Skip to content

พลิกปฐพี 921

ตอนที่ 921

มีอะไรก็ค่อยๆ พูดจา

“เข้าไปช่วยก่อนเถอะ” มู่ชิงเกอกล่าว ตัดสินใจจะเข้าไป

แต่ว่า กลับถูกซือมั่วห้ามไว้

มู่ชิงเกอมองเขาอย่างประหลาดใจ แต่กลับถูกเขามองด้วยสายตาหยอกล้อ “ราชินีภูติภูเขาอยู่ในสนามรบ องค์ชายยังไม่ร้อนใจ เจ้าจะร้อนใจไปไย”

มู่ชิงเกอละสายตามองอินเจวี๋ย ไม่เห็นสีหน้าเป็นกังวลจากใบหน้าของเขาเลยแม้แต่น้อยจริงๆ

“เหตุใดก่อนหน้านี้ยังรีบร้อน ตอนนี้กลับไม่ร้อนใจแล้วเล่า” มู่ชิงเกอกล่าวถามอย่างหยอกล้อ

อินเจวี๋ยยิ้มกล่าว “เผ่ามังกรทำร้ายพวกเขาไม่ได้หรอก”

มู่ชิงเกอเลิกคิ้วเบาๆ

โห่วย่อมไม่ใช่คนที่จะถูกทำให้บาดเจ็บได้ง่ายเพียงนั้น มิเช่นนั้นก็ไม่อาจต่อสู้พัวพันกับเผ่ามังกรมาได้หลายปีเพียงนี้ แน่นอนว่าเว้นแต่จะถูกเอาเปรียบจากแผนลับลอบโจมตีอย่างเช่นก่อนหน้านี้

สำหรับอินเล่อ อย่างไรเสียก็เป็นราชินีภูติภูเขา ไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น

“พวกเราสามคนปรากฎตัวอยู่ที่นี่ เผ่ามังกรตื่นตัวแล้ว ซ้ำยังหวาดกลัวด้วยเช่นกัน” อินเจวี๋ยเสริมหนึ่งประโยค

มู่ชิงเกอพยักหน้าอย่างแทบจะไม่ต้องคิด

นางเข้าใจเจตนาของอินเจวี๋ยแล้ว เขาหมายความว่าการปรากฎตัวของพวกเขาสามคนได้ตัดสินผลแพ้ชนะของศึกครั้งนี้แล้ว

มู่ชิงเกอก้าวเท้ากลับมา เงยหน้าขึ้น มองสงครามตะลุมบอนกลางอากา

เหตุการณ์ที่ใหญ่เช่นนี้ไม่ได้เห็นกันง่ายๆ

“นังหนู! เจ้ายังไม่มาช่วยข้าอีก!” ทันใดนั้น เสียงของโห่วก็ดังเข้ามา แม้คำพูดจะเป็นการขอดวามช่วยเหลือ แต่นํ้าเสียงของเขากลับไม่มีความตื่นตระหนกเลยแม้แต่น้อย

มู่ชิงเกอยิ้มกล่าว “เป็นถึงท่านโห่วผู้ยิ่งใหญ่ ศึกเล็กๆ แค่นี้ไยจะต้องให้ข้าช่วย”

“เจ้าเด็กเลวนี่” โห่วด่าคราหนึ่ง จากนั้นก็จมดิ่งอยู่ในการต่อสู้อีกครั้

การร่วมมือของเขากับอินเล่อช่างรู้ใจกันอย่างถึงที่สุดจริงๆ มู่ชิงเกอและคนทั้งสองมองไปมองมาต่างก็สังเกตได้ถึงความรู้สึกพิเศษเล็กน้อย นางละสายตามองอินเจวี๋ยและกล่าวอย่างหยอกล้อ “องค์ชาย ดูท่าแล้วราชินี…”

ทว่าอินเจวี๋ยกลับยิ้มเจื่อน “แล้วอย่างไรเล่า มากที่สุดพวกเขาก็ทำได้แค่นี้เท่านั้น”

มู่ชิงเกอยกมุมปาก ไม่ต่อหัวข้อสนทนานี้อีก

เผ่าภูติภูเขาราวกับเกิดจากสวรรค์ โห่วเป็นปรมาจารย์สัตว์อสูรในโบราณกาล เกิดจากความชั่วร้ายของฟ้าดิน พวกเขาสามารถอยู่ร่วมกันได้หรือไม่ และจะประสบผลสำเร็จหรือไม่ ไม่มีใครรู้

โชคชะตาของโห่วกับอินเล่อ ไม่ว่าใครก็เข้ามาแทรกไม่ได้

ตอนนี้ กลางอากาศพลันมีเสียงของราชามังกรดังเข้ามา “โห่ว เจ้าดึงเผ่าภูติภูเขาเข้ามาเกี่ยวก็ไม่เท่าไร แต่ไม่คิดว่า ตอนนี้จะเกี่ยวโยงแม้แต่สองเผ่าเทพมารของเผ่ามนุษย์ ซ้ำยังคิดจะหาความช่วยเหลือ นับวันเจ้ายิ่งมีอนาคตจริงๆ!” นํ้าเสียงนี้เต็มไปด้วยการยั่วแหย่และเสียดสี

ทว่าโห่วกลับไม่ยอมรับ ยิ้มกล่าวอย่างอวดดี “เพราะว่ามนุษย์สัมพันธ์ของข้านั้นดี! ไส้เดือนแก่เช่นเจ้าคงอิจฉาริษยาและเคียดแค้นสินะ!”

พรืด!

มู่ชิงเกอทนไม่ไหวหัวเราะออกมา

แน่นอน เลียงหัวเราะของนางเบาอย่างยิ่ง นอกจากสองคนข้างนางจะได้ยินแล้ว คนอื่นก็ไม่ได้สังเกตเห็น

ดวงตาราชามังกรเคร่งขรึม เผยท่าทีดุร้ายออกมา สู้รบอย่างดุเดือดกับโห่วอีกครั้ง

สงครามของโห่วกับมังกรครั้งนี้ การเคลื่อนไหวใหญ่โตอย่างยิ่

เผ่าอสูรตัวเล็กเปราะบางจำนวนหนึ่งในป่าอสูรต่างก็พากันหนีออกไปจากบริเวณนี้ แม้ว่าจะเป็นผู้ที่มีกำลังค่อนข้างแข็งแรงก็ยังกล้าเพียงแต่หลบอยู่ในที่มืด เฝ้ามองอย่างระมัดระวัง ไม่กล้าโผล่หน้ามาร่วมรบ

ตูม ตูม ตูม!

ปัง ปัง ปัง!

เสียงระเบิดดังทั่วสารทิศ ชั่วพริบตาหมอกควันที่หนาทึบหนึ่งกลุ่มก็ตลบขึ้นมา พลังกฎบัญญัติ กำลังวิ่งฆ่าตามอำเภอใจ ทำให้บริเวณตรงนี้เละเทะไม่มีชิ้นดี

หมอกควันฝุ่นละอองกระจายตัว มู่ชิงเกอถูกซือมั่วปกป้องอย่างแน่นหนา นอกร่างคนทั้งสองปรากฎที่ครอบโปร่งแสงสีดำบางๆ ป้องกันใบไม้ก้อนหินเศษฝุ่นดินทรายที่ปลิวลอยเหล่านั้น

ส่วนอินเจวิ่ยก็อยู่ตัวคนเดียว ข้างหน้ามีโล่สีเขียวอมดำเกาะกลุ่มกันเศษสิ่งของเหล่านั้นออกไปข้างนอก

เขาละสายตามองคนทั้งสองข้างกาย ยิ้มกล่าวอย่างจนใจ “เจ้าแห่งมารตั้งใจปกป้องภรรยาจริงๆ”

พวกเขาสามคนยืนใกล้กันเพียงนั้น หากที่ครอบป้องกันนี้ของซือมั่วขยายใหญ่ขึ้นอีกเล็กน้อยก็สามารถปกป้องเขาไว้ข้างในด้วยกันได้ แต่ว่าเจ้าแห่งมารผู้นี้กลับลืมเขาไปสนิท

“ภรรยาของข้าย่อมต้องปกป้องอย่างดี” ซือมั่วกล่าวอย่างสุขุมเรียบนิ่งหนึ่งประโย

อินเจวี๋ยกระตุกมุมปาก รู้สึกว่าหัวใจข้างในของตนถูกโจมตีอย่างแรง

มู่ชิงเกอยืนอยู่ระหว่างคนสองคน ถูกคำพูดของซือมั่วทำให้รู้สึกอึดอัดหลายส่วน หลุบตาไอเสียงเบาหนึ่งครา

ปลายแหลมของธนูสีเขียวอมดำกะพริบไปๆ มาๆ อยู่กลางอากาศไม่ขาดสา

“เผ่าโห่วกับมังกรสู้กันมาหลายปีเพียงนั้น ใครก็ทำอะไรใครไม่ได้ ครั้งก่อนข้าเตือนเผ่ามังกรไปแล้ว ทั้งยังพูดกับราชามังกรอย่างชัดถ้อยชัดคำ ครั้งนี้ เขายังนำคนในเผ่ามาก่อเรื่องอีก ดูท่าแล้วคงจะเกิดเรื่องอะไรบางอย่างที่ยั่วโมโหเขาเสียแล้ว” อินเจวี๋ยกล่าววิเคราะห์

มู่ชิงเกอขมวดคิ้วเล็กน้อย ฟังเจตนาที่ซ่อนอยู่ในพูดของเขาออก นางกล่าว “ตอนที่โห่วกลับป่าอสูร ข้าก็พูดกับเขาแล้วว่า แม้เขาจะมีนิสัยโอหัง แต่ก็ไม่ถึงขนาดแยกแยะความร้ายแรงของสถานการณ์ คนที่อยู่ในเหตุการณ์ไม่ออก เขาไม่มีทางยั่วแหย่เผ่ามังกรในเวลานี้เป็นอันขาด”

“แล้วเหตุใดราชามังกรถึงนำมังกรจำนวนมากเพียงนี้มาหาเรื่องโห่วด้วยตัวเองได้” อินเจวี๋ยเองก็ขมวดคิ้วเช่นกัน

สาเหตุ…

ทั้งสามคนไม่มีใครรู้

หลังจากที่การถกเถียงนิ่งเงียบลง มู่ชิงเกอก็เหลือบตามองการต่อสู้กลางอากาศอีกครั้ง

ไม่ว่าจะเป็นฝั่งโห่ว หรือว่าฝั่งเผ่ามังกรต่างก็สู้ไม่ยั้งมือเลยแม้แต่นิดเดียว

แต่ว่า ในใจมู่ชิงเกอกลับรู้ดี ถ้าหากโห่วต้องการจะฆ่าราชามังกรจริงๆ จะต้องเรียกรวมสัตว์อสูรทั้งหมดมาช่วยเหลือ ไม่อาจต่อสู้สุดชีวิตตัวคนเดียวที่นี่ได้

ลูกธนูของอินเล่อ สกัดกั้นการโจมตีของเผ่ามังกรที่เหลือได้สำเร็

โห่วต่อสู้กับราชามังกรอย่างยากจะแยกได้

ทันใดนั้น ภายใต้การปะทะอย่างดุเดือด โห่วกับราชามังกรก็ถอยไปข้างหลังอย่างรวดเร็ว

ควันหลงของการต่อสู้นั้น ทำลายล้างทุกสิ่งทุกอย่างรอบด้านลงทันที

“อยู่ดีๆ สถานที่ก็ถูกรบจนเป็นเช่นนี้” อินเจวี๋ยส่ายหน้าด้วยความเสียดาย ยื่นนิ้วทั้งห้าออกไป ดูดอยู่กลางอากาศ ควันหลงอันโหดร้ายของทิวทัศน์รอบด้านที่กำลังพังทลายเหล่านั้น ถูกเขาดูดกลับไปในชั่วพริบตา

กระบวนท่านี้ของเขาทำให้มู่ชิงเกอเลิกคิ้วตกใจเล็กน้อย

การสู้รบ สงบนิ่งลงชั่วคราว

โห่วกับเผ่ามังกรฝั่งนั้น ต่างก็ถลึงตาจ้องมอง ต่างฝ่ายต่างไม่มีใครถอ

มู่ชิงเกอดึงแขนเสื้อของซือมั่ว ซือมั่วถอนที่ครอบป้องกันข้างนอกคนทั้งสองออก ให้นางเดินออกไป

มู่ชิงเกอเดินไปอยู่ตรงกลางโห่วและเผ่ามังกร เอ่ยปากกล่าว “มีอะไรก็พูดกันดีๆ ไยจะต้องสู้รบฆ่าฟันกันด้วย”

“เหอะ เรื่องของป่าอสูร ต้องให้เผ่ามนุษย์คนหนึ่งมายุ่งตั้งแต่เมื่อไร ครั้งก่อนคนที่ฆ่าคนเผ่าข้าร่วมกับโห่ว ควักหัวใจมังกรไปก็คือเจ้าใช่หรือไม่” ราชามังกรกล่าวอย่างไม่เกรงใจเลยแม้แต่น้อย

สายตามู่ชิงเกอสว่างวาบ มองโห่ว โห่วใช้สายตาบอกเป็นนัยทันทีว่า ตนไม่เคยพูดอะไรทั้งสิ้

แน่นอน ความจริงมิอาจปิดบัง มู่ชิงเกอเองก็ไม่ได้หวังว่าเรื่องนี้จะปิดบังไปได้นาน

นางละสายตากลับมา ยิ้มให้ราชามังกร “ตอนนั้นก็ส่วนตอนนั้น ตอนนี้ก็ส่วนตอนนี้ สถานการณ์ไม่เหมือนกัน ไยราชามังกรจะต้องยึดติดกับอดีตด้วย”

“หึ เจ้าก็พูดง่าย เช่นนั้นหากข้าตัดหัวคนเผ่าเจ้า แล้วบอกเจ้าว่า อย่าได้ยึดติดกับอดีต เจ้าจะว่าอย่างไร” ราชามังกรกล่าวอย่างเสียดสี

มู่ชิงเกอยกมือลูบจมูก คล้ายเคอะเขินเล็กน้อย

“โลหิตหัวใจมังกรหรือ” ซือมั่วพลันเอ่ยปาก เขาหรี่ตาทั้งคู่ ยิ้มเยาะกล่าว “นี่กลับเป็นของดี”

คำพูดนี้ออกไป เจตนาในการปกป้องมู่ชิงเกอในนั้นย่อมไม่ต้องพูด แต่ราชามังกรกลับได้ยินแล้วเดือดดาล

อินเจวี๋ยกล่าวทันที “มีอะไรก็ค่อยๆ พูดกันดีๆ”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version