ตอนที่ 913
แผนการของเผ่าฝู
ในอีกมิติหนึ่ง บนหอแหลมสูงเปรียวหลังนั้น พลันมีเสียงร้องแหบแห้งที่ปวดร้าวอย่างถึงที่สุดเสียงหนึ่งดังออกมา
เสียงร้องนี้ดึงดูดความสนใจของทหารคุ้มกันได้โดยเร็ว
ทหารคุ้มกันที่บนหน้าผากประทับตราอักขระสีแดงเหล่านี้พากันทะลุเข้ามาในหอยอดแหลม แต่ว่า ยังไม่ทันจะเข้าใกล้ประตูที่ปิดสนิท ก็มีเสียงคำรามที่ดุร้ายเสียงหนึ่งดังออกมาจากข้างในประตู
“ออกไป! ห้ามผู้ใดเข้ามาทั้งสิ้น!”
ทหารคุ้มกันที่รีบวิ่งมาก็หยุดฝีเท้าอย่างรวดเร็ว ยืนอยู่กับที่
และข้างในห้อง ในห้องที่สวยหรูไม่อาจเทียบห้องนั้น ชายผู้มีอักขระสีทองที่แฝงตัวเข้าไปในแผ่นดิ เทพมารสองครั้งตอนนี้กำลังล้มฟุบอยู่บนพื้นด้วยความ เจ็บปวด มือทั้งสองกุมหน้าตนเอง
ข้างกายเขาไม่ไกล ธงวิญญาณมารกำลังร่วงลงข้างๆ ข้างบน ยังมีไอมารวนเวียน
“อ๊ากกก!”
ชายอักขระสีทองกัดฟันกรอด ส่งเสียงปวดร้าวออกมาจากช่องฟัน
ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาเงยหน้าที่ก้มงุดขึ้นมาเปิดเผยใบหน้าออกมา
หากตอนนี้ มีคนอยู่ในห้องเกรงว่าจะต้องสูดลมหายใจเย็นเยียบหนึ่งคราด้วยความรู้สึกสยดสยอง เพราะเครื่องหน้าทั้งห้าของชายอักขระสีทองเดิมก็งดงามละเอียดอ่อน ผิวพรรณก็ขาวใสเลี้ยงเกลา แววตาอ่อนโยน
ทว่า ตอนนี้ เครื่องหน้าทั้งห้าของเขากลับปรากฎความดุร้าย ผิวพรรที่ขาวใสกลับเปลี่ยนเป็นสีฟกชํ้า คล้ายยังมีไอมารประทับอยู่ บนผิวหนังมีร่องรอยที่ ราวกับหนอนปูดขึ้นมานับไม่ถ้วน เส้นเลือดบนลำคอ และหน้าผากต่างก็ระเบิดออกมา ดวงตาสองดวงนั้นก็ถลนออกมาประหนึ่งปลาทอง น่าสะพรึงกลัวอย่างถึงที่สุด
สีหน้าของเขาเจ็บปวดและดุร้าย อักขระสีทองบนหว่างคิ้วเดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่าง คล้างกำลังฟื้นฟูร่างกายที่ถูกไอมารกัดกร่อนของเขา
ผ่านไปเนิ่นนาน กลางกระหม่อมของเขาก็ได้รับการกำจัดไอมารสีดำหนึ่งสายออก
ไอมารที่ถูกขจัดหายไปกลางห้องทันที และชายอักขระสีทองผู้นั้นก็คล้ายถูกงมออกมาจากนํ้า เสื้อผ้าเปียกชุ่มอยู่ก่อนแล้ว นอนนิ่งอยู่บนพื้นด้วยความอ่อนแรงอย่างถึงที่สุด สูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่
เครื่องหน้าทั้งห้าของเขาค่อยๆ กลับคืนสู่สภาพเดิม ผิวเองก็ขาวใสขึ้นอีกครั้ง เพียงแต่สีแดงเลือดฝาดที่ดูสุขภาพดีชนิดนั้นหายไปหลายส่วน กลายเป็นสีซีดเผือด
ภาพที่จนตรอกเช่นนี้ เขาย่อมไม่อาจให้ผู้ใดเห็นได้
หลังจากที่เขาฟื้นคืนพละกำลังกลับมาได้เล็กน้อย เขาก็พยายามลุกขึ้นจากพื้น อาบนํ้าเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ ปกปิดทุกอย่าง นั่งลงบนตำแหน่งที่เขานั่งอยู่ก่อนหน้านี้อีกครั้ง
ทว่า ตอนที่สายตาของเขาตกลงบนธงวิญญาณมารกลับเผยความชั่วร้ายออกมา
“ไม่นึกเลยว่าคิดจะกลืนกินข้า!” เขากัดฟันกรอดกล่าว
เขายกมือคว้าธงวิญญาณมารก็ถูกเขาดูดขึ้นมาจากพื้นและกำอยู่ในมือ ชั่วพริบตาถัดมาก็หายไปในฝ่ามือเขา
เพียงแต่สีหน้าของเขายังคงเหยเกอย่างถึงที่สุด แสงประกายในดวงตาดุดันน่ากลัว
นอกประตูห้องที่ปิดสนิท ทหารคุ้มกันที่มีอักขระสีแดงกลางหน้าผากเหล่านั้นยังคงยืนนิ่ง พวกเขาไม่กล้าเข้าไป แต่กลับกลัวว่าข้างในจะเกิดเรื่อง
ตอนนี้ มีเสียงฝีเท้าดังเข้ามาจากที่ไกลๆ ทำให้พวกเขาชำเลืองมอง
ผู้ที่มา คือคนสามคนที่มีตราอักขระสีดำตรงหว่างคิ้ว พวกเขาสวมชุดเกราะ พลังแข็งแกร่งอย่างยิ่ง เมื่อพวกเขาปรากฎตัว สีหน้าของเหล่าทหารคุ้มกันอักขระสีแดงเหล่านั้นต่างก็เผยท่าทีดีใจออกมา
“พวกเจ้ามาทำอะไรอยู่ตรงนี้” หลังจากเดินเข้ามาใกล้แล้ว หนึ่งคนในนั้นก็เอ่ยปากถาม
ทหารคุ้มกันอักขระสีแดงนายหนึ่ง ลักษณะคล้ายเป็นหัวหน้า ตอบเขาด้วยความเคารพ “ก่อนหน้านี้ องค์ราชาร้องโอดครวญอยู่ในห้อง พวกข้าอยากเข้า
ไป แต่กลับถูกห้ามปราม”
คำพูดของเขาทำให้คนอักขระสีดำทั้งสามขมวดคิ้ว
คนผู้หนึ่งที่มีนิลัยค่อนข้างใจร้อน ผลักทหารคุ้มกันอักขระสีแดงออก พุ่งเข้าไปข้างหน้าประตูห้องที่ปิดสนิททันที
โชคดี เขาไม่ได้พังประตูเข้าไป แต่ถามอยู่หน้าประตู “องค์ราชา ท่านไม่เป็นไรใช่หรือไม่”
“เข้ามาสิ” ครู่หนึ่ง ในประตูมีเสียงที่สงบนิ่งดังออกมา
ฟังจากเสียงนั้นคล้ายไม่มีความผิดปกติอะไร นี่ทำให้เหล่าทหารคุ้มกันอักขระสีแดงข้างหน้ามองหน้ากันและกัน
ทราบว่าผู้นำไม่เป็นอะไร ชายอักขระสีดำสามนายก็ถอนหายใจอย่างผ่อนคลายผลักประตูเข้าไป
หลังจากที่พวกเขาสามคนเข้าไป ประตูใหญ่ก็ปิดลงอีกครั้ง ปิดกั้นสายตาของเหล่าทหารคุ้มกันอักขระสีแดงเหล่านั้นนอกประตู และตอนที่ประตูใหญ่เปิดออก เหล่าทหารคุ้มกันอักขระสีแดงก็หลุบสายตาลงทันที ค้อมตัวเล็กน้อย ไม่ได้แอบมอง
เพียงแต่รายละเอียดเล็กน้อยนี้ ก็พอจะมองออกแล้วว่าการแบ่งแยกลำดับชั้นที่เข้มงวดในเผ่าฝู แบ่งแยกชั้นต่ำชั้นสูงชัดเจน
“องค์ราชา ท่าน…”
คนอักขระสีดำสามคนเดินเข้ามาใกล้ มองเห็นสีหน้าที่ขาวซีดของชายอักขระสีทองผู้นั้นก็เป็นกังวลเล็กน้อย
ชายอักขระสีทองกล่าวอย่างไม่ยอมรับ “เมื่อครู่ลองหลอมของลํ้าค่าในโลกใบนั้นดู น่าเสียดายล้มเหลวในนาทีสุดท้าย”
“องค์ราชา แม้ว่าคนของโลกใบนั้นจะไม่แพ้พ่ายตั้งแต่ศึกแรก แต่พลังกลับแปลกประหลาดอย่างยิ่ง อย่าทดลองของลํ้าค่าของพวกเขาตามอำเภอใจจะดีกว่า” คนอักขระสีดำผู้หนึ่งในนั้นกล่าวโน้มน้าว
“ข้ามีแผนของข้าเอง” ชายอักขระสีทองกลับ ยกมือห้ามไม่ให้เขาโน้มน้าว
เมื่อคำพูดนี้ดังออกไป คนทั้งสามก็ปิดปากทันที ไม่พูดมากอีก
ชายอักขระสีทองเหลือบตาขึ้นมองคนทั้งสาม กล่าวถาม “พวกเจ้าเข้ามาตอนนี้ มีเรื่องอะไรหรือไม่”
เอ่ยถึงเรื่องสำคัญ หนึ่งคนในนั้นก็กล่าวทันที “องค์ราชา สายลับฝั่งนั้นที่พวกข้าส่งไป ส่งจดหมายด่วนกลับมา บอกว่าฝั่งนั้นสังเกตเห็นว่ามีไส้ศึกแล้ว กำลังค้นหาอย่างสุดกำลัง พวกเขาสอบถามคำชี้แนะขององค์ราชา”
“เอ” ชายอักขระสีทองยกยมุมปากหัวเราะเยาะอย่างครุ่นคิด แววตาหยอกล้อ “ดูท่าแล้ว คนเหล่านี้ก็ไม่ได้โง่เสียทีเดียว”
สีหน้าที่แน่นิ่งไม่สะทกสะท้านของเขา ทำให้คนทั้งสามงุนงงไม่เข้าใจ
“ครั้งนี้ เผ่าข้าเคลื่อนไหวยิ่งใหญ่เช่นนี้ หากพวกเขายังไม่เห็นต้นตอของเรื่องแม้แต่นิดเดียวคงทำให้คนผิดหวังเกินไปจริงๆ อีกทั้งยังไม่สนุกอีกด้วย” ชาย อักขระสีทองพิงไปข้างหลังอย่างเกียจคร้าน รอยยิ้มคลุมเครือยากจะเข้าใจ
คนทั้งสามตกตะลึง แววตาปรากฎความประหลาดใจ
คนผู้หนึ่งมีความกล้ามากพอ ถามอย่างหยั่งเชิง “องค์ราชาตั้งใจหรือ”
ชายอักขระสีทองยิ้มกว้าง เครื่องหน้าทั้งห้างดงามยิ่งขึ้น “จะไม่ใช่ได้อย่างไร เผ่าข้าแฝงตัวนับแสนปี พวกเขาไม่สังเกตเห็นเลย หากไม่ใช่ข้าตั้งใจแสดงพิรุธ พวกเขาจะคิดได้หรือ”
“แต่ว่า เหตุใดองค์ราชาถึงต้องทำเช่นนี้” คนอักขระสีดำสามคนไม่เข้าใจ
กลืนกินโลกใบนั้นเงียบๆ ไม่ใช่ดีกว่าหรือไร เหตุใดต้องเตือนสติ
สีหน้าชายอักขระสีทองหยิ่งผยอง กล่าวอย่างถือดี “หากว่าคู่ต่อสู้อ่อนแอเกินไปก็ไม่สนุก กาลเวลาเนิ่นนาน ต้องหาเรื่องสนุกๆ มาฆ่าเวลาเสียบ้าง”
“องค์ราชา เช่นนั้นต่อไปพวกเราจะทำอย่างไร สายลับของพวกเรา…” คนอักขระสีดำหนึ่งในนั้นกล่าวถาม
ชายอักขระสีทองกลับกล่าวอย่างเหยียดหยาม “พวกเขารู้แล้วอย่างไร คิดจะหาสายลับเผ่าข้า ในมหาสมุทรมนุษย์ไพศาล พวกเขายังไม่มีความสามารถนั้น บอกพวกเขาไม่ต้องกังวล ทำเรื่องที่ควรทำ ปลอมตัวเป็นเผ่าเทพ เผ่ามาร เล่นสนุกกับฝูงมดชั้นตํ่าเหล่านั้นให้ดีๆ”
“ขอรับ องค์ราชา!”
คนทั้งสามก้มศีรษะด้วยความเคารพ ไม่คัดค้านแม้แต่นิดเดียว
“สำหรับพวกเจ้า” ชายอักขระสีทองเบนสายตา ตกลงบนร่างคนอักขระสีดำทั้งสาม ตอนที่สายตาของเขาตกลง ร่างคนทั้งสามก็สั่นเทาอย่างอดไม่ได้
“เลี้ยงเหล่าลูกรักตัวน้อยของข้าให้ดี อย่าให้พวกมันหิว การแข่งขันครั้งนี้ พวกมันไม่อาจขาดไปได้” มุมปากชายอักขระสีทองเผยรอยยมน่าสะพรึงกลัวออกมา
ชายอักขระสีดำทั้งสามโค้งตัวถอยออกไป
ในห้อง หลังจากที่เหลือชายอักขระสีทองเพียงผู้เดียว เขาก็ลุกขึ้น เดินไปยังตำหนักหลัง
ตอนที่เขาเดินไป คาดไม่ถึงว่าร่างของเขาค่อยๆ ลอกคราบออกมาเป็นคนผู้หนึ่ง โฉมหน้าเหมือนกันกับเขา ที่ไม่เหมือนมีเพียงแค่คนที่ลอกคราบออกมาผู้นั้นเป็นสตรี…