
ชินก็ต้องขออภัยด้วย” คนผู้นั้นพูดต่ออีก
มู่ชิงเกอออกจะผิดคาดอยู่บ้าง นางมาไกลเป็นพันลี้ เพิ่งได้เจอกันก็จะถูกส่งให้ไปพักผ่อนแล้วหรือ
นางหันมองเจ้าสำนักก็เห็นเขาพยักหน้าให้นางน้อยๆ
ก็ได้
มู่ชิงเกอละสายตา ไม่เอ่ยขัดพลางพยักหน้า “เช่นนี้ก็ขอรบกวนท่านผู้อาวุโสป๋อเข่าแล้ว”
“ราชาเทวะน้อยไม่ต้องเกรงใจ” ป๋อเข่าอมยิ้มพยักหน้า
แล้วกวักมือเรียกคนมาหนึ่งคน นำพวกมู่ชิงเกอทั้งคู่ไปพักผ่อน
จนเมื่อพวกเขาจากไปแล้วทั้งหมด คนอื่นจึงเริ่มพูดคุยซุบซิบกัน
สองตาป๋อเข่าหรี่ลง เก็บงำรอยยิ้มที่มุมปากถามว่า “พวกเจ้าเห็นเป็นอย่างไร”
กลุ่มคนเบื้องหลังเขาแลกเปลี่ยนสายตา วิพากษ์วิจารณ์กันใหญ่โต ผ่านไปครู่หนึ่งจึงมีคนพูดว่า “ถึงแม้เขาจะอายุเพียงเท่านี้กลับประสบความสำเร็จเช่นนี้ทำให้รู้สึก ผิดคาดมาก แต่ก็ยังไม่อาจทำให้พวกเรายอมศิโรราบได้ ต้องให้เป็นไปตามธรรมเนียม”
“ถูกต้อง!”
“ใช่แล้ว!”
“ถูกแล้ว!”
“พวกเราต้องไม่ทำผิดธรรมเนียมเพียงเพราะเขาเป็นลูกศิษย์คนเล็กของเทพโอสถ”
ความเห็นของเหล่าอาจารย์ปรุงยาเป็นเอกฉันท์ ป๋อเข่าฟังแล้วจึงผงกศีรษะนิดๆ “ก็ได้ เช่นนั้นทุกอย่างยังทำตามที่คุยกันไว้ก่อนหน้านี้ วันนี้ให้พวกเขาพักผ่อนก่อนหนึ่งวัน พรุ่งนี้ค่อยมาคุยเรื่องสำคัญกัน”
พวกมู่ชิงเกอสองคนถูกนำไปยังบ้านไม้หลังเล็กในป่าไผ่ที่เงียบสงบหลังหนึ่ง
บริเวณรอบๆ มีทั้งเสียงนกทั้งดอกไม้ห้อมล้อม สงบร่มรื่นอย่างถึงที่สุด ในป่าไผ่สามารถเห็นสมุนไพรนานาชนิดขึ้นอยู่ทั่วไป มู่ชิงเกอมองดูรอบๆ แล้วก็เห็นด้วยกับคำที่เจ้าสำนักใชในการเปรียบเปรยที่นี่
ที่นี่เป็นสวรรค์ของเหล่าอาจารย์ปรุงยาโดยแท้ สถานที่วิเศษเช่นนี้ เหตุใดเมื่อก่อนนี้นางจึงไม่รู้ ช่างเป็นเรื่องน่าอับอายขายหน้ามาก เสียแรงที่นางเองก็เป็นอาจารย์ปรุงยาเช่นกัน
“ศิษย์พี่ เมื่อครู่นี้ที่ให้ข้าทำตามการจัดสรรของพวกเขา แล้วเรื่องที่ท่านจะบอกแต่ยังไม่ได้บอกนั้นอีก มีเรื่องอะไรที่ยังปิดบังข้าอยู่อีกหรือ” มู่ชิงเกอถาม
เจ้าสำนักยิ้มบางๆ บอกนางว่า “ไม่ได้ปิดบังเจ้า เพียงแต่ยังไม่ทันมีโอกาสบอกเจ้าเท่านั้น”
เขาถอนหายใจแล้วบอกมู่ชิงเกอว่า “เรื่องครั้งนั้นเจ้าเองก็คงพอรู้ว่า ทั่วทั้งฟากฟ้าบนดินนี้ มีเพียงหม้อผลาญสวรรค์ที่ปรุงราชันย์โอสถจอมเทพออกมาได้เม็ดหนึ่ง ครั้งนั้นเพราะราชันย์โอสถจอมเทพนั้น ท่านอาจารย์จึงได้ถูกเหล่าอาจารย์ปรุงยานับถือเป็นจอมเทพ พูดได้ว่าท่านอาจารย์ของพวกเราก็คือราชาของอาจารย์ปรุงยา แต่เพราะความละโมบโลภมากในจิตใจคน ท่านอาจารย์จึงถูก…,”
เรื่องนั้นมู่ชิงเกอรู้ พอเห็นเจ้าสำนักเริ่มเศร้าสลดลงอีกจึงปลอบว่า “ศิษย์พี่ เรื่องในอดีตก็ผ่านไปแล้ว เวลานี้พวกเราต้องให้ศัตรูได้ชดใช้เพื่อปลอบขวัญดวงวิญญาณท่านอาจารย์บนฟากฟ้า”
เจ้าสำนักพยักหน้า เก็บงำความเศร้าเสียใจแล้วจึงว่า “เคราะห์กรรมครั้งนั้น เหล่าอาจารย์ปรุงยา มีอยู่ไม่น้อยที่ถูกครอบงำ เบนเข็มมาเล่นงานท่านอาจารย์ กลุ่มคนที่เจ้าได้พบเห็นหน้าวันนี้ ล้วนเป็นพวกที่ปกป้องคุ้มครองท่านอาจารย์ตั้งแต่แรก เป็นคนซื่อตรงยอมตาย ต่อสู้เพื่อท่านอาจารย์ สงครามครั้งนั้น ท่านอาจารย์ถูก บังคับให้ออกจากแผ่นดินเทพมาร ก่อนไปได้สังหารคนไปไม่น้อย กลุ่มอาจารย์ปรุงยาที่ทรยศก็รวมอยู่ในนั้นด้วย หลังจากท่านอาจารย์จากไปแล้ว พวกที่อยู่ในภูเขาเหล่านี้ยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในแผ่นดินเทพทั้งสี่สมุทร ช่วยท่านอาจารย์สังหารพวกผู้ทรยศ จากนั้นก็มาหลบซ่อนพักอาศัยอยู่ที่นี่ ไม่ยุ่งเกี่ยวกับการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นในแผ่นดินเทพทั้งสี่สมุทรอีกต่อไป”
“ที่แท้เป็นเช่นนี้เอง” มู่ชิงเกอพยักหน้าอย่างเข้าใจ เวลานี้ นางยิ่งมีความนับถือพวกป๋อเข่ามากยิ่งขึ้น ในโลกที่ยกย่องความแข็งแกร่งเป็นเจ้า ปลาใหญ่กินปลาเล็กเช่นนี้ คนที่เหมือนพวกเขาช่างมีอยู่เพียงน้อยนิดเท่านั้น
เพราะว่ามีเพียงน้อยนิดจึงทำให้คนรู้สึกนับถือมากยิ่งขึ้น
“ดังนั้นหากเจ้าคิดอยากให้พวกเขาลงจากเขาเพื่อช่วยสนับสนุนเจ้าก็จะต้องมีความสามารถเพียงพอ เพื่อขึ้นสู่ตำแหน่งที่ท่านอาจารย์เคยยืนอยู่ เจ้าจะมีคุณสมบัติพอที่จะออกคำสั่งพวกเขาได้” เจ้าสำนักพูดอย่างจริงจัง
มู่ชิงเกอเบิกตากว้างสบตากับเจ้าสำนัก
เจ้าสำนักว่า “เจ้าไม่จำเป็นต้องไปสรรหาคำพูดที่จะทำให้พวกเขายินยอม ทั้งไม่ต้องไปห่วงว่าพวกเขาจะคัดค้านหรือไม่ เพียงแค่แสดงความสามารถของเจ้าออกมา พวกเขาก็จะติดตามอยู่ข้างกายเจ้า เป็นกำลังเสริมให้เจ้าเหมือนเมื่อครั้งติดตามท่านอาจารย์”
“ปรุงยาหรือ” มู่ชิงเกอจ้องเจ้าสำนักแล้วเอ่ยคำนี้ออกมา
เจ้าสำนักพยักหน้าช้าๆ
“วันนี้เจ้าพักผ่อนให้ดี หัวข้อทดสอบของพวกเขาในวันพรุ่งนี้ หากเจ้าผ่านไปได้เจ้าก็จะเป็นเทพโอสถคนใหม่” เจ้าสำนักเอ่ยคำที่ชวนให้ตกตะลึงออกมา
มู่ชิงเกอละลํ่าละลักถามว่า “ดูจากความสามารถของศิษย์พี่แล้ว เหตุใดจึงเสนอข้าเล่า”
เจ้าสำนักส่ายหน้ายิ้มบางๆ “ข้าแก่แล้ว ปรุงยาที่ดีกว่าไม่ได้แล้ว อีกทั้งข้าเองก็ไร้ซึ่งความทะเยอทะยาน เพียงแค่รอให้ล้างแค้นแทนท่านอาจารย์ได้แล้ว ข้าก็จะอยู่กับพวกเขา หลบซ่อนตัวอยู่ในภูเขาเซียนเปิ่นเฉ่าค้นคว้าวิชาการปรุงยาต่อไป หากโชคดีจะรับลูกศิษย์สักสองสามคน เพื่อให้สืบทอดวิชาปรุงยาของท่านอาจารย์ต่อ ไป เท่านี้ข้าก็พอใจอย่างยิ่งแล้ว”
“เหยาชิงไห่…” มู่ชิงเกอพูดออกมา เจ้าสำนักกลับส่ายหน้าว่า “เด็กคนนั้นก็เป็นเช่นเดียวกับเจ้า ไม่ได้เป็นคนที่ทุ่มเทกำลังทั้งหมดไว้ที่การปรุงยา”