Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 1120

บทที่ 1120 ใครมุ่งร้ายใคร

ผีผาของสตรีผู้นั้้นเป็นเพียงผีผาธรรมดาตัวหนึ่ง ไม่มีพวกกลไกอะไรเลย อีกทั้งการประคองของหลงฟั่นเมื่อสักครู่นี้ ก็เป็นการวัดว่านางมีพลังวิญญาณขั้นที่สองโดยประมาณ อย่างมากสุดก็พอเป็นหมัดเท้าปักบุปผา เอาไว้จัดการนักเลงได้ ไม่มากพอให้กังวลใจ ดังนั้นเขาจึงวางใจให้แม่นางผู้นั้นอยู่ต่อ

ความจริงแล้ว เขาก็ชอบบุคคลที่เป็นศิลปิน ในยุคปัจจุบันเขามักฟังเพลงบรรเลงเปียโนพวกนี้อยู่เป็นประจำ แต่ในยุคนี้เขาหมกมุ่นอยู่กับการวิจัยตลอดเวลา อีกทั้งวรยุทธ์ของลูกน้องข้างกายก็ฝึกได้ไม่เลว พวกที่ร้องรำทำเพลงได้แทบไม่มี เขาไม่ได้ฟังเพลงมานานมากแล้ว คิดถึงยิ่งนักจึงถามแม่นางคนนั้น “เล่นเพลงอะไรได้บ้าง?”

สตรีผู้นั้นน้อมกายเอ่ยขึ้นหลายบทเพลง ต่างเป็นเพลงที่ค่อนข้างโด่งดังในยุคนี้

หลงฟั่นเลือกมาหนึ่งบทเพลง

สตรีผู้นั้นย่อตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่ง จากนั้นบรรเลงขึ้นอย่างช้าๆ นางเล่นไปเพียงไม่กี่ทำนอง กู้ซีจิ่วก็รู้เลยว่านี่คือบุคคลระดับปรมาจารย์จริงๆ!

ตัวโน้ตไหลผ่านปลายนิ้วของนาง ทั้งๆ ที่เป็นบทเพลงธรรมดา แต่นางกลับเล่นออกมาได้ดั่งสายนํ้าเอื่อยไหลผ่านในจิตใจ ความรู้สึกนั้นราวกับฟ้าอันร้อนรุ่มเคลื่อนที่เข้าหาป่าเขาที่มีสายลมโชย ความเหนื่อยล้าทั้งร่างพลันจางหายไปกับบทเพลงที่แสนวิเศษนี้ เสียงของผีผานี้ไม่ด้อยกว่าบทเพลงชื่อดังเหล่านั้นที่กู้ซีจิ่วฟังในยุคปัจจุบันเลย ถึงขั้นเลิศลํ้ากว่าด้วยซํ้า อธิบายได้เพียงหนึ่งประโยคว่า ‘บทเพลงบนสรวงสวรรค์ โลกมนุษย์ไหนเลยจะมีโอกาสได้ยิน’

เดิมทีหลงฟั่นฟังไปอย่างเสียไม่ได้ คิดเสียว่าฟังคลายความเบื่อหน่าย แต่เมื่อฟังไปครึ่งบทเพลง เขาก็ฟังจนเคลิบเคลิ้มเพลิดเพลิน เขาไม่ได้ลิ้มรสชาติชิมเนื้อมาสามเดือนแล้ว ตอนนี้กลับฟังอย่างพึงพอใจยิ่งนัก แม้แต่ลูกน้องสองคนข้างหลังยังฟังกันอย่างเคลิบเคลิ้ม แม้แต่กระแอมสักครั้งยังไม่กล้า เกรงว่าจะขัดเสียงสวรรค์นี้

กู้ซีจิ่วก็กำลังฟัง สายตาจดจ้องไปยังปลายนิ้วที่ดีดผีผาของสตรีผู้นั้น รูปโฉมและนิ้วมือของนางช่างละเมียดละไม ค่อนข้างใหญ่และยาว เมื่อนางยกมือขึ้นเล็กน้อย เผยให้เห็นข้อมือขาวดุจหิมะ กำไลเงินที่ข้อมือสองวงส่งเสียงกรุ๊งกริ๊งผสานกับเสียงผีผา กลับมีเสน่ห์ที่ต่างออกไป หญิงที่มีฝ่ามือใหญ่มีอยู่ทุกหนแห่ง ไม่น่าประหลาดใจอะไร ยิ่งไปกว่านั้นมือของนางช่างงดงามและก็ไม่ได้เทอะทะด้วย

กู้ซีจิ่วรู้สึกว่ามือของนางค่อนข้างคุ้นตา แต่นึกไม่ออกในทันทีว่าเคยเห็นที่ใด ผู้หญิงมือใหญ่ที่เธอรู้จักมีไม่กี่คน แต่ต่างเทียบไม่ได้กับมือนี้

หลงฟั่นก็ช่างละเอียดรอบคอบนัก เขายังกลัวว่านางจะเป็นสายของฝ่ายตรงข้าม คอยเตรียมป้องกันการลงมือของศัตรู จึงจ้องมองอย่างเงียบๆ โดยตลอด แต่เห็นได้ชัดว่าเขาวางใจขึ้นมากแล้ว สตรีผู้นั้้นดีดสายตามแบบแผน ไม่มีท่าทางที่มากเกินไป ฟังจบไปแล้วสองเพลง นางก็ยังไม่มีท่าทีตุุกติกอะไรเลย เมื่อจบเพลง เสียงบรรเลงยังคงดังก้อง

หลงฟั่นยังอารมณ์ค้างอยากเพลิดเพลินต่อ จึงตบรางวัลให้นางเป็นทองก้อนโต เพื่อให้นางเล่นต่ออีกเพลง เขาช่างใจกว้างนัก ทองคำที่ตบรางวัล ให้ไปมีมูลค่าสิบตำลึง นักดนตรีหญิงธรรมดาสิบปียังหาไม่ได้มากมายเท่านี้เลย!

ดวงตาสตรีผู้นั้นวาบไหว แต่ไม่ได้รับทองนั้นมา กลับเม้มริมฝีปากรีบคุกเข่าไปทางกู้ซีจิ่ว “ขอบคุณผู้อาวุโสกับคุณชายที่ตบรางวัล เทียนเกอซาบซึ้งยิ่งนัก เทียนเกอขอบังอาจ ผู้อาวุโสและคุณชายโปรดช่วยชีวิตข้าด้วย”

กู้ซีจิ่วตะลึงงัน หลงฟั่นขมวดคิ้ว “เกิดอันใดขึ้นกับเจ้า?”

สตรีผู้นั้นหลุบสายตาลง “ตระกูลชั้นสูงในเมืองนี้หมายปองเทียนเกอ ต้องการบังคับให้เทียนเกอแต่งเป็นอนุ เทียนเกอไม่ประสงค์จะแต่งงาน แต่ก็ไม่อาจขัดขืนได้ เช่นนี้ยอมตายเสียยังดีกว่า”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version