Skip to content

พลิกปฐพี 869

ตอนที่ 869

ข้าไม่เชื่อ! และไม่ถอย!

มู่ชิงเกอเลิกคิ้ว สีหน้าสงบนิ่งผิดปกติ

ท่าทีสงบนิ่งแบบนี้ของนาง ทำให้ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยเหลือบมอง คิ้วคู่งามขมวดเล็กน้อย “เจ้าไม่เชื่อหรือ”

“เหตุใดข้าต้องเชื่อ” มู่ชิงเกอกล่าวอย่างเปิดเผย “เทพมารสองเผ่า ล้วนแต่เป็นเผ่ามนุษย์เหตุผลที่แบ่งแยกเช่นนี้ เพียงเพราะว่าเผ่ามนุษย์บำเพ็ญช่วงแรก เคล็ดวิชาและความคิดไม่เหมือนกันทำให้แบ่งฝักฝ่าย ไม่ได้ข้ามเผ่าพันธุ์ ทัณฑ์สวรรค์คืออะไรกัน”

“ที่เรียกว่าทัณฑ์สวรรค์ข้าเองก็ไม่เข้าใจ ข้ารู้แค่เพียงท่ามกลางวันเวลาที่ยาวนานนี้ พวกเจ้าไม่ใช่เทพมารคู่แรกที่คิดจะปรองดองกัน แต่ว่ากลุ่มคนก่อนหน้าพวกเจ้า จุดจบสุดท้ายล้วนไม่ดีสักเท่าไหร่” ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยกล่าวอย่างเย็นชา

“ไม่ดีอย่างไร” ดวงตาทั้งคู่ของมู่ชิงเกอหรี่ลงเล็กน้อย

แสงแวววับในตาหงส์ของราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยมืดลงเล็กน้อย พูดออกมาหนึ่งประโยค “ไม่อาจลงเอยด้วยดี”

ไม่อาจลงเอยด้วยดี…

อารมณ์อันดีของมู่ชิงเกอ ตอนนี้ได้รับผลกระทบเล็กน้อย

ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยกล่าวต่อ “หกคำนี้ครอบคลุมความหมายส่วนใหญ่แล้ว คนเหล่านั้นที่ดูเหมือนข้ามผ่านสิ่งกีดขวางทั้งหมด ในที่สุดก็อยู่ด้วยกันได้จุดจบสุดท้ายไม่ใช่การอยู่ร่วมกันไปแสนนาน แต่กลับพบจุดจบที่เศร้ารันทด เคราะห์ซํ้ากรรมซัด”

เขามองมู่ชิงเกอและกล่าวอย่างตั้งใจ “ที่ข้าบอกเรื่องเหล่านี้แก่เจ้า ไม่ได้จะบอกว่าต้องการขัดขวางเจ้า แต่หวังว่าเจ้าจะมีการเตรียมใจ ไตร่ตรองให้ละเอียดรอบคอบว่าคุ้มค่าหรือไม่”

มู่ชิงเกอเม้มปากนิ่งเงียบ แววตานิ่งงันเล็กน้อย ไม่อาจลงเอยด้วยดีงั้นหรือ นางไม่เชื่อ แม้ว่าจะเป็นเช่นนี้จริง ๆ นางก็จะไม่ถอย ทัณฑ์สวรรค์แล้วอย่างไร แม้แต่ชะตานางก็ฝืนมาแล้ว จะสนใจทัณฑ์สวรรค์บ้าบอไปเพื่ออะไรอีก

“ฟังว่าอวี๋หยามีชีวิตที่ดีอย่างยิ่ง” มู่ชิงเกอเอ่ยปากโต้แย้ง

แต่ฮ่วนเยวี่ยกลับกล่าว “นั่นเป็นเพราะว่าพวกเขาออกไปจากที่นี่ ลงไปที่โลกเบื้องล่าง พวกเจ้าทำได้หรือ แผ่นดินเทพมารคือโลกพันใหญ่ อยู่ใกล้กับบ่อเกิดวิถีมากที่สุด อยู่ใกล้บ่อเกิดวิถีก็แฝงนัยว่าต้องมีกฎเกณฑ์ที่เข้มงวดยิ่งขึ้นอยู่ภายใน หากพวกเขาอยู่ที่แผ่นดินเทพมารต่อ สิ่งต่าง ๆ จะปรากฎขึ้นพร้อมกัน ท้ายที่สุดพวกเขาก็จะไม่ได้รับผลดี ดังนั้น มีเพียงลาจากไปยังโลกเบื้องล่างที่ห่างไกลบ่อเกิดวิถี เหล่านั้น ใช้ชีวิตเยี่ยงคนธรรมดา”

มู่ชิงเกอเข้าใจแล้ว คำพูดของฮ่วนเยวี่ยนั้น ความหมายก็คือ หากต้องการจะฝืนชะตาก็ทำได้เพียงลดตัวลงเป็นมนุษย์ พยายามลดความรู้สึกการมีอยู่ของตนให้น้อยลง อย่าได้ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องอันตรายใด ๆ เพื่อเลี่ยงไม่ให้ทัณฑ์สวรรค์ฉกฉวยผลประโยชน์ ภายใต้สาเหตุทั้งหลาย

“พวกเจ้าสองคนไม่ใช่คนธรรมดา และจะต้องดูแคลนการใช้วิธีเช่นนั้นของอวี๋หยา หลีกเลี่ยงทุกสิ่งทุกอย่าง เช่นนั้นก็จะต้องมีการเตรียมใจที่มากพอ” ฮ่วนเยวี่ยกล่าว

มู่ชิงเกอนิ่งเงียบลง ในสมองกำลังหมุนวนอย่างรวดเร็ว

ไม่รู้เพราะเหตุใด หลังจากที่ฮ่วนเยวี่ยพูดเรื่องนี้แล้ว การตอบสนองแรกในสมองนางก็คือภาพที่นางมองเห็นในน้ำพุแห่งอนาคต ภาพภาพนั้น คืออนาคตที่นางยอมรับไม่ได้เป็นอันขาด ดังนั้น นางจะต้องแก้ไข

‘หากนั่นคือหารหมุนเวียนของเหตุและผลที่ว่ามา ทัณฑ์สวรรค์บังเกิด ตอนนี้ข้ากุมโอกาสเหนือกว่าแล้วจะต้องหลีกเลี่ยงผลกระทบและแก้ไขมันให้ได้’ มู่ชิงเกอกล่าวในใจ

“เหตุใดถึงมีทัณฑ์สวรรค์ได้” มู่ชิงเกอเหลือบตาขึ้นแล้วกล่าวถาม

นางไม่เข้าใจ เทพมารเป็นเผ่ามนุษย์เหมือนกัน เหตุใดเมื่อปรองดองกันแล้วจึงต้องรับทัณฑ์สวรรค์

ตาหงส์ของราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยเหลือบขึ้นช้า ๆ มองท้องฟ้า “เล่ากันว่า หลังจากที่แยกเทพมารสองเผ่าออกจากเผ่ามนุษย์ตอนนั้นผู้ปกครองเทพมารสองเผ่าก็ได้ใช้โลหิตของตัวเองสร้างคำสาปแช่งขึ้นมา”

“คำสาปแช่ง!” มู่ชิงเกอขมวดคิ้ว

“เนื้อหาในคำสาปแช่งนั้นมีใจความว่า นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เทพมารสองเผ่าจะไม่คบค้าสมาคม เหลือเพียงความอาฆาตแค้น ไม่ยอมรับต่อกัน หากมีใครฝ่าฝืนจะไม่อาจลงเอยด้วยดี ต้องตายจากหายนะ คำสาปแช่งนี้เมื่อผ่านไปตามวันเวลาผู้คนก็หลงลืมไปช้า ๆ บวกกับภายหลังเทพมารสองเผ่าทำสงครามหลายปีติดต่อกัน บาดเจ็บล้มตายนับไม่ถ้วน ความอาฆาตแค้นระหว่างสองฝ่ายก็รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ผู้คนสร้างจิตใต้สำนึกอย่างหนึ่งขึ้นมา นั่นคือระหว่างเทพและมารเป็นศัตรูกัน ไม่อาจอยู่ร่วมกันได้” ฮ่วนเยวี่ยกล่าว

“คำสาปแช่งหนึ่งคำ ส่งผลกระทบต่อคนไม่รู้มากน้อยเท่าไร” มู่ชิงเกอ เสียดสีด้วยน้ำเสียงเย็นชา

ฮ่วนเยวี่ยมองมู่ชิงเกอ กล่าวเบา ๆ “พูดมาถึงตรงนี้แล้ว ควรจะทำอย่างไร เจ้าตริตรองเอาเอง พวกเจ้าสองคนอยู่ด้วยกันนั้นง่าย แต่คิดอยากทำลายคำสาปนั้นกลับยากอย่างยิ่ง หลายต่อหลายครั้ง เจ้าจะพบว่า เรื่องที่เห็นได้ชัดว่าหลบเลี่ยงไปแล้วก็ยังคงเกิดขึ้นตามกำหนดเวลา”

ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยพูดจบ เงาร่างก็ค่อย ๆ จางไป หายไปต่อหน้ามู่ชิงเกอ

ในตำหนักใหญ่ ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยที่งีบหลับมาโดยตลอดพลันเปิดตาทั้งสอง ลุกขึ้นขยับกาย

เมื่อเขาขยับ ราชาเทวะจงซานก็ลุกขึ้นยืนตามทันที

แต่ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยก็ไม่ได้พูดอะไร ฉีกขาดช่องว่างและกระโดดเข้าไปทันที ราชาเทวะจงซานก็รีบตามหลังจากไปเช่นกัน

มู่ชิงเกอยืนอยู่ที่เดิม ใคร่ครวญถึงคำพูดของฮ่วนเยวี่ย

นางเข้าใจเจตนาของราชาเทวะฮ่วนเยวี่ย เขาไม่ได้ทำเพื่อขัดขวางนาง แต่ไม่หวังให้นางใจร้อนชั่ววูบ จะทำให้น้เสียใจภายหลัง ความเสียใจนี้ ไม่ใช่เสียใจที่ไม่ได้อยู่กับซือมั่ว แต่ตอนที่ทั้งสองรับทัณฑ์สวรรค์ตอนที่มีฝ่ายหนึ่งต้องจากไปตลอดกาล พวกเขาจะเสียใจหรือไม่ ขอเพียงมีชีวิตอยู่ได้ อันที่จริงความหมายของการยืนกราน จะอยู่ด้วยกันหรือไม่ก็ไม่สำคัญ

มีชีวิตก็ยังมีความหวังแม้เพียงน้อยนิด แต่สิ้นชีวิตก็เหลือเพียงแต่ความสิ้นหวัง

หากมู่ชิงเกอคิดถึงผลที่ตามมาอย่างถี่ถ้วน แต่ก็ยังทำเรื่องเรื่องนี้อย่างห้าวหาญไม่หันหลังกลับ เช่นนั้นต่อให้อนาคตจะต้องเผชิญหน้ากับความทุกข์ทรมานใด ๆ อย่างน้อยก็จะไม่เสียใจ

นี่จึงจะเป็นเจตจำนงอันแท้จริงของคำพูดเหล่านี้ที่ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยบอกมู่ชิงเกอ และมู่ชิงเกอก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ตั้งใจฟังจนเข้าใจ คิดได้อย่างถ่องแท้

เพียงแต่ ฟังแล้ว คิดได้แล้ว แล้วอย่างไร

ไม่ว่าจะเป็นทุกสิ่งที่นางเห็นในน้ำพุแห่งอนาคต หรือว่าทัณฑ์สวรรค์ที่ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยบอกนาง นางก็ไม่อาจอ่อนข้อให้ได้!

หากอนาคตที่ลวงตายังกีดกันความรักระหว่างนางกับซือมั่วได้ เช่นนั้นความรักระหว่างพวกเขาก็เปราะบางเกินไปแล้ว ข้ากับซือมั่ว ล้วนไม่ใช่คนที่ยอมอ่อนข้อง่าย ๆ ข้าเดินมาถึงตรงนี้ ครั้งนั้นไม่ใช่การฝืนชะตาหรืออย่างไร ตอนนี้กว่าจะได้ทุกสิ่งทุกอย่างมาอย่างที่ต้องการ แต่ต้องละทิ้งเพียงเพราะความเป็นไปได้หนึ่งเรื่องงั้นหรือ ไม่! ไม่มีทาง! มู่ชิงเกอกล่าวในใจ

แววตาของนาง เปลี่ยนเป็นความยืนหยัดและกล้าหาญ

นางเชื่อมั่น ไม่ว่าอนาคตจะต้องเจออะไร พบอะไร นางกับซือมั่วจะสามารถเอาชนะและแก้ไขได้ พวกเขาจะทำได้ด้วยความแข็งแกร่ง ทางเชื่อมล้วนแต่เป็นก้าวที่พวกเขาจำใจต้องไปกุมอนาคตของตนเองไว้ในใจตนอย่างแน่วแน่มั่นคง!

“ที่กล่าวว่าเทพมารปรองดองจะต้องทัณฑ์สวรรค์คาดว่าซือมั่วจะต้องรู้แน่นอน แต่เขากลับไม่พูดมาโดยตลอด และไม่เคยเอ่ยปากให้ข้าทิ้งเผ่าเทพ และเลือกเผ่ามารในช่วงบำเพ็ญ เพื่อลดปัญหาที่จะตามมานี้ นี่ก็ชัดเจนแล้วว่าเขาไม่ได้สนใจทัณฑ์สวรรค์นี้เลย! เขามีความกล้าหาญ มีความเชื่อมั่นจะแก้ไข เหตุใดข้าจะทำไม่ได้เล่า” มู่ชิงเกอพูดพึมพำ

ตอนที่นางมักจะเจอเรื่องต่าง ๆ จะต้องมองเนื้อแท้ให้ทะลุปรุโปร่ง ไม่ถูกภาพในความคิดทำให้สับสน นี่คือจุดเด่นของนาง และยังเป็นจุดด้อยเช่นกัน เห็นชัดเกินไปก็จะสามารถหลบเลี่ยงการเกิดขึ้นของข้อผิดพลาดจำนวนมากได้ แต่เรื่องบางเรื่อง เห็นชัดเกินไปก็จะทำให้ตนบาดเจ็บได้เช่นกัน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version