ตอนที่ 959
อวสาน บทจบ
คำพูดของมู่ชิงเกอทำให้ราชินีเผ่าฝูงุนงง
ทว่า นางกลับไม่ได้สนใจกล่าวด้วยรอยยิ้มบิดเบี้ยว “เจ้าน่ะหรือ”
มู่ชิงเกอยิ้มอย่างเย็นชา ออกคำสั่งองครักษ์เขี้ยวมังกร และเผ่าภูติภูเขาข้างหลัง “ฆ่า”
การประลองจบลงแล้ว เช่นนั้นก็ควรจะสะสางบัญชีได้แล้ว
เมื่อมู่ชิงเกอพูดจบก็วิ่งไปหาราชินีเผ่าฝูทันที
ความเร็วของนางเร็วอย่างถึงที่สุด ประหนึ่งสายฟ้า
ข้างหลังนาง คนขององครักษ์เขี้ยวมังกรรวมถึงเผ่าภูติภูเขาต่างก็ทุ่มกำลังออกมา รวมแล้วหกร้อยคน พุ่งตรงไปยังคนอักขระสีดำเหล่านั้น
คนอักขระสีดำที่ตามราชินีเผ่าฝูมา หลังจากถูกมู่ชิงเกอกลืนกินไปหลายรอบก็เหลืออยู่ไม่มากแล้ว มีเพียงพันกว่าคนเท่านั้น
จำนวนนี้ในสายตาของเหล่าองครักษ์เขี้ยวมังกรไม่นับว่าเป็นปัญหาแล้ว
การปรากฎตัวฉับพลันของมู่ชิงเกอ ทำให้ราชินีเผ่าฝูตกใจ นางถอยไปข้างหลังหนึ่งก้าว ยักษ์ตัวนั้นของนางร้องคำราม วิ่งพุ่งเข้ามาหามู่ชิงเกอ
แต่ว่า มู่ชิงเกอกลับไม่ได้สนใจมันเลย เพียงแค่กวาดสายตาออกไป พลังชีวิตในร่างยักษ์ตัวนั้นก็ขาดสิ้น ล้มลงมาจากอากาศเสียงดังสนั่น กระแทกซากปรักหักพังจนเกิดเป็นหลุมลึก
ฉากฉากนี้ทำให้ราชินีเผ่าฝูตกใจหน้าถอดสี
ฝั่งนั้น คนที่นางนำมา สู้รบอยู่กับคนที่มู่ชิงเกอนำมาแล้ว
องครักษ์เขี้ยวมังกรพร้อมใจกัน ร่วมแรงซึ่งกันและกัน พวกเขาเป็นดั่งกระบี่แหลมหนึ่งเล่ม สังหารอยู่ในเผ่าฝูไม่ขาดสาย คนอักขระสีดำปลดปล่อยพลังในอักขระออกมา แต่กลับไม่มีทางโจมตีการปกป้องรุกรานขององครักษ์เขี้ยวมังกรได้เลย
ส่วนกลุ่มมือยิงธนูเทพของเผ่าภูติภูเขาก็ยิ่งเป็นดาวมฤตยูของเผ่าฝู พลังในอักขระของพวกเขายังไม่ทันจะปล่อยก็ถูกยิงตายจากระยะไกล แม้แต่คนที่ฆ่าพวกเขาตายมีรูปร่างหน้าตาอย่างไรก็ยังไม่รู้
องครักษ์เขี้ยวมังกรกับเผ่าภูติภูเขาร่วมมือกัน คาดไม่ถึงว่าคนอักขระสีดำกว่าพันคนนั้น สู้รบจนได้เปรียบ
“เจ้าทำได้อย่างไร…” ราชินีเผ่าฝูตกตะลึงอย่างถึงที่สุด
ในความทรงจำของนาง มู่ชิงเกอไม่ควรแข็งกล้าเช่นนี้จึงจะถูก ไม่นึกว่ายักษ์ที่นางเลี้ยงมากับมือจะแพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มเช่นนี้
ชั่วพริบตา มู่ชิงเกอก็ยืนอยู่ข้างหน้านาง ใบหน้าที่งามจนทำให้นางริษยาใบนั้น ยังแต้มไปด้วยรอยยิ้มที่บ้าคลั่ง มู่ชิงเกอยื่นมือออกมาคว้าไปยังหว่างคิ้วของราชินีเผ่าฝู
ราชินีเผ่าฝูตกใจหน้าถอดสี ถอยไปข้างหลัง ในอักขระสีทองปล่อยพลังทำลายล้างที่น่ากลัวนั้นออกมาท่ามกลางความเร่งรีบ
ทว่า พลังที่ไร้เทียมทานมาแต่ไหนแต่ไร ครั้งนี้กลับไม่ส่งผลใดๆ ต่อหน้ามู่ชิงเกอ
แสงเหล่านั้นตกลงบนร่างมู่ชิงเกอ ราวกับหินที่จมลงในมหาสมุทร ไม่ซัดคลื่นใดๆ ขึ้นมาอย่างสิ้นเชิง
“เป็นไปได้อย่างไร”
พลังที่พึ่งพิง คาดไม่ถึงว่าไม่ส่งผลแล้ว ราชินีเผ่าฝูมองมู่ชิงเกออย่างเหลือเชื่อ
แต่มู่ชิงเกอกลับยิ้มอย่างเหยียดหยามขึ้นมา “เป็นเพียงพลังที่ยืมมา ยังจะภูมิใจอีกหรือ อยู่ต่อหน้าข้า ยังกล้าคิดว่าตัวเองดีที่สุด”
ขณะที่พูด สายตานางก็เฉียบขาด ยื่นมือออกไปอีกครั้ง คว้าไปกลางหน้าผากราชินีเผ่าฝู
ครั้งนี้ ราชินีเผ่าฝูไม่สามารถหลบได้อีก มือของมู่ชิงเกอตกลงใกล้หว่างคิ้วนาง อักขระสีทองที่ตราอยู่ตรงหว่างคิ้วนาง ถูกมู่ชิงเกอดูดออกมา
“กรี๊ดดด” ความเจ็บปวดที่อักขระถูกดูดออกไปทำให้ราชินีเผ่าฝู ส่งเสียงกรีดร้องออกมา
นางเรียกตัวประหลาดสองตัว พวกมันโผล่ออกมาจากซากปรักหักพัง ร่างใหญ่โตอย่างถึงที่สุด แต่กลับไม่มีขาสองข้าง
“ฆ่านางซะ” ราชินีเผ่าฝูตะโกนสั่ง
อักขระสีประหลาดกลางหว่างคิ้วตัวประหลาดสองตัวนั้นยิงลำแสงสีดำสองสายไปยังหลังมู่ชิงเกอ
แต่ว่า มู่ชิงเกอกลับไม่กังวลเลยแม้แต่น้อย และไม่มีเจตนาจะหลบ ตอนที่แสงดำกำดังจะตกลงบนแผ่นหลังนาง อสูรเพลิงที่แผดเสียงตัวหนึ่งพลันพุ่งออกมาจากแผ่นหลังนาง อ้าปากกลืนแสงสีดำสองสายเข้าไปในท้องทันที
อสูรเพลิงกลืนแสงดำลงไป แล้วยังร้องคำรามวิ่งพุ่งไปที่ตัวประหลาดสองตัวนั้น
ดวงตาทั้งสองของราชินีเผ่าฝูกลมโตแล้ว ท่าทางตกใจไม่มีทางอธิบายสีหน้าในตอนนี้ของนางได้แล้ว ท่ามกลางความเจ็บปวดรุนแรง อักขระสีทองบนหน้าผากนางถูกมู่ชิงเกอดึงออกมาแล้ว
“กรี๊ดดด” นางกรีดร้องด้วยความดุร้าย สีหน้าเจ็บปวด
หลังจากที่ถูกดึงอักขระสีทองออกมาแล้ว คาดไม่ถึงว่ามีตัวอักษรยั้วเยี้ยเลื้อยขยุกขยิกไม่หยุด กระทั้งยังคิดจะเจาะเข้าไปในข้อมือของมู่ชิงเกอ
มู่ชิงเกอแค่นเสียหึหนึ่งครา มือออกแรงบดขยี้อักขระสีทอง ทันใดนั้น อักขระสีทองก็กลายเป็นแสงทอง หายไปในกำมือของนาง กลางหน้าผากราชินีอักขระคล้ายถูกขุดเลือดเนื้อออกไปหนึ่งชิ้น โลหิตชโลม น่าเวทนาอย่างถึงที่สุด
“ข้าจะฆ่าเจ้า!” นางตะโกนบ้าคลั่ง
แต่ว่า มู่ชิงเกอไหนเลยจะเป็นคนที่นางจะฆ่าได้ในตอนนี้นางยิ้มเยาะกล่าว “มีบางประโยค ที่ไม่เคยมีโอกาสได้พูด นั่นก็คือ…เผ่าฝูของพวกเจ้าน่ารังเกียจเกินไปจริงๆ เผ่าวิปริตเช่นนี้ ต้องประหารชีวิตให้หมด”
พูดจบ นางก็คว้าผมของราชินีเผ่าฝูอย่างแรง ตีนางอย่างทารุณ
มู่ชิงเกอไม่ได้ใช้พลังเทพ แต่ใช้พลังในร่างกายโดยตรง ระบายความเคียดแค้นในใจออกมาทั้งหมด
“หมัดนี้เพื่อวีรบุรุษที่ตายในทะเลแห่งความจริง” มู่ชิงเกอต่อยไปบนแก้มนางทำให้นางพ่นฟันหักออกมา โลหิตพุ่งกระฉูด
พลัก!
อีกหนึ่งหมัดต่อยท้องนางอย่างโหดเหี้ยม ต่อยจนนางค่อมตัว แรงหมัดโจมตีจนกระดูกสันหลังนางหัก
“หมัดนี้ เพื่อหลินชวน!”
“หมัดนี้เพื่อแผ่นดินเทพมาร!”
“หมัดนี้ เพื่อชูเนี่ยน!”
มู่ชิงเกอต่อยราชินีเผ่าฝูจนหมดสภาพแล้ว ข้างหลังนาง อสูรเพลิงแปลกตาตัวนั้น กัดกินตัวประหลาดสองตัวนั้นตายแล้ว เปลวเพลิงก็เผาไหม้อักขระกลางหน้าผากมันไปด้วย
เขากลับหลังหัน คาดไม่ถึงว่าจะกลายร่างเป็นหยวนหยวน
ที่แท้แล้ว หลังจากที่มู่ชิงเกอกลายเป็นบรรพเทพ ทวนทลิงทลงก็กลายเป็นยุทธภัณฑ์จอมเทพที่แท้จริง
“บรรพชนเผ่าฝู ช่วยข้าด้วย” ราชินีเผ่าฝูตะโกนหนึ่งประโยค
“ใครก็ช่วยเจ้าไม่ได้แล้ว” หมัดสุดท้ายของมู่ชิงเกอ ต่อยขมับนาง พลังทะลุเข้าไปในสมองของนาง พุ่งออกไปอีกฝั่งหนึ่ง
แววตาราชินีเผ่าฝูดับมืด ตายสนิทอยู่ใต้หมัดของมู่ชิงเกอ ร่างของนางก็กลายเป็นฝุ่นผงแล้วเช่นกัน
“องค์ราชาสิ้นแล้ว”
คนอักขระสีดำที่ถูกตีพอเห็นราชินีตายก็ยิ่งไม่มีแรงต่อสู้เหลือแม้แต่นิดเดียว
แต่ว่า มู่ชิงเกอจะปล่อยพวกเขาไปได้อย่างไร
ในมือนางแกว่งพลังที่แข็งกล้าไร้เทียมทานหนึ่งสายออกไป พุ่งตรงไปยังคนอักขระสีดำเหล่านั้นที่เหลืออยู่ ชั่วพริบตาก็ระเบิดฆ่าพวกเขาทั้งหมด ไม่เหลือแม้แต่คนเดียว
“พลังที่ยืมมา เหอะ” มู่ชิงเกอมองบริเวณที่ว่างโล่งนั้น แค่นเสียง หึด้วยความเหยียดหยาม
ครืน!
ครืน ครืน!
ทันใดนั้น มู่ชิงเกอก็รู้สึกว่าใต้เท้าสั่นสะเทือน ซากปรักหักพัง คล้ายเริ่มขยับขึ้นมา
คนขององครักษ์เขี้ยวมังกรกับเผ่าภูติภูเขาพากันรวมตัวอยู่ข้างกายนาง มองไปรอบด้านด้วยความระมัดระวัง หยวนหยวนเองก็กลับมาข้างกายนาง กล่าวถามเสียงตํ่า “ลูกพี่ ราชินีเผ่าฝูก็ตายแล้ว แต่เหตุใดข้า ถึงรู้สึกว่ายังไม่ค่อยปกติอยู่เล่า”
เขาพูดยังไม่ทันขาดคำ เงาร่างหลายร้อยสายก็ตกลงมาจากฟ้า ตกลงข้างๆ เขา
“เสี่ยวเกอเอ๋อร์” ที่แท้แล้ว ก็เป็นซือมั่วกับคนอื่นๆ ที่ทำลายกองทัพชนต่างเผ่า ข้างหลังเขา มีราชาเทวะ เจ้าเมืองย่อย ราชาเฟิ่ง ราชามังกร โห่ว ไป๋สี่ หยินเฉินและคนอื่นๆ
พวกเขารวบรวมพลังที่สมบูรณ์ที่สุด ไปทำลายกองทัพเผ่าฝู แน่นอน คุณงามความดีที่ใหญ่ที่สุดในนั้นก็คือซือมั่ว เขาเพียงคนเดียว แทบจะฆ่าคนเผ่าฝูไปสองในสามส่วน
มู่ชิงเกอละสายตามองเขา กล่าวเสียงตํ่า “ก่อนราชินีผู้นั้นจะตาย ตะโกนว่าบรรพชนเผ่าฝูอะไรสักอย่างไร”
บรรพชนเผ่าฝูหรือ
ซือมั่วเลิกคิ้ว ดวงตาทั้งคู่หรี่ลง
ทันใดนั้น ซากปรักหักพังก็พลันถล่มทลาย ทำให้คนพันคนพากันถอยไปข้างหลัง ทุกคนต่างก็มองบริเวณที่ถล่มทลายนั้นด้วยความตื่นตัว
มู่ชิงเกอเขยิบไปข้างหน้า แต่กลับถูกซือมั่วดึงกลับมา
“พลังข้างในนี้แข็งแกร่งอย่างยิ่ง น่าจะเป็นบรรพชนเผ่าฝูอะไรนั่น พลังนี้ต่างจากคนเผ่าฝู ไม่มีทางทำลายได้ทำได้เพียงเนรเทศมันไปยังความว่างเปล่า” ซือมั่วกล่าวกับมู่ชิงเกอ
“คุณชาย ข้างในนั้นคืออักขระสีทองที่ใหญ่อย่างยิ่ง” องครักษ์เขี้ยวมังกรที่ปีนขึ้นที่สูงมองเห็นภาพในบริเวณที่ถล่มทลาย รายงานมู่ชิงเกอเสียงดัง “ใต้ดินคล้ายมีแท่นบูชา บนแท่นบูชาก็คืออักขระสีทองนั้น”
“นี่จะต้องเป็นแก่นแท้ของพลังเผ่าฝู พลังของพวกเขาก็คือพลังที่อักขระสีทองยืมมา ระดับยิ่งสูง พลังที่ยืมก็ยิ่งมาก ไม่อาจปล่อยให้อยู่ที่นี่ต่อไปได้เด็ดขาด ในเมื่อทำลายไม่ได้ก็ทำตามวิธีที่เจ้าว่า” มู่ชิงเกอเก็บสายตากลับมากล่าวกับซือมั่ว ผละออกจากมือเขาวิ่งไปข้างหน้า
ทว่าซือมั่วกลับขวางไว้ข้างหน้านาง กล่าวด้วยสายตาเฉียบแหลม “หากจะไปก็ต้องเป็นข้าที่ไป”
มู่ชิงเกอเบิกตาโต กล่าวเสียงตํ่า “ข้าไม่ยินยอม”
“ไม่ยินยอมไม่ได้” ซือมั่วเองก็ไม่อ่อนข้อให้แม้แต่นิดเดียว
ทว่า ขณะที่ทั้งสองกำลังโต้เถียง เงาร่างสีม่วงหนึ่งสายกลับเฉียดผ่านไปอย่างรวดเร็ว พุ่งไปยังบริเวณที่ถล่มทลายนั้น
เงาร่างสีม่วง เฉียดผ่านเบื้องหน้ามู่ชิงเกอ สีหน้านางเปลี่ยนทันที เหลือบตาขึ้นแล้วตะโกน “ฮ่วนเยวี่ยท่านทำอะไร!”
ตอนนี้ ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยยืนอยู่ตรงขอบถล่มทลาย มองคนทั้งหมดที่ตกตะลึง หัวเราะร่า “ไม่ได้ทำอะไร โอกาสหายาก ข้าเองก็อยากสู้จนสุดชีวิต ดูว่าจะสามารถเข้าใจความลับขั้นสุดท้ายได้หรือไม่ พวกเจ้าสองคนเข้าสู่ขั้นบรรพเทพแล้ว ครั้งนี้อย่าได้แย่งข้าเลย ไม่แน่ว่าหลังจากครั้งนี้แล้วข้าอาจจะบรรลุ ถึงตอนนั้น พวกเราค่อยเจอกันที่โลกใบหลัก”
พูดจบ รอบด้านก็ตกอยู่ในความเงียบสงัด
ไม่ว่าใครก็รู้ดี ทำเช่นนี้ไม่รอดก็ตาย แม้แต่ซือมั่วยังไม่ให้มู่ชิงเกอที่อยู่ขั้นบรรพเทพไปเสี่ยงอันตราย แล้วนับประสาอะไรกับฮ่วนเยวี่ยขั้นศักดิ์สิทธิ์ชั้นเก้า
ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยละสายตามองมู่ชิงเกอ ในตาหงส์ที่เอื่อยเฉื่อยคู่นั้น มีความรู้สึกพิเศษแวบผ่าน “ข้าไม่ได้ชื่อฮ่วนเยวี่ย ข้ามีชื่อ ข้าชื่อ…”
ครืน
ทันใดนั้น พื้นก็พังทลายอีกครั้ง ด้านล่างหลุมมีเสียงชราดังขึ้นมา “ทาสของข้า ผู้ใดบังอาจฆ่า”
เงาร่างสีม่วงกระโดดเข้าไป มีเพียงคำสองคำลอยออกมา “อวิ่นอิ่ง!”
ครืน
ในหลุมมีแสงทองที่แรงกล้าสาดออกมา ทันใดนั้นแสงทองก็หายไปราวกับว่าเรื่องทั้งหมดไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นภายในชั่วพริบตา ทำให้คนตอบสนองไม่ทันอย่างสิ้นเชิง
ตอนที่แสงทองทายไป ทุกคนก็วิ่งเข้าไปบริเวณที่ถล่มทลายนั้น แท่นบูชายังคงอยู่ แต่ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยและอักขระสีทองกลับหายไปแล้ว
มู่ชิงเกอหน้าเปลี่ยนสีอย่างยิ่ง ทุกคนก็นิ่งเงียบไม่พูด
‘อวิ่นอิ่ง’ มู่ชิงเกอพึมพำในใจ นี่คือชื่อของราชาเทวะฮ่วนเยวี่ย แต่นางกลับเพิ่งมารู้ตอนนี้
ซือมั่วนิ่งเงียบอยู่นานจึงเอ่ยปาก “เขาน่าจะยังไม่ตาย เพียงแค่ทะลุฉากกำบังช่องว่าง ตกลงไปในความว่างเปล่าพร้อมกับอักขระสีทอง หลังจากนั้น…นี่จะกลายเป็นเคราะห์กรรมเป็นตาย หรือว่าโอกาสของเขา ก็ต้องดูโชคของเขาเองแล้ว บางที อาจจะเป็นเหมือนที่เขาพูด พวกเราอาจจะได้รวมตัวกันในโลกใบหลัก”
มู่ชิงเกอสูดหายใจเข้าลึก พยักหน้าช้าๆ นางเงยหน้ามองฟ้า
ในที่สุด…ก็จบแล้ว
เป็นดังคาด ท้ายที่สุดยังคงต้องใช้พลังที่สมบูรณ์มาพลิกสถานการณ์ นี่คือโลกที่คนอ่อนแอต้องตกเป็นเหยื่อคนแข็งแกร่ง เป็นโลกที่กำปั้นเป็นใหญ่
หนึ่งเดือนให้หลัง แผ่นดินเทพมาร
บนเก้าชั้นฟ้า บรรยากาศครึกครื้น ทุกหนทุกแห่งต่างก็เต็มไปด้วยการเฉลิมฉลองอย่างถึงที่สุด
“เหมิงเหมิง เจ้าจะออกมาได้เมื่อไร วันนี้เป็นกันสมรสของลูกพี่ หลังพิธีสมรส พวกเขาก็จะไปโลกใบหลักกันก่อนแล้ว ไม่รู้ว่าจะกลับมาได้อีกเมื่อไร” หยวนหยวนนั่งอยู่บนเก้าชั้นฟ้ากล่าวกับก้อนหินหนึ่งก้อน
แต่เขากลับไม่รู้ว่า ข้างหลังเขามีเด็กสาวหน้าตาน่ารักคนหนึ่งยืนอยู่ ดวงตาที่กลมโตเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ “เจ้าโง่ เจ้าเห็นก้อนหินน่าเกลียดก้อนหนึ่งเป็นข้าหรือไร”
หยวนหยวนสะดุ้งตกใจ กระโดดหมุนตัว
หลังจากที่เขาเห็นคนที่ยืนอยู่ข้างหลังก็ตกใจจนติดอ่าง “จ…จ…จ…จ…จ…เจ้า…”
“เจ้าอะไรล่ะ ในที่สุดคุณหนูอย่างข้าก็ออกมาได้แล้ว เจ้าไม่ดีใจหรือไร” เหมิงเหมิงตีมือที่ยื่นออกมาเพราะความตกใจของหยวนหยวน กล่าวอย่างยิ้มแย้ม
ในดวงตาหยวนหยวนปรากฎความดีใจ แต่กลับแค่นเสียงอย่างทะนงตนหนึ่งครา แสยะปากกล่าว “เจ้าเลือกเวลาเก่งจริงๆ”
เหมิงเหมิงเชิดคางกล่าวอย่างพอใจ “ใช่น่ะสิ วันนี้เจ้านายข้าแต่งงาน เรื่องใหญ่เพียงนี้ข้าจะพลาดได้อย่างไร”
“หวังว่าครั้งนี้พิธีแต่งงานจะสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ท่านปู่มู่และคนอื่นๆ ก็ถูกรับขึ้นมาแล้ว ยังมีสหายเหล่านั้นของลูกพี่อีกด้วย” หยวนหยวนพยักหน้ากล่าว
เหมิงเหมิงเขกหัวเขาหนึ่งที เจ็บจนเขาหน้าบูดบึ้ง
“นี่ เจ้าทำอะไร” หยวนหยวนกุมหัว ถลึงตามองนาง
เหมิงเหมิงกัดฟันกล่าว “วันนี้เป็นวันดี อย่าพูดจาอัปมงคล”
หยวนหยวนรู้ตัวว่าผิดจึงไม่ได้โต้เถียงนาง
จู่ๆ เหมิงเหมิงก็มีสีหน้าอึดอัด ทำปากจู๋กล่าวถาม “เจ้าต้องตามเจ้านายไปที่โลกหลักด้วยหรือไม่”
“ข้าอยากไป แต่ลูกพี่ไม่ให้” หยวนหยวนกล่าวอย่างซึมเซา
เหมิงเหมิงตะลึงงัน มองเขาอย่างประหลาดใจ
หยวนหยวนนั่งลงมา เด็ดหญ้ากล่าว “ลูกพี่บอกว่า โลกหลักเป็นอย่างไร นางไม่รู้ แต่จะต้องเป็นสถานที่ที่ยอดฝีมือแน่นขนัดเป็นแน่ นางกับพี่เขยจะไปดูก่อน รอให้สถานการณ์แน่นอนแล้วค่อยกลับมารับพวกข้าไป ให้พวกข้าบำเพ็ญเพียรดีๆ รีบบรรลุในเร็ววัน”
“พี่เขยหรือ” เหมิงเหมิงถูกคำเรียกของหยวนหยวนทำให้เคอะเขิน
แต่ว่า หยวนหยวนไม่ไป ในใจนางกลับดีใจ มิเช่นนั้น กว่านางจะออกมาได้ คนที่เหลือก็ไปแล้ว นางก็จะต้องอยู่ตัวคนเดียว
ตอนนี้นางคือวิญญาณยุทธภัณฑ์ของเก้าชั้นฟ้า ไม่อาจออกจากแผ่นดินเทพมารได้ นอกจากจะมีวันหนึ่งที่มู่ชิงเกอแข็งแกร่งจนสามารถพานางหลุดออกจากเก้าชั้นฟ้าได้นางก็จะเป็นอิสระอย่างแท้จริง
แม้ว่าเป้าหมายนี้จะค่อนข้างใหญ่ แต่นางกลับเชื่อว่ามู่ชิงเกอสามารถทำได้
“นี่ เจ้าบังอาจเด็ดหญ้าข้าหรืรอ เจ้ารู้หรือไม่ว่า ข้าคือวิญญาณยุทธภัณฑ์ที่นี่ เจ้ากล้าแตะหญ้าแตะต้นไม้ที่นี่ก็เท่ากับกำลังดึงขนบนร่างข้าอยู่” เหมิงเหมิงเพิ่งจะสังเกตเห็นว่าหยวนหยวนกำลังทำอะไร
“โอ๊ย ข้าไม่ทำแล้ว ข้าผิดไปแล้ว” ชั่วขณะหยวนหยวนก็ถูกตีจน กุมหัววิ่งพล่าน
เต๊ง เต๊ง
บนเก้าชั้นฟ้า เสียงระฆังดังแว่ว ฤกษ์มาถึงแล้ว
แต่ว่าคู่บ่าวสาวกลับหายไปไม่เห็นเงา
“แย่แล้ว ราชาเทวะกับเจ้าแห่งมารแอบหนีไปแล้ว” เสียงร้องที่น่าเวทนาอย่างยิ่งเสียงหนึ่ง ดังขึ้นบนเก้าชั้นฟ้า
เฮือก
หา
แอบหนีไปหรือ
พวกเขาสองคนแอบหนีไปจากประตูไหน
สาวใช้ที่พบจดหมายที่มู่ชิงเกอทิ้งไว้วิ่งโซซัดโซเซเข้ามา ยื่นจดหมายในมือให้มู่ซง
เมื่อมู่ซงอ่านก็โมโหจนหนวดกระดิก ถลึงตาทันที ขว้างจดหมายลงตรงหน้ามู่เหลียนเฉิงพลางก่นด่า “เจ้าดูลูกสาวตัวดีของเจ้า ไม่นึกว่าจะทิ้งงานแต่งก่อเรื่อง ไม่แม้แต่จะบอกลา ซํ้ายังบอกให้พวกเราอย่ากินกับข้าวงานเลี้ยงทิ้งขว้าง กินดื่มให้เต็มที่”
ทุกคนมองหน้ากันและกัน เหลือเพียงใบหน้าที่งงงวย ใบหน้าตะลึงงัน
มู่เหลียนเฉิงกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอย่างยิ่ง ถือจดหมายไว้ กล่าวกับบิดาอย่างจนใจ “เช่นนั้นจะทำอย่างไร แล้วแขกอีกมากมายเพียงนั้นเล่า”
มู่ซงถลึงตา สบตากับซางซุนหวางปราดหนึ่ง ผู้สูงอายุสองคน กล่าวพร้อมกัน “จะยังทำอะไรได้อีกเล่า กินให้เต็มที่ ดื่มให้เต็มที่”
ท่ามกลางท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดารา เรือต้าเซียนกำลังเคลื่อนที่ช้าๆ
ซือมั่วนอนอยู่บนเก้าอี้นอนบนดาดฟ้าเรือ มู่ชิงเกอก็นอนอยู่ช้างๆ เขา ศีรษะหนุนอกเขา
“เสี่ยวเกอเอ๋อร์พวกเราหนีมาแบบนี้ไม่ค่อยดีกระมัง” ซือมั่วกล่าวพร้อมรอยยิ้มในดวงตา
มู่ชิงเกอแสยะมุมปาก “มีอะไรไม่ดีเล่า อย่างไรเสียครั้งก่อนพวกเราก็นับว่าประกาศต่อใต้หล้าแล้ว แทนที่จะถูกคนหนึ่งกลุ่มล้อมวง ไม่สู้ถือโอกาสเข้าไปในโลกใบหลักล่วงหน้า ไปฮันนีมูน อีกทั้งจะได้หาเจียงหลีด้วย”
“ฮันนีมูนหรือ” คำศัพท์ที่แปลกประหลาดนี้ทำให้ซือมั่วเลิกคิ้ว “แต่ว่า พวกเรายังมีหนังสือสมรสอีกหนึ่งฉบับที่ยังไม่ได้บูชาดิน แม้ว่าจะเป็นพิธีก็ควรจะทำให้เสร็จก่อน”
มู่ชิงเกอพลิกมือ ในมือปรากฎหนังสือสมรสหนึ่งฉบับ
นางขยับข้อมือ พญาเพลิงเผาไหม้ในมือนาง “นี่ไง เผาแล้ว”
แสงไฟสะท้อนดวงตาสีอำพันของซือมั่ว ทำให้รอยยิ้มมุมปากเขากว้างยิ่งขึ้น
หนังสือสมรส เผาไหม้จนหมดในมือมู่ชิงเกอ ถูกลมพัด หลอมละลายเข้าไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว
“เผาหนังสือสมรสแล้วก็เท่ากับแต่งงานแล้ว หลังจากนี้พวกเรา ควรจะทำอะไรกันดี” ซือมั่วมองนางอย่างหยอกล้อ
มู่ชิงเกอพลิกตัวคร่อมร่างเขา กล่าวอย่างยิ้มแย้ม “มีลูกอย่างไรเล่า”