ตอนที่ 915
ถูกปลอบประโลม
ตั้งแต่ที่นางได้เรือต้าเซียน ตอนนั้นภาพเก่าๆ ภาพนี้ก็กะพริบผ่านหน้านาง และตอนนั้นนางก็เพียงแค่ คิดว่าจะได้นั่งเรือต้าเซียนกับซือมั่วในวันหน้า
“แผนที่โลกทั้งสามพันใบหรือ” ราชาเทวะเฝินไห่ร้องตกใจ
แทบจะหลังจากที่มู่ชิงเกอพูดจบ ในดวงตาของทุกคนก็เปล่งแสงสว่างที่ร้อนแผดเผาออกมา แม้แต่ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยก็ไม่เว้น สายตาของซือมั่วคลุมเครือ ยากจะเข้าใจครู่หนึ่ง หลังจากนั้นก็เปลี่ยนเป็นความสงบนิ่ง
เพราะว่า หากมีแผนที่โลกทั้งสามพันใบจริงๆ เช่นนั้นก็หมายความว่า พวกเขาจะได้รู้ว่าโลกใบหลักในคำรํ่าลือนั้น ที่แท้แล้วมีอยู่จริงหรือไม่ และอยู่ที่ใด
ราชาเทวะสือฟางสูดหายใจเข้าลึก พยายามสงบอารมณ์ของตัวเอง กล่าวถาม “ราชาเทวะมู่ เรื่องนี้ ไม่อาจพูดเล่นมั่วซั่วได้”
มู่ชิงเกอส่ายหน้าช้าๆ “เรื่องนี้ ข้าเองก็มีเบาะแสจำกัด ที่มั่นใจได้ก็คือแผนที่แผ่นนี้มีอยู่จริง แต่อยู่ที่ใด มีลักษณะอย่างไร ข้าไม่รู้เลย หากพวกเราโชคดี หาแผนที่แผ่นนั้นได้ วิเคราะห์โลกที่เผ่าฝูอยู่ได้ ไม่แน่ว่า พวกเราก็อาจจะมีโอกาสลอบเข้าไป จับตาสถานการณ์ของพวกเขาให้แน่ชัด เปลี่ยนจากผู้ถูกกระทำเป็นผู้กระทำ”
ทุกคนขมวดคิ้ว ค่อยๆ สงบนิ่งลงจากข้อมูลน่าตกใจที่มู่ชิงเกอโยนออกมานี้
“ปัญหาก็คือ ตอนนี้พวกเราไม่รู้เลยว่าแผนที่อยู่ที่ใด” ราชาเทวะจินกวงขมวดคิ้วมุ่น
“เช่นนั้นก็ทำได้เพียงจัดการสองอย่างพร้อมกัน ด้านหนึ่งก็จับไส้ศึกเผ่าฝูต่อ ป้องกันการลอบโจมตีอีกครั้งของเผ่าฝู อีกด้านหนึ่งก็ค้นหาเบาะแสแผนที่” ราชาเทวะจงซานกล่าว
มู่ชิงเกอพยักหน้าเบาๆ มองทุกคน “นอกจากนี้แล้ว พวกเรายังต้องกลับไปที่ปัญหาก่อนหน้านี้ นั่นก็คือกำลังรบ”
นางละสายตามองซือมั่ว จากนั้นจึงมองคนอื่นๆ “แดนมารสู้รบกับเผ่าฝูเป็นเวลานาน อีกทั้งเหตุการณ์ที่เผชิญหน้าก็เยอะกว่าแผ่นดินเทพมาก ข้าขอเสนอให้แม่ทัพเผ่ามารมาชี้แนะเคล็ดวิชาฆ่าศัตรูแก่เผ่าเทพ ส่วนแดนเทพแต่ละแห่งก็ต้องจัดกลุ่มกองทัพ ที่มีประสิทธิ์ภาพโดยเร็ว เพื่อป้องกันเหตุฉุกเฉิน”
“นี่ จะให้คนของเผ่ามารมาชี้แนะ คงไม่เหมาะสมกระมัง” ราชาเทวะซุยชิงลังเลครู่หนึ่ง เอ่ยปากหยั่งเชิง
“เฮอะ หากไม่ใช่ว่าพระชายาสั่งเอง พวกข้าก็ไม่เต็มใจหรอก” ชิงเจ๋อกล่าวอย่างอดไม่ได้
ส่วนซือมั่วก็เงียบขรึมต่อไป คล้ายมอบทุกสิ่งทุกอย่างให้มู่ชิงเกอจัดการ
มู่ชิงเกอกระตุกปากยิ้ม มองราชาเทวะซุยชิงแล้วกล่าว “เชิญแม่ทัพเผ่ามารมาชี้แนะก็เพื่อป้องกัน ไม่ให้เกิดการบาดเจ็บที่ไม่จำเป็น ลดอัตราการตายของเผ่าเรา ถ้าหากราชาเทวะซุ่ยชิงมั่นใจในตัวเองเต็มเปี่ยม ก็สามารถปฏิเสธได้”
หนึ่งประโยค ปิดปากราชาเทวะซุ่ยชิงจนพูดไม่ออก
เผ่าฝู…ชนเผ่าที่แปลกประหลาดยากจะคาดเดาเผ่านั้น ตัวประหลาดที่ฆ่าไม่หมดไม่สิ้นประเภทนั้น เขาเองก็รู้สึกปวดหัว หากเผชิญหน้า เขาไม่กลัว แต่ศิษย์แดนซุยชิงของเขาเล่า
“เจ้าแห่งมารคิดเห็นอย่างไร” มู่ชิงเกอละลายตา มองซือมั่ว
ซือมั่วเหลือบตาขึ้นช้าๆ มองนาง แต่กลับกล่าวกับทุกคน “แผ่นดินเทพมารรวมเป็นหนึ่ง ข้าศึกนอกอยู่ข้างๆ เผ่ามารของข้าไม่อาจหลบซ่อน แต่หากมีคนกล้าฉวยโอกาสนี้ รังแกประชาชนเผ่ามารของข้า ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดก็ตาม ไม่ต้องให้เผ่าฝูโจมตี ข้าก็สามารถฆ่าล้างได้เช่นกัน”
เมื่อพูดจบ ไอเย็นเยียบหนึ่งกลุ่มก็กวาดอยู่ในตำหนักราวกับธนูแหลม
คำตักเตือนประโยคนี้ของเขา ทำให้ทุกหนทุกแห่งในตำหนักเงียบเชียบ
ครู่ใหญ่ มู่ชิงเกอจึงกระตุกปากยิ้มกล่าว “เช่นนั้นวันนี้ก็เท่านี้เถิด ทุกท่านแยกย้ายไปเตรียมการ หากมีข่าวคืบหน้าก็ค่อยวางแผนขั้นต่อไป”
ขณะที่พูด นางก็มองราชาเฟิ่งกับอินเจวี๋ย เผ่าภูติภูเขาฝั่งนั้น เอ่ยปากกล่าว “ท่านทั้งสองโปรดอยู่ต่อสักครู่ ข้ามีอะไรจะพูดกับท่านทั้งสองอีกเล็กน้อย”
คนทั้งสองที่เตรียมตัวจะลุกขึ้นก็นั่งลงใหม่อีกครั้ง
ราชาเทวะคนอื่นๆ ต่างแยกย้ายกลับไป ต่างคนต่างเตรียมการ
ตอนที่ในตำหนักมีเพียงราชาเฟิ่ง อินเจวี๋ย มู่ชิงเกอ รวมถึงซือมั่วกับโห่ว มู่ชิงเกอจึงเอ่ยปาก “ท่านทั้งสอง มีเรื่องบางเรื่องต้องให้ท่านทั้งสองออกแรง”
“ราชาเทวะมู่มีเรื่องก็เชิญพูด ด้วยความสัมพันธ์ของท่านกับลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของข้า หากข้าช่วยได้ จะไม่ปฏิเสธเป็นอันขาด” ราชาเฟิ่งกล่าวต่อ
อินเจวี๋ยเองก็พยักหน้าเบาๆ อมยิ้มในดวงตา
มู่ชิงเกอเม้มปาก จากนั้นจึงกล่าว “ในป่าอสูร มีกลุ่มชนเผ่าเยอะแยะมากมาย ตอนนี้ความทะเยอทะยานของเผ่าฝูเป็นที่ประจักษ์ ตอนที่มวลชน พร้อมใจกัน เมื่อท่านทั้งสองกลับไปแล้ว โปรดอธิบายแก่กลุ่มชนอื่นๆ ให้ทุกคนปรองดองร่วมรับมือกับภายนอก”
“เรื่องนี้ ราชาเทวะมู่โปรดวางใจ” ราชาเฟิ่งกล่าว
อินเจวี๋ยเองก็กล่าว “เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับแผ่นดินเทพมารทั้งหมด ไม่ว่าใครก็ไม่อาจเมินเฉย ข้าคิดว่าในใจทุกคนต่างทราบดี”
ได้รับการยินยอมจากคนทั้งสอง มู่ชิงเกอก็มองโห่ว กล่าว “สัตว์อสูรฝั่งนั้น เจ้าเองก็ต้องควบคุมให้ดี เวลาคับขัน บุญคุณความแค้นเหล่านั้นก็วางลงข้างๆ ชั่วคราว”
“อืม ข้ารู้แล้ว” โห่วพยักหน้ากล่าว
หลังจากที่พูดคุยจบ ทั้งสามคนก็กลับป่าอสูรพร้อมกัน เหลือเพียงมู่ชิงเกอกับซือมั่วสองคน
พิธีสมรสน่าปีติยินดีแต่เดิมกลับเผชิญหน้ากับสงครามกะทันหัน บรรยากาศตึงเครียดพักหนึ่ง ตอนนี้กลับสงบนึ่งอย่างหาได้ยาก มู่ชิงเกอเดินไปหาซือมั่ว พิงขอบโต๊ะ
ซือมัวยืนมือออกมา จับมือนางขึ้น ดึงนางเข้ามาในอ้อมอกช้าๆ นั่งลงบนขาทั้งคู่ของตน
มู่ชิงเกอเองก็ถือโอกาสพิงหัวไหล่เขา หลับตาทั้งสองลง
“เหนื่อยแล้วใช่หรือไม่” ซือมั่วลูบผมนางเบาๆ กล่าวถามเสียงตํ่า
มู่ชิงเกอหลับตาทั้งคู่กล่าว “เหนื่อย แต่ไม่ได้เหนื่อยเท่าไร เพียงแค่รู้สึกว่า ศึกครั้งนี้ยังไม่มีต้นสายปลายเหตุ” นางไม่ยอมพูดถึงภาพอนาคตที่เก็บลึกอยู่ในใจภาพนั้นออกมา
ภาพภาพนั้น นางมองเห็นเพียงแต่โลกที่ย่อยยับ มองเห็นผู้คนตายในสงครามไม่ขาดสาย ทั้งที่รู้จัก และไม่รู้จัก…รวมไปถืงซือมั่ว…
นางไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นถึงได้นำไปสู่ผลลัพธ์เช่นนั้น ดังนั้น นางทำได้เพียงพยายามแข็งแกร่ง คิดอยากจะช่วงชิงพละกำลังที่เปลี่ยนอนาคตได้
ตอนนี้ เผ่าฝูมาโจมตี ภาพลางบอกเหตุนั้น ยิ่งทำให้นางรู้สึกถึงมันได้ชัดเจนมากขึ้น
ในใจนางมีความรู้สึกชนิดหนึ่ง ก็คือภาพภาพนั้น ภาพที่ทำให้นางไม่อาจรับได้ เกิดขึ้นเพราะว่าเผ่าฝู ดังนั้น หัวใจนางจึงว้าวุ่นเพียงนั้น
“กำลังกังวลอำนาจที่แตกแยกของแผ่นดินเทพอยู่หรือ” ซือมั่วไม่รู้ความคิดในใจนาง ยังคิดว่าเหนื่อยใจกับท่าทีของราชาเทวะคนอื่นๆ
มู่ชิงเกอเองก็ไม่ได้อธิบาย เพียงแค่หลับตา กล่าวต่อ “เรื่องนี้รีบร้อนไม่ได้ หากตอนนี้ให้ข้าบัญชาการ ในใจพวกเขาก็จะไม่มีทางยอมรับเป็นอันขาด มีเพียงเสียเปรียบแล้ว พวกเขาจึงจะยอมรับมนุษย์น่ะ เมื่อกุมอำนาจไว้แล้ว คิดอยากจะให้เขา ปล่อยเขาจะปล่อยง่ายๆ ได้อย่างไร”
“หากพวกเขาไม่ยอม ข้าก็จะฆ่าพวกเขาซะ” ซือมั่วกล่าวอย่างตรงไปตรงมา ทำให้เสี่ยวเกอเอ๋อร์ของเขาต้องเหนื่อยกายเหนื่อยใจ เขาฆ่าเสียก็หมดเรื่อง
มู่ชิงเกอหลุดหัวเราะ ลืมตาทั้งคู่ ยื่นมือจิ้มปลายจมูกของเขา กล่าวหยอกล้อ “เจ้านี่มันเผด็จการจริงๆ ฆ่าพวกเขาแล้ว จะต้องทำให้แดนเทพของพวกเขาไร้ผู้นำ ทำได้เพียงสวามิภักดิ์ แต่ว่า สำหรับพวกเราแล้วก็จะสูญเสียกำลังส่วนหนึ่งไป สำหรับเผ่าฝู กำลังในตอนนี้ของพวกเรายังไม่รู้เลยว่าพอหรือไม่”
แววตาของนางปรากฎให้เห็นความกังวล
ซือมั่วยกมือขึ้น ปัดอยู่ข้างหน้านาง มู่ชิงเกอตะลึงงัน มองเขา
“มีข้าอยู่” เขาเอ่ยเพียงคำสามคำที่หนักแน่นดั่งเขาสูง