ตอนที่ 870
เตรียมงานให้ดีเถิด
“ราชาเทวะ” เสียงของซวีซิวดังขึ้นด้านหลังมู่ชิงเกอ ตัดบทความคิดของนางลง
มู่ชิงเกอเก็บงำความคิด เบนสายตากลับมา สายตาตกลงบนร่างของซวีซิว
“ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยและราชาเทวะจงซานกลับไปแล้วขอรับ” ซวีซิวกล่าว
มู่ชิงเกอยิ้มจางๆ “เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ เจ้าไม่จำเป็นต้องมาบอกข้าด้วยตัวเองนี่ ว่ามาเถอะ มีเรื่องอะไรจะพูดกับข้า”
ซวีซิวยิ้ม ในดวงตาปรากฎความทอดถอนใจขึ้นหลายส่วน “ที่แท้แล้วราชาเทวะก็เป็นสตรี ข้าเพิ่งจะทราบก็วันนี้”
“ผิดหวังมากหรือ” มู่ชิงเกอเลิกคิ้ว เอ่ยถามอย่างหยอกล้อ
แต่ซวีซิวกลับส่ายหน้า ยิ้มกล่าว “ราชาเทวะใช้ฐานะบุรุษแสดงตัวก็ทำให้คนรู้สึกตกตะลึงในความสามารถแล้ว นับประสาอะไรกับที่เป็นสตรีแล้วยังประสบความสำเร็จเช่นนี้ได้ ก็ทำให้บุรุษทั้งหมดอับอายไม่จบไม่สิ้นแล้ว”
แววตามู่ชิงเกอกวาดผ่านร่างเขาอย่างเฉยเมย “แต่เจ้ากลับปลงได้”
“ราชาเทวะคิดว่าข้าเป็นพวกหัวโบราณครํ่าครึโง่เขลาเหล่านั้นหรือ” ซวีซิวยิ้มกล่าว
มู่ชิงเกอยิ้มกล่าว “ไม่ต้องฟังเสียงคัดค้านไร้ประโยชน์เหล่านั้น อย่างน้อยข้าก็ยังมีความสุข”
ซวีซิวเข้าใจความหมายของมู่ชิงเกอขึ้นมาในชั่วพริบตา เขาพยักหน้ากล่าว “ราชาเทวะวางใจ เรื่องนี้ข้าจะไปจัดการให้อย่างดี ไม่อาจให้ใครหน้าไหนพูดจา เหลวไหลอยู่ในเก้าชั้นฟ้า แผ่นดินเทพตะวันตกและแผ่นดินเทพทั้งสี่สมุทรได้”
“อืม” มู่ชิงเกอพยักหน้าน้อยๆ
ทั้งสองนิ่งเงียบไปเล็กน้อย
จากนั้นมู่ชิงเกอจึงกล่าว “เมื่อครู่ ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยถอดปัญญาเทวะมาพูดคุยกับข้า”
ซวีซิวเหลือบตาขึ้นมองมู่ชิงเกอ “ในตำหนักเมื่อครู่ ข้าก็สังเกตเห็นว่าราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยออกจะนิ่งเงียบเกินไปบ้าง ไม่คิดว่าเขาถอดปัญญาเทวะจากร่างมา สนทนากับท่าน”
“เขามาเตือนข้า เทพมารปรองดองต้องทัณฑ์สวรรค์” มู่ชิงเกอกล่าว
พูดจบ นางก็ละสายตามองซวีซิว ดวงตาที่ใสสะอาดมองไม่เห็นระลอกคลื่นใด
แววตาซวีซิวครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะจึงกล่าว “ราชาเทวะ มาถึงวันนี้ตอนนี้ท่านคิดว่าเทพมารสองเผ่าเป็นศัตรูกันหรือ เป็นศัตรูกันแต่กำเนิดหรือ”
มู่ชิงเกอส่ายหน้าเล็กน้อย “ข้าไม่เคยคิดว่าระหว่างเทพกับมารจะอยู่ร่วมกันไม่ได้ แผ่นดินเทพมาร ดำรงมาถึงวันนี้ก็ไม่ได้พิสูจน์จุดนี้แล้วหรือ สิ่งกั้นขวางนั้นไม่ได้ใช้เพื่อกั้นสองเผ่าออกจากกัน แต่ใช้เพื่อไม่ให้พวกเขาเข่นฆ่ากันเอง ให้สามารถใช้ชีวิตร่วมกันอยู่ในเขตแดนของแต่ละฝ่ายได้”
ซวีซิวพยักหน้าโดยแทบจะไม่ต้องคิด “ราชาเทวะมองเห็นจุดนี้ได้อีกไม่ช้าก็คงเหนือกว่าคนนับไม่ถ้วนบนแผ่นดินเทพมารอีกมาก ท่านกระโดดออกมาจากกรอบของเทพมารแล้ว จุดนี้หาได้ยากอย่างยิ่ง บรรพชนตระกูลมู่ปีนั้น ตอนที่มองเห็นจุดนี้ทะลุปรุโปร่งก็อยู่ในช่วงหลัง จากที่เขาดูแลตระกูลมู่มากว่าร้อยปี ตอนนี้ราชาเทวะยอดเยี่ยมยิ่งกว่าเสียอีก”
“ไม่ต้องเยินยอข้า มีเรื่องใดพูดก็พูดมาตรงๆ เถิด” มู่ชิงเกอโบกมือยิ้มกล่าว สีหน้ายังคงสุขุมเป็นปกติ
ซวีซิวเองก็หัวเราะเบาๆ เล็กน้อย เก็บสีหน้าท่าทาง กล่าวอย่างตั้งใจ “เทพมารสองเผ่า ที่จริงแล้วก็เหมือนพี่น้องสองคนในตระกูลเดียวกัน เพราะว่าทรัพย์สมบัติ เพราะว่าแนวคิด จึงเกิดความเห็นต่างเป็นเรื่องธรรมดาอย่างยิ่ง มิหนำซํ้า เมื่อแรกเริ่มเพราะว่าสองพี่น้องขัดแย้ง ภายใต้อารมณ์ชั่ววูบจึงเอ่ยคำสาบานที่แม้ ตายก็ไม่ขอเจอหน้า จนทำให้ชนรุ่นหลังหลายยุคหลายสมัยกลายเป็นศัตรูคู่แค้นอย่างไม่มีต้นสายปลายเหตุ ท่ามกลางสติที่เลอะเลือน กลุ่มชนรุ่นหลังก็ลืมไปเสีย แล้วว่าโลหิตที่ไหลเวียนจากบรรพบุรุษของพวกเขาเป็นโลหิตสายเดียวกัน พวกเขาควรจะเป็นบุคคลที่สนิทชิดเชื้อที่สุดบนโลกจึงจะถูก”
การอุปมานี้ของซวีซิวทำให้มู่ชิงเกอเห็นด้วยอย่างถึงที่สุด
“ข้าเคยจับเข่าคุยกับบรรพชนตระกูลมู่แล้ว พวกข้าต่างก็คิดว่า ในเมื่อมีเรื่องเล่าบนโลกเรา เช่นนั้นก็ชัดเจนแล้วว่าคล้ายการดำรงอยู่เช่นนี้ของแผ่นดินเทพมารไม่ได้มีเพียงหนึ่งเดียว แม้ว่าพวกข้าจะไม่รู้ว่าพวกเขาอยู่ที่ใด แต่ว่าหากมีวันหนึ่งพวกเขาหาพวกเราเจอเล่า ก็คงเหมือนกับเผ่าอี้” สีหน้าท่าทางของซวีซิว
เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมหลายส่วน
เมื่อเอ่ยถึงเผ่าอี้ มู่ชิงเกอก็เก็บรอยยิ้มที่มุมปาก ในสมองปรากฎภาพคนเผ่าอี้ผู้นั้นที่ซุ่มโจมตีตอนที่ลอบสังหารซือมั่ววันนั้น
“การปรากฎตัวของเผ่าอี้ เป็นครั้งแรกในรอบร้อยปีหลังสงครามใหญ่เทพมารครั้งก่อน” ซวีซิวจมดิ่งอยู่ในความทรงจำ กล่าวขึ้นมาช้าๆ “ตอนที่แผ่นดินเทพเจอเผ่าอี้ครั้งแรก ทั้งกองทัพตกตะลึง วันนั้นพ่ายแพ้ย่อยยับอย่างถึงที่สุด ตอนนั้นบรรพชนตระกูลมู่ก็ตระหนักได้ว่า สมมติฐานนั้นของพวกข้าเกรงว่าจะเป็นจริง การปรากฎตัวของเผ่าอี้ก็ยืนยันจุดนี้ได้อย่างหนักแน่น และหลังจากที่พวกเขาปรากฎตัว การปล้นชิงที่พวกเขาแสดงต่อเผ่าเทพก็ทำให้บรรพชนตระกูลมูกล้าตั้งสมมติฐาน บางทีทรัพยากรบำเพ็ญในหนึ่งพันโลกนั้นของพวกเขาอาจขาดแคลนแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงคิดถึงการปล้นชิง และบังเอิญว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในสงครามเทพมาร ทำให้รอยแตกจำนวนหนึ่งเกิดขึ้นมอบโอกาสอันดีให้พวกเขา”
“ยังมีข้อสมมติฐานอีกหนึ่งอย่าง คือเทพมารสองเผ่าในมุมมองพวกเขาเองก็เป็นทรัพยากรในการบำเพ็ญชนิดหนึ่งอยู่แล้ว” มู่ชิงเกอกล่าวเสริมเล็กน้อย
และจุดนี้ที่เสริมมากลับทำให้ซวีซิวเบิกตาโตอย่างรวดเร็ว เขากล่าวถาม “ดูท่าแล้วราชาเทวะคงจะเข้าใจเผ่าอี้เป็นอย่างดีแล้ว”
“พูดไม่ได้ว่าเข้าใจ เพียงแค่เคยประมือกันอย่างจริงจังหลายครั้ง” มู่ชิงเกอกล่าว
ซวีซิวพยักหน้าอย่างไม่ต้องคิด “แต่ไหนแต่ไรมา เผ่าอี้ก็เพียงก่อความวุ่นวายเล็กๆ น้อยๆ เผ่าเทพจำนวนมากจึงไม่ได้สนใจ เพียงแต่รู้สึกว่า หากต่อสู้ขึ้นมาก็ต้องโต้ตอบกลับไป แต่ว่าพวกข้ากลับคิดว่าคนของแผ่นดินเทพมารต่างหากคือสิ่งที่เผ่าอี้ต้องการ ศัตรูตัวฉกาจอยู่ตรงหน้า สิ่งที่เผ่าเทพและเผ่ามารควรจะทำก็คือรวมกำลังเป็นหนึ่งเดียว ร่วมกันต่อสู้ศัตรูด้านนอก เพียงแต่น่าเสียดาย คำพูดเหล่านี้พวกเขาตระหนักไม่ได้และไม่ยอมคล้อยตาม”
“นี่ก็คือเหตุผลที่เจ้าไม่คัดค้านงานแต่งงานของข้าใช่หรือไม่” มู่ชิงเกอฟังใจความสำคัญในนั้นออก
ซวีซิวยิ้มบางๆ ยอมรับ “หากราชาเทวะแต่งงานกับเจ้าแห่งมาร สำหรับแผ่นดินเทพมารแล้วจะต้องเป็นการโจมตีที่รุนแรงครั้งหนึ่ง หากในภายหน้าเผ่าอี้กำเริบ เสิบสานอีก เมื่อมีความสัมพันธ์ของราชาเทวะและเจ้าแห่งมารชั้นนี้ เทพมารสองเผ่าก็จะสามารถช่วยกันปกป้องสอดส่องค่อยๆ ขจัดความขัดแย้ง วางสายตาลงบนร่างของผู้รุกรานจากด้านนอก รับมือกับภายนอกร่วมกันได้”
ตาทั้งคู่ของมู่ชิงเกอหรี่ลง กล่าวอย่างคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “ข้าต้องพูดจริงๆ ว่าเจ้าฉลาดยิ่งนัก ทั้งยังมีความทะเยอทะยานมากด้วย”
“ราชาเทวะกล่าวชมเกินไปแล้ว” ซวีขิวพยักหน้า หลุบตากล่าว
‘ความทะเยอทะยาน’ นี้ไม่ได้มีความหมายในแง่ลบ มู่ชิงเกอกำลังชื่นชมสายตาที่กว้างไกลของซวีซิว พิธีสมรส เดิมก็เป็นเพียงเรื่องส่วนตัวของมู่ชิงเกอและซือมั่ว ตอนนี้เมื่ออยู่ในสายตาซวีซิวกลับกลายเป็นจุดพลิกสถานการณ์ทำลายความขัดแย้งของเทพมารสองเผ่า
“เจ้าพูดถูก” จู่ๆ มู่ชิงเกอก็เอามือไพล่หลังกล่าว “เผ่าอี้ไม่พอใจแค่การโจมตีเล็กๆ น้อยๆ อย่างในอดีตอีกแล้ว”
ซวีซิวเหลือบตาขึ้นด้วยความประหลาดใจ
มู่ชิงเกอกล่าวต่อ “หากข้าบอกเจ้าว่า วันนั้นที่มีการซุ่มโจมตีเจ้าแห่งมาร นอกจากเส้าเทียนและคนอื่นๆ แล้วเผ่าอี้ยังส่งยอดฝีมือแฝงตัวเข้ามา คิดอยากจะฆ่าเจ้าแห่งมารทิ้งเล่า เจ้าคิดว่าเพราะเหตุใด”
ซวีซิวตกใจจนตาทั้งคู่หดเล็กลง “พวกเขาวางแผนไม่ใช่เล็กๆ หากเจ้าแห่งมารสิ้นชีพ แดนมารจะต้องวุ่นวาย เผ่าอี้ก็ยิ่งฉวยโอกาสบุกรุกยึดครองแดนมารได้ หลังจากนั้น…ก็หันกระบี่มายังแผ่นดินเทพ!”
“เจ้ายังพูดตกไปเล็กน้อย เผ่าอี้แทรกซึมเข้ามาในแดนมารได้ เช่นนั้นก็จะแทรกซึมเข้ามาในแผ่นดินเทพสี่สมุทรได้เช่นกัน พวกเขาต้องการฆ่าเจ้าแห่งมารก็เป็นไปได้ว่าจะฆ่าราชาเทวะด้วย” มู่ชิงเกอกล่าวเสริม
ซวีซิวกลับสูดลมหายใจเย็นวาบ
มู่ชิงเกอยิ้มบางๆ “เข้าใจแล้วก็รีบไปจัดเตรียมพิธีสมรสเถิด”