Skip to content

พลิกปฐพี 871

ตอนที่ 871

ขบวนสู่ขอยาวสิบลี้

สีแดงเคลือบทองแวววับละลานตาบนเก้าชั้นฟ้าหน้าวังราชาเทวะถูกสินเดิมแต่ละชิ้นๆ เหล่านี้วางจนเต็ม กองซ้อนกันเป็นชั้นๆ

กระทั่งคนที่ผ่านทางไปมายังพากันคาดเดา ราชาเทวะของตนจะแบกสินเดิมจากเก้าชั้นฟ้าไปถึงแดนมารรกร้างจริงๆ หรือ

“นับตั้งแต่โบราณกาลมาล้วนแต่เป็นบุรุษสู่ขอ สตรีรอแต่ง แม้ว่าจะเป็นสินเดิมนี้ก็ยังต้องรอให้ถึงวันแต่งงาน แล้วค่อยแบกไปที่บ้านสามี เหตุใดพอเป็นเก้าชั้นฟ้าแห่งนี้จึงกลับกันเล่า” มู่เฟิงยืนอยู่บนชั้นบันได ขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ

ข้างหน้าเขา มีเงาขาวอรชรหนึ่งสายกำลังยุ่งอยู่กับการตรวจนับสินเดิม พูดคุยสนทนากับโย่วเหอ ฮวาเยวี่ย ชูเนี่ยน และเซวี่ยนหย่า

สายตาของมู่เฟิง กวาดผ่านร่างนางไปอย่างไม่ทันระวัง จากนั้นก็รีบหลบ

“ราชาเทวะของพวกเรา ใช่คนธรรมดาที่ไหนกัน” คำพูดของมู่เฉิน ดึงจิตใจที่ฟุ้งซ่านเล็กน้อยของมู่เฟิงกลับมา

มู่เฟิงพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “สตรีไปสู่ขอด้วยตัวเอง แบกสินเดิมส่งไปถึงบ้านฝ่ายชายด้วยตัวเอง ยังถือเป็นครั้งแรกนับแต่โบราณกาล!”

มู่เฉินยิ้มกล่าวอย่างทะนงตน “นี่จึงจะเหมาะสมกับฐานะเก้าชั้นฟ้าของเรา ฮ่าๆๆๆ”

พูดจบ เขาก็ยกมือตบบ่ามู่เฟิง ก้าวยาวเดินลงไป

วันนี้ เป็นวันมงคลที่มู่ชิงเกอเดินทางไปสู่ขอเจ้าแห่งมารที่แดนมารรกร้างด้วยตัวเอง คนทุกระดับชั้นในเก้าชั้นฟ้าเตรียมงานมาครึ่งเดือน ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง แล้ว

ในครึ่งเดือนนี้ข่าวราชาเทวะมู่แห่งเก้าชั้นฟ้าเป็นสตรี อีกทั้งยังต้องการจะละเมิดข้อห้าม จัดพิธีอภิเษกสมรสกับเจ้าแห่งมารแดนมารรกร้างแพร่กระจายไปทั่ว แผ่นดินเทพสี่สมุทรนานแล้ว

ช่วงพิธีสมรส ยังเหลือเวลาอยู่เล็กน้อย แต่วันหมั้นหมายนี้กลับกระชั้นชิดเข้ามาแล้ว

ตอนที่ข่าวข่าวนี้แพร่ออกไป คนนับไม่ล้วนต่างตื่นตะลึงกันไม่หยุด

แต่ว่าเมื่อคิดถึงท่าทางราวกับเทพสงครามนั้นของมู่ชิงเกอ ศีรษะชุ่มโลหิตแต่ละหัวนั้น บวกกับการตั้งใจโน้มน้าวของซวีซิว ในแผ่นดินเทพสี่สมุทรกลับไม่

เกิดมรสุมที่ใหญ่จนเกินไปนัก

ทุกคนต่างก็กำลังเฝ้าสังเกต เฝ้าสังเกตว่าการฝืนชะตาเช่นนี้จะราบรื่นพอหรือไม่ และจะออกมาสมบูรณ์แบบหรือไม่

ทว่า ไม่ว่าคนภายนอกจะคิดอย่างไร ในเก้าชั้นฟ้าล้วนเต็มไปด้วยความปีติยินดี

ราชาเทวะของพวกเขา ในที่สุดก็มีเวลามาไตร่ตรองเรื่องใหญ่ในชีวิตที่เหลือของตนแล้ว จะไม่ดีใจได้อย่างไร จะไม่ตื่นเต้นได้อย่างไร ไม่สนว่าเจ้าบ่าวจะเป็นใคร ขอเพียงแค่รีบแต่งงานกับราชาเทวะของตนในเร็ววัน มีทายาทสืบทอดไม่ขาดสายก็พอแล้ว

ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าแห่งมารก็เป็นบุคคลอันดับหนึ่งของแผ่นดินมาร สายโลหิตที่ดีงามเช่นนี้บวกกับราชาเทวะของพวกเขา สำหรับประมุขน้อยในอนาคต พวกเขา สะกดกลั้นการเฝ้ารอและความดีใจเป็นล้นพ้นภายในจิตใจไว้ไม่ได้แล้ว

ในตำหนักหน้าของพระราชวัง ผู้คนด้านล่างบัลลังก์ราชาเทวะถกเถียงกันไม่หยุด ส่วนมู่ชิงเกอก็นั่งอยู่บนบัลลังก์แววตาที่กำลังจ้องมองกลับเป็นสินเดิมที่กองสุมดั่งภูเขาเหล่านั้นนอกประตู

ในดวงตาที่ใสสะอาดคู่นั้น เปล่งประกายแวววับปรากฎรอยยิ้มจางๆ

วันนี้นางยังคงสวมกระโปรงแดงที่น่าหลงใหลดั่งดวงอาทิตย์ชุดเกราะอ่อนสีทองเงิน บนศีรษะปักปิ่นหยกสีเลือดอันนั้น ท่ามกลางความองอาจผึ่งผาย ยังมีบุคลิกที่สวดหยาดเยิ้มของสตรี เครื่องหน้าทั้งห้าที่งดงามละเอียดอ่อนทำให้คนตัดใจละสายตาไปไม่ได้

การถกเถียงที่ด้านล่างบัลลังก์นั้นนางไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว คำพูดกระซิบกระซาบเหล่านั้น นางไม่แม้แต่จะตั้งใจฟัง ตอนนี้ สิ่งที่ปรากฎอยู่ในสมองนางก็คือการพบ หน้ากันทุกครั้งของนางกับซือมั่ว

ปีศาจเฒ่า!

วัวแก่กินหญ้าอ่อน!

มุมปากมู่ชิงเกอยกยิ้มอย่างหวานชื่นและน่าหลงใหล ตอนนี้นางกำลังจะไปดินแดนมาร จูง ‘วัวแก่’ ตัวนั้นกลับมาด้วยมือตัวเอง เมื่อคิดถึงครั้งแรกที่พบกัน ของคนทั้งสองก็ยังคงรู้สึกเบิกบานใจเป็นอย่างยิ่ง

“ราชาเทวะ ท่านออกความคิดเห็นหน่อยเถิด เรื่องนี้อย่างไรเสียก็ยังต้องให้ท่านเห็นด้วยจึงจะถูก” ผู้อาวุโสตระกูลมู่ท่านหนึ่งกล่าวกับมู่ชิงเกออย่างตรงไป

ตรงมา เสียงที่ก้องกังวานดึงมู่ชิงเกอกลับมาสู่ความเป็นจริง

มู่ชิงเกอกะพริบตา เก็บสายตากลับมองไปที่ด้านล่างบัลลังก์สายตากวาดมองกลุ่มคนด้านล่างอย่างเรียบเฉย กล่าวถาม “เรื่องอะไรหรือ”

เนื้อบนแก้มทุกคน กระตุกอย่างแรง

ชัดเจนว่ามู่ชิงเกอไม่รู้เลยว่าพวกเขากำลังถกเถียงกันเรื่องอะไร

“ราชาเทวะ ทุกคนกำลังถกเถียงถึงปัญหาทายาทผู้สืบทอด” ราชครูพยักหน้ายิ้มน้อยๆ กล่าวเพียงประโยคเดียวก็อธิบายได้ชัดเจนว่าพวกเขากำลังถกเถียงเรื่องอะไรอยู่

“ทายาทหรือ” มู่ชิงเกอเลิกคิ้ว สีหน้าแปลกประหลาดขึ้นมา

“ใช่แล้ว ราชาเทวะ ประมุขน้อยแห่งเก้าชั้นฟ้าของเราไม่มีไม่ได้หลังจากที่ท่านอภิเษกสมรสกับเจ้าแห่งมารแล้ว สามารถปรึกษาเจ้าแห่งมารได้หรือไม่ว่าให้ทายาทคนแรกเป็นประมุขน้อยแห่งเก้าชั้นฟ้า” ผู้อาวุโสท่านหนึ่งกล่าวต่อ

จากนั้นอีกคนหนึ่งก็กล่าว “ไม่ได้ๆ! ยังไม่รู้ว่าราชาเทวะกับเจ้าแห่งมารจะมีทายาทมากน้อยเพียงใด หากตอนนี้ยืนยันจะให้คนแรกเป็นประมุขน้อยแห่งเก้า ชั้นฟ้าของเราแล้ว หากว่ามีอีกคนที่เหมาะสมยิ่งกว่าจะทำอย่างไร”

“กล่าวผิดแล้ว ตำแหน่งผู้สืบทอดแต่ไหนแต่ไรล้วนเป็นบุตรสายตรงคนโต หากว่าเก้าชั้นฟ้าของเราได้ชื่อนี้มาครอบครอง ในภายหน้าอยู่ต่อหน้าแดนมารก็จะอยู่เหนือคนทั้งปวง”

“พวกเจ้าคิดว่าเจ้าแห่งมารโง่หรือ เขาจะปล่อยให้พวกเราเลือกไปเลือกมาได้อย่างไร”

“เช่นนั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับราชาเทวะแล้ว”

พูดมาถึงตอนนี้ในที่สุดการถกเถียงก็สิ้นสุดลง แต่คนทั้งหมดล่างบัลลังก์ต่างก็เหลือบตาขึ้นมองมู่ชิงเกอที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ราชาเทวะ

มู่ชิงเกอนิ่งอึ้ง จากนั้นก็เข้าใจ ที่แท้แล้วพวกนี้ก็กำลังกลุ้มใจไปเอง

นางนั่งอยู่บนตำแหน่งราชาเทวะนี้ได้ไม่กี่วันเอง ตาเฒ่ากลุ่มนี้ก็คิดถึงเรื่องผู้สืบทอดแล้วหรือ ยิ่งไปกว่านั้น ใครบอกว่าแต่งงานแล้วจะมีลูกทันที

“ราชาเทวะ ปัญหานี้ ก่อนหน้านี้ก็เคยเอ่ยขึ้นที่ลั่วซิงเฉิงแล้ว แต่ว่าตอนนั้นยังเร็วเกินไป พูดมากไปก็เปล่าประโยชน์ทว่าตอนนี้ในเมื่อพิธีอภิเษกสมรสจวนเจียน จะมาถึง ปัญหานี้ก็ถึงเวลาที่ต้องตัดสินใจแล้ว” ราชครูกล่าวกับมู่ชิงเกอ

ท่ามกลางการรอคอยของทุกคน มู่ชิงเกอแสดงสีหน้าแปลกประหลาด เอ่ยขึ้นหนึ่งประโยคว่า “ใครบอกว่าข้าจะมีลูก”

พูดจบก็ไม่สนใจกลุ่มผู้อาวุโสเหล่านั้นที่ตะลึงงันอยู่ที่เดิม นางพลันมาปรากฎตัวอยู่นอกพระราชวัง ยืนอยู่ในกองสินเดิมที่ตรวจนับเรียบร้อยกองนั้น โบกมือ

บัญชา กล่าวเสียงดัง “เคลื่อนพล!”

แผ่นดินเทพทั้งสี่อยู่ใกล้แดนมารรกร้างอย่างยิ่ง แต่ว่าเก้าชั้นฟ้ากลับเป็นสถานที่ที่อยู่ห่างไกลแดนมารที่สุด

ขบวนสู่ขอของมู่ชิงเกอต้องไปถึงแดนมารรกร้าง นั่นก็หมายความว่าต้องผ่านแผ่นดินเทพทั้งสี่ ขบวนสู่ขอยิ่งใหญ่อลังการขบวนนี้ มีองครักษ์เขี้ยวมังกรของมู่ชิงเกอคุ้มกันด้วยตัวเอง เดินทางคดเคี้ยวอยู่ในแผ่นดินเทพทั้งสี่ราวกับมังกรยักษ์ยาวๆ หนึ่งตัว

ทุกๆ ที่ที่ผ่านไป สั่นสะเทือนคนใต้หล้า ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์เทพหรือคนธรรมดาต่างก็พากันเบียดเสียด วิพากษ์วิจารณ์อยู่ด้วยกัน

“มาดูเร็ว นี่คือขบวนสู่ขอของเก้าชั้นฟ้า”

“แปลกจริงๆ ราชาเทวะมู่แห่งเก้าชั้นฟ้าเป็นสตรี คาดไม่ถึงว่าไปสู่ขอด้วยตัวเอง ไม่กลัวเสียหน้าหรือไร”

“นั่นสิ! สตรีสู่ขอด้วยตัวเอง ลดฐานะของตัวเองจนตํ่าเกินไปจริงๆ”

“พวกเจ้าจะเข้าใจอะไร นี่เผด็จการมากเพียงไหนกัน ราชาเทวะของพวกเราสู่ขอเจ้าแห่งมารของแดนมาร ทรงอำนาจเป็นบ้าเลย!”

“ก็จริงของเจ้า ราชาเทวะมู่ของเราไม่ใช่คนอย่างราชาเทวะเฟิ่งเทียน วันทั้งวันเอาแต่วางมาด วางท่าทาง คิดว่าตัวเองมีรูปโฉมดงบุปผา ความจริงแล้วก็เป็นเพียง ยายแก่อำมหิตใจดำอัปลักษณ์อย่างยิ่งผู้หนึ่ง ราชาเทวะมู่ของพวกเรามีคุณูปการในสงครามเลื่องลือไปทั่ว คุณงามความดีเกริกก้อง สตรีแบบนี้มีเพียงหนึ่งเดียวจริงๆ!”

“ข้าสงสัยจริงๆ ว่าเรื่องที่สตรีไปสู่ขอนี้ราชาเทวะมู่คิดเห็นอย่างไร”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version