ตอนที่ 701
เคล็ดวิชาเทวะส่วนที่เหลือสามส่วน
มู่ชิงเกอเลิกคิ้ว รู้สึกเกินคาดไปบ้าง
เรื่องที่ผู้เฝ้ามองต้องการพบนางนั้นนางคิดไว้อยู่แล้ว เพียงแต่ไม่นึกว่าราชครูเองก็หาผู้เฝ้ามองพบ และอยู่กับเขาที่จุ้ยฝูจวีเพื่อรอนางมาหา
“นายน้อย” ราชครูเห็นมู่ชิงเกอเดินเข้ามาก็รีบเดินเข้าไปต้อนรับ
ส่วนผู้เฝ้ามองเห็นมู่ชิงเกอเดินเข้ามาก็เพียงผงกศีรษะนิดๆ จนเมื่อนางเข้ามาใกล้จึงเรียก “นายน้อย”
มู่ชิงเกอแค่นยิ้มที่มุมปาก บอกเขาว่า “ผู้เฝ้ามองเรียกข้าว่านายน้อย ข้ายังรู้สึกปรับตัวไม่ทันเท่าไหร่นัก”
ผู้เฝ้ามองยิ้มบางๆ พูดว่า “นายน้อยไม่ต้องเรียกข้าว่าผู้เฝ้ามองหรอก ข้าชื่อว่าซวีซิว”
มู่ชิงเกอมองเขาอย่างนิ่งเฉย แววตาที่ใสกระจ่างนั้นเบนไปที่ราชครูแทน ฝ่ายหลังรู้ว่านางอยากรู้อะไรจึงเอ่ยว่า “นายน้อย ที่ศิษย์พี่กับข้ามาด้วยกันนั้นก็เพื่อมอบเคล็ดวิชาเทวะส่วนล่างส่วนที่เหลือสองส่วน”
“เคล็ดวิชาเทวะส่วนที่เหลือเล่า” มู่ชิงเกอถามตรงๆ
ราชครูมีสีหน้าลำบากใจมองไปที่ซวีซิว
ซวีซิวเอ่ยว่า “เคล็ดวิชาเทวะมอบให้ได้เพียงนายน้อยตระกูลมู่เท่านั้น หากนายน้อยยินดีรับตระกูลมู่ที่เหลือทั้งหมด เคล็ดวิชาเทวะส่วนล่างที่เหลือนั้น ซวีซิว ย่อมมอบให้”
มู่ชิงเกอสั่นศีรษะยิ้ม แววตาเย็นเฉียบพูดว่า “ลูกน้องเช่นเจ้า ข้ารับไม่ไหวหรอก”
ดวงตาซวีซิวเปล่งประกายแวบหนึ่ง ไม่ได้พูดอะไร
มู่ชิงเกอไม่สนใจเขา นางเดินไปนั่งที่เก้าอี้ในห้อง ยกขาขึ้นไขว่ห้าง พิงพนักอย่างเกียจคร้าน สองตาหรี่ลงน้อยๆ มุมปากเชิดขึ้นเหมือนรอยยิ้ม
ท่าทีเช่นนี้ในสายตาราชครูนั้นดูปกติมาก แต่ในสายตาของซวีซิวกลับรู้สึกต่างกับมู่เทียนอินราวฟ้ากับดิน
“เคล็ดวิชาเทวะส่วนล่าง ห้าส่วนข้าได้มาแล้วหนึ่งส่วน อีกสองส่วนในมือเจ้าจะให้ข้าก็ได้ ไม่ให้ข้าก็ ตามใจ ข้าไม่รีบ ถึงอย่างไรไม่มีเคล็ดวิชาเทวะส่วนบน กับส่วนกลาง เจ้ายึดส่วนล่างเอาไว้ก็เป็นเพียงแค่เศษกระดาษเท่านั้น” มู่ชิงเกอพูดช้าๆ
ซวีซิวมองมู่ชิงเกอ ท่าทียังคงไม่เปลี่ยนแปลง ถึงแม้ได้ยินคำพูดมู่ชิงเกอแล้วก็ไม่มีท่าทีโต้ตอบใดๆ
นี่ทำให้มู่ชิงเกอขมวดคิ้ว แววตาเครียดลง
ราชครูยืนอยู่ข้างๆ เห็นท่าไม่ได้การจึงเดินขึ้นหน้าบอกซวีซิวว่า “ศิษย์พี่ ให้ข้าคุยกับนายน้อยตามลำพังสักหน่อยได้ไหม”
ซวีซิวไม่พูด เงาร่างวาบหายไปทันที
ตาดำของมู่ชิงเกอหดลง ใบหน้าเครียดขรึม นางมองไปทางราชครูแล้วถามว่า “เกิดอะไรขึ้น ข้าดูท่าทางของเจ้ากับเขาครั้งนี้จะดีกว่าครั้งก่อนมาก”
ราชครูถอนหายใจ ทำความเคารพตรงหน้ามู่ชิงเกอแล้วบอกนางว่า “นายน้อย เมื่อข้าหาศิษย์พี่พบก็ได้คุยกันแล้ว เขาบอกว่าขอเพียงท่านนำคนตระกูลมู่ สร้างเก้าชั้นฟ้าขึ้นมาใหม่อีกครั้ง เขาก็จะมอบเคล็ดวิชาเทวะส่วนล่างให้แก่ท่าน”
มู่ชิงเกอไม่พูด
เรื่องสร้างเก้าชั้นฟ้าขึ้นมาใหม่นั้น ถึงแม้ซวีซิวไม่บอก นางก็ถือเป็นหน้าที่ที่จะต้องทำอยู่แล้ว เนื่องจากนางรับปากบรรพชนตระกูลมู่ที่หานชุ่นไว้แล้วก็จะ ต้องทำเรื่องนี้ให้ลุล่วง
ที่นางไม่พอใจคือ แต่ก่อนนี้ซวีซิวสนับสนุนผู้ชั่วร้ายให้มู่เทียนอินทำร้ายผู้ใกล้ชิดของนาง
ถึงแม้ เมื่อดูจากจุดยืนแล้วซวีซิวจะไม่ผิด แต่ในด้านความรู้สึกก็ยากที่จะรับได้อยู่ดี ไม่ต้องพูดเรื่องเหตุผลกับนาง นางเป็นผู้หญิง เหตุผลสำหรับผู้หญิงนั้น เวลาอยากมีก็มี เวลาไม่อยากมีก็ไม่มี
อีกทั้ง ท่าทีของซวีซิวทำให้นางไม่ชอบใจนัก นางไม่อยากกลายเป็นมู่เทียนอินคนที่สองที่ปล่อยให้เขาควบคุมตามอำเภอใจ
“นายน้อย ตามคำสั่งเสียของบรรพชนตระกูลมู่ ใครเป็นนายน้อยที่แท้จริงของตระกูลมู่คนคนนั้นจะต้องยอมรับตระกูลมู่ที่เหลือทั้งหมด มู่เทียนอินตายแล้ว เหตุใดนายน้อยไม่ยอมรับอิทธิพลตระกูลมู่ในแผ่นดินเทพมารเล่า อิทธิพลพวกเขามีมากมายมหาศาลนัก” ราชครูพูดแฝงความหมายมากมาย
มู่ชิงเกอกลับค่อยๆ มองราชครูแล้วพูดช้าๆ ว่า “ที่ข้าต้องการคือลูกน้องที่เชื่อฟังคำสั่ง ไม่ใช่ลูกน้องที่มาชี้นิ้วบอกให้ข้าทำโน่นนี่ หากจะใช้ข้าเป็นเบี้ย ขอโทษด้วย ลูกน้องเช่นนี้ข้าไม่ต้องการ แข็งแกร่งแค่ไหนข้าก็ไม่ต้องการ”
“หากศิษย์พี่ยอมถอยเล่า” ราชครูพูด “นายน้อย ความจริงศิษย์พี่เองก็มีความลำบากของศิษย์พี่ แผ่นดินเทพทั้งสี่สมุทรเป็นสถานที่ที่อันตรายมากที่สุด ครั้งนั้นเขานำกำลังของตระกูลมู่ซุ่มอยู่ในแผ่นดินเทพทั้งสี่สมุทร รอคอยความหวังใหม่ของตระกูลมู่ ระยะเวลานี้ยาวนานมาก ก่อนที่จะมีนายน้อยเขาจะต้องแบกรับ หน้าที่ผู้นำ ดังนั้นในการดำเนินการต่างๆ ก็อาจจะแข็งกร้าวไปบ้าง”
“เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว ให้เขามาพบข้า” มู่ชิงเกอตัดบทราชครู
ราชครูชะงักไป ยังไม่ทันเอ่ย เงาร่างของซวีซิวก็ปรากฎในห้องอีกครั้งราวกับว่าเขาไม่เคยจากไปเลย
มู่ชิงเกอไม่สนใจว่าเขาเคยหรือไม่เคยจากไป เพียงบอกเขาตรงๆ ว่า “อยากให้ข้ารับช่วงต่อไม่ใช่ไม่ได้ แต่ข้ามีข้อแม้หนึ่งข้อ”
“นายน้อยเชิญพูด” ซวีซิวพูดเสียงเนือย
ร่างมู่ชิงเกอเอนขึ้นหน้า มองเขาด้วยแววตาคมกริบ พูดช้าๆ ว่า “เจ้า ปล่อยวาง อำนาจซะ!”
ตาดำซวีซิวหดลงเล็กน้อย มองมู่ชิงเกอทันที
มู่ชิงเกอเองก็จ้องเขา ไม่ได้ประหม่าหรือถอยหลบแม้แต่นิด สายตาของทั้งคู่ปะทะกันกลางอากาศ ต่างคนต่างไม่ยอมถอยให้อีกฝ่าย
หากซวีซิวไม่ปล่อยวางอำนาจ เช่นนั้นแม้นางจะตกลงยอมรับอิทธิพลตระกูลมู่ในแผ่นดินเทพมาร ก็ทำได้เพียงเปลือกนอก ดังนั้นในจุดนี้จะถอยไม่ได้แม้เพียงนิดเดียว
ทั้งคู่จ้องกันอยู่นาน ราชครูที่ยืนอยู่ตรงกลางก็รู้สึกอึดอัดจนหายใจไม่ออก
บรรยากาศที่บอกไม่ถูกสายหนึ่งค่อยๆ ขับเคลื่อนอยู่ภายในห้อง
เนิ่นนานซวีซิวจึงพูดเสียงเครียดว่า “ได้”
ขณะที่เขาพูดคำนี้ ดวงตาของมู่ชิงเกอก็หรี่ลง แววตาคมวาววาบออกมาแวบหนึ่ง
อีกครึ่งชั่วยามต่อมา มู่ชิงเกอก็เดินออกมาจากจุ้ยฝูจวีคนเดียว นางทำสำเร็จได้เคล็ดวิชาเทวะส่วนที่เหลืออีกสองส่วนมาจากซวีซิวและได้พูดกับเขาไว้แล้วว่า ในเมื่อเผ่าเทพต่างเข้าใจว่านายน้อยตระกูลมู่ตายไปแล้ว ตระกูลมู่ก็จะต้องซ่อนเร้นลึกมากยิ่งขึ้น ให้ตระกูลมู่เก็บตัวเงียบไปชั่วคราว
รอจนนางกลับถึงแผ่นดินเทพตะวันออกแล้ว รอให้เรื่องนี้เงียบสงบลงไปสักระยะ พวกเขาค่อยพบกันที่แผ่นดินเทพเหนือ
พบกันครั้งหน้า นางจะได้เห็นพลังตระกูลมู่ที่ยังเหลืออยู่ในแผ่นดินเทพมารทั้งหมด
เหตุใดจึงเลือกแผ่นดินเทพเหนือหรือ
เนื่องจาก ซวีซิวเคยบอกว่า คนตระกูลมู่ได้ป้ายผ่านเข้าออกแผ่นดินเทพเหนือมาเมื่อหลายปีก่อน อีกทั้งแผ่นดินเทพเหนือก็อยู่ติดกับป่าอสูร มู่ชิงเกอเดิมทีก็คิดหาโอกาสไปป่าอสูรจึงแวะได้พอดี
เมื่อกลับถึงที่พัก มู่ชิงเกอก็ไม่ได้ทำให้คนอื่นตื่นตกใจ
ความจริงนางสามารถรับพวกซวีซิวเข้าไปในช่องว่างได้ แต่เวลานี้นางยังไม่ได้ไว้ใจพวกเขาจึงไม่อยากเปิดเผยความลับมากนัก อีกทั้งการฟื้นฟูตระกูลมู่ ยังต้องเคลื่อนไหวในแผ่นดินเทพทั้งสี่สมุทร คนในช่องว่างของนางนั้น เมื่อมีกำลังมากเพียงพอแล้วจะต้องถูกปล่อยออกมาทั้งหมด แล้วจะใส่คนเข้าไปเพิ่มอีกทำไมกัน
เรื่องตระกูลมู่เมื่อดำเนินมาถึงช่วงหนึ่ง สิ่งที่ทำให้มู่ชิงเกอพึงพอใจมากที่สุดคือนางได้เคล็ดวิชาเทวะส่วนล่างมาแล้วสามส่วน ส่วนเบาะแสอีกสองส่วนที่เหลือ ซวีซิวว่าจะบอกนางเมื่อพบกันครั้งหน้า
เมื่อได้เคล็ดวิชาเทวะส่วนล่างมาแล้วสามส่วนก็จะสามารถอ่านส่วนหนึ่งของเคล็ดวิชาได้
มู่ชิงเกอนำส่วนที่เหลือสามส่วนหลอมรวมกัน ในสมองตัวหนังสือค่อยๆ ปรากฎชัดเจนขึ้นมา
ทันใดนั้น นางก็ลืมตาขึ้น ดวงตาเปล่งประกายแหลมคมพูดเสียงเครียดว่า “คาถาท่อนนี้…”