ตอนที่ 379 จิ่วอิง คำสั่งสังหารจักรพรรดิแดนใต้
น้ำเสียงชายชราสูงต่ำแปลกๆ พอซูหมิงได้ยินก็ขมวดคิ้ว
“พูดดีๆ!”
“หา? อะไร? ภูเขาลูกนี้เป็นของท่าน!” ชายชราตะลึงงัน รีบกล่าวแบบเดิมให้ช้าลง
“เจ้าเป็นใคร” หัวสัตว์ร้ายยักษ์ทั้งสี่บนท้องฟ้ามองชายชราเป็นตาเดียวกัน กล่าวเสียงดังสนั่น
“เรียนท่านผู้ดูดวิญญาณ ข้าคือไป๋เกอ จ้าวเชมันแห่งเผ่าโคขาว นี่คงเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน ข้ามานี่ไม่ใช่เพื่อเขาลูกนี้ แต่เมื่อได้ยินว่าท่านผู้ดูดวิญญาณมาเยือน ในใจข้าตื่นเต้นยิ่งนัก ฉะนั้นเลยพาชาวเผ่ามาเตรียมเยี่ยมคารวะท่านด้วย
อ้อ ข้าเตรียมของขวัญมาด้วย หวังว่าท่านจะรับไว้ คือว่า…พอดีข้ายังมีธุระในเผ่าอีก พวกข้าขอตัวก่อน”
ชายชราปากแหลมแก้มลิงรีบคลำในอกเสื้อ หยิบผลึกเชมันที่เล็กกว่าเล็บมือมาหนึ่งชิ้น ในใจเจ็บปวดยิ่งนัก ทว่าก็ไม่กล้าบิดพลิ้ว รีบวางบนพื้นอย่างนอบน้อม
เห็นผลึกเชมันเล็กกระจิดริด ส่วนผลึกเชมันของซูหมิง หยิบมาอย่างสุ่มๆ ชิ้นหนึ่งก็ล้วนใหญ่กว่า ทว่าท่าทีปวดใจปนความนอบน้อมของชายชรา ราวกับกับว่าผลึกเชมันของเขามีขนาดเท่ากำปั้นอย่างไรอย่างนั้น
“ในเมื่อมาแล้วก็ไม่ต้องรีบไป วันนี้แซ่โม่ฝึกฝนจึงไม่สะดวกจะต้อนรับ พวกเจ้ารอที่นี่ก่อนเถิด” ซูหมิงขมวดคิ้ว กล่าวจบก็ไม่สนใจชายชราอีก ชายชราเผ่าเชมันผู้นี้มีขั้นพลังไม่ธรรมดา ต่อให้ยังไม่ใช่เชมันระดับกลางสมบูรณ์ ก็ยังนับว่าเป็นจุดสูงสุด
ทว่าซูหมิงไม่สนใจ มีวานรเพลิงกับหนอนงูคอยปกป้องเขาอยู่ ชายชราผู้นี้คงทำอะไรไม่ได้มาก อีกทั้งซูหมิงยังคิดจะใช้โอกาสนี้การปลุกระฆังเขาหานอีกครั้งเพื่อให้ชายชราหวาดกลัว จุดนี้เขามองออกจากความกลัวของชายชราเมื่อครู่
ชายชราปากแหลมแก้มลิงได้ยินดังนั้นก็ร้องทุกข์ในใจ แม้อ่านขั้นพลังซูหมิงไม่ออก แต่สัตว์ร้ายยักษ์บนท้องฟ้าทำให้เขาตื่นกลัวและเกิดความยำเกรง
ในความรู้สึกเขา สัตว์ร้ายยักษ์นี้จะต้องเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์อย่างไม่ต้องสงสัย แม้เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่ชัดเจนว่าตอนนี้อีกฝ่ายกำลังฝึกฝนวิชาที่แข็งแกร่งยิ่งบางอย่าง ฉะนั้นจึงเกิดเงาสะท้อนเหมือนกับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์
‘คนผู้นี้เป็นใครกันแน่ สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ตัวนี้ตื่นเพียงสี่หัว ก็ทำให้ข้าตื่นกลัวจนไม่เป็นสุขแล้ว หากตื่นขึ้นมาทั้งหมด…’ ไป๋เกอเลียริมฝีปาก นึกเสียใจภายหลังว่าไม่น่ามาเลย ทั้งยังแค้นต่อชาวเผ่าที่บอกเขาว่าอีกฝ่ายไปแล้วด้วย
เขาเงียบไปพลางๆ ก่อน ซูหมิงในยามนี้นั่งขัดสมาธิอยู่ในถ้ำ ขณะหลับตา สองมือประสานมุทราอยู่ด้านหน้าตลอด ทุกการประสานเต็มไปด้วยความพิลึก มันเป็นความรู้สึกตอนเขาปลุกระฆังเขาหานในตอนนั้น จากการประสานมุทรา พลังฟ้าดินในถ้ำพลันหลั่งทะลักเข้ามารวมอยู่ในสองมือ ราวกับว่าการประสานนิ้วมือสามารถเหนี่ยวนำพลังฟ้าดินได้
ซูหมิงตะลึง การประสานมุทราเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนถึงที่สุด สองมือก็รัวเร็วจนมองไม่ทัน เหลือไว้เพียงเศษเงาจำนวนมาก
จากการเคลื่อนไหวของเขา บนท้องฟ้านอกถ้ำ หัวทั้งสี่ที่มีเงาของซูหมิงอยู่เงยหน้าคำรามขึ้นฟ้า ทำให้ฟ้าดินเปลี่ยนสี ระลอกคลื่นกระจายเป็นวงกว้างหลายชั้น
ทันใดนั้น หนึ่งในห้าหัวตรงริมสุดที่หลับใหล ร่างใหญ่ยักษ์ของมันพลันสั่นไหว ราวกับจะตื่นขึ้นจากเสียงคำรามของหัวทั้งสี่
ภายในถ้ำ ซูหมิงประสานมุทราเร็วขึ้นอีก ตรงหน้าผากเขามีเม็ดเหงื่อผุดขึ้น จิตสัมผัสทั้งหมดปล่อยออกมาตามการประสานมุทรา แล้วหลอมรวมกับพลังฟ้าดิน หลั่งไหลเข้าไปในระฆังเขาหาน แต่ไม่ว่าเขาจะส่งพลังเข้าไปในระฆังเขาหานอย่างไร ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นปานก้อนหินตกลงในมหาสมุทร
จนกระทั่งถึงตอนนี้ เขาเพิ่งจะรู้สึกถึงการตอบสนองเล็กน้อย ประหนึ่งว่าในระฆังเขาหานมีกำแพงหนึ่งชั้น หากไม่ทะลวงกำแพงไปก็ยากจะปลุกในระดับที่ลึกยิ่งกว่า ตอนที่รู้สึกถึงกำแพงนี้ ซูหมิงโคจรจิตสัมผัสทั้งหมด ใช้การประสานมุทราเหนี่ยวนำ ใช้พลังฟ้าดินหลอมรวม บุกทะลวงอย่างต่อเนื่อง
“ลืมตาให้ข้า! ลืมตา ลืมตาเสีย!” ซูหมิงหลับตาพึมพำ เหงื่อออกเยอะขึ้นเรื่อยๆ
กล่าวจบ หัวมังกรน้ำทั้งสี่ที่ตื่นอยู่นอกน้ำแผดเสียงดังยิ่งขึ้น มันขยับตัวและร้องคำรามไม่หยุด ก่อขึ้นเป็นคลื่นเสียงสั่นสะเทือนแผ่นดิน ทำให้ชายชรารู้สึกแสบแก้วหู
ชายชราหน้าซีด เขามองมังกรน้ำสี่หัวบนท้องฟ้า เกิดความรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นมดปลวก
บนท้องฟ้า หลังจากมังกรสี่หัวร้องคำราม หัวหนึ่งในห้าที่หลับใหลอยู่ตรงริมสุดสั่นไหวรุนแรงยิ่งขึ้น ดวงตาที่หลับอยู่มีเค้าลางจะดิ้นรน ประหนึ่งว่ามันจะตื่นขึ้น!
หัวสัตว์ที่ห้านี้ไม่รู้ว่าหลับใหลมานานกี่ปีแล้ว ขณะถูกจิตสัมผัสของซูหมิงจู่โจมอย่างต่อเนื่อง มันราวกับจะตื่นขึ้นได้ตลอดเวลา เด่นชัดยิ่งขึ้นในความรู้สึกซูหมิง เขาคาดคิดว่าขอแค่กำแพงไร้รูปถูกทำลายลง หัวที่ห้าก็จะลืมตาขึ้น
ครองหัวที่หนึ่ง ควบคุมระฆังเขาหานได้ในระดับต้น
ครองหัวที่สอง ซูหมิงสามารถใช้ระฆังสร้างเสียงเพื่อสะเทือนจิตวิญญาณ
ครองหัวที่สาม ซูหมิงได้รับความแข็งแกร่งด้านป้องกันจากระฆัง และยังสามารถทำให้ระฆังผสานเข้าสู่ร่างกาย มีพลังในการป้องกันตัวเอง
ตอนครองหัวที่สี่ ซูหมิงรู้สึกว่ามีการประสานมุทราเล็กน้อยผุดขึ้นในความคิด ทำให้เขาควบคุมระฆังเขาหานได้ง่ายขึ้นและยังใช้มันพันธนาการได้
ตอนนี้หากหัวที่ห้าตื่นขึ้น หากซูหมิงครองหัวที่ห้า จะมีพลังแบบใดซูหมิงเองก็ไม่รู้ เขาจึงเฝ้ารอคอยยิ่งนัก
ครั้นเวลาผ่านไป การเฝ้ารอคอยที่ว่านี้รุนแรงขึ้น เพียงแต่ว่ากำแพงที่ซูหมิงรู้สึกถึงในระฆังเขาหานกลับยากจะทำลายลงภายใต้แรงโจมตี เหมือนกับว่าอีกเพียงนิดเดียวเท่านั้น!
เสียงคำรามบนท้องฟ้าก้องกังวาน ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วยามแล้ว ภายใต้เสียงคำรามอย่างต่อเนื่องนี้ แผ่นดินสั่นสะเทือน แม้แต่เทือกเขายังมีเศษหินร่วงหล่น
ซูหมิงเริ่มตัวสั่น รู้สึกว่าจิตสัมผัสอ่อนกำลังเล็กน้อย วานรเพลิงข้างกายดูตึงเครียดยิ่งนัก ด้วยสติปัญญาของมัน จึงรู้สึกยำเกรงต่อสัตว์ร้ายบนท้องฟ้า
ทว่าสำหรับหนอนงูแล้ว เหมือนมันจะไม่มีความยำเกรงใดๆ มีเพียงความเหี้ยมโหดอย่างเด่นชัด มันจ้องสัตว์ร้ายยักษ์บนท้องฟ้าผ่านรูเล็กๆ บนผนังถ้ำ นัยน์ตาดูสงสัยและดุร้าย
ราวกับว่าพบเจอศัตรูทางธรรมชาติ หนอนงูตัวนี้มีเสียงอื้ออึงดังทั้งตัว เกล็ดเปิดขึ้นเล็กน้อย หากมิใช่ว่าในสัตว์ร้ายตัวนี้มีกลิ่นอายพลังของซูหมิงที่มันคุ้นเคยอยู่ มันจะต้องพุ่งออกไปทันที หากไม่ตายก็ไม่ยอมเลิกรา
ภายในถ้ำ หม้อโอสถยังคงปกติ ไม่แปรเปลี่ยนใดๆ ทว่าชายชราเผ่าหมานในอีกห้องหินหนึ่งกลับตัวสั่นอย่างรุนแรง เขาหน้าซีดขาว โลหิตไหลจากทั้งตัวมากกว่าครึ่ง ที่เหลืออยู่ก็ถูกสมุนไพรบนตัวสูบกินอย่างบ้าคลั่ง จิตวิญญาณยังโดนโอสถชิงวิญญาณสามลูกดูดเอาไว้ดุจถูกผนึก
เดิมทีเขาก็อ่อนแอยิ่งนักแล้ว พอได้ยินเสียงคำรามนั้นอย่างต่อเนื่อง ก็เริ่มมีเสียงอึกทึกดังในความคิด จึงพยายามดิ้นรนต่อต้าน
ไม่เพียงแค่เขาที่เป็นเช่นนี้ ชาวเผ่าโคขาวหกคนนอกเทือกเขา ยามนี้ล้มลงกับพื้น ตัวสั่นเทิ้ม ใบหน้าขาวซีดไร้เลือดฝาด สี่คนในนั้นหมดสติไป อีกสองคนที่ยังมีสติก็มีสีหน้ามึนงง ยืนหยัดได้นานกว่าสี่คนครู่เดียวก็หมดสติไปเช่นกัน
ส่วนชายชราปากแหลมแก้มลิง ยามนี้นั่งขัดสมาธิบนพื้น โคจรพลังในร่างกายเพื่อต่อต้าน ทว่าหลังกระอักเลือดมาหลายกอง จึงได้รู้ว่าเขาไม่อาจต้านความรุนแรงของเสียงนี้ได้เลย
เขาอยู่ใกล้มาก ไม่เหมือนชาวเผ่าหกคนที่หนีไปไกลแล้ว ตอนนี้ภยันตรายถึงชีวิตผุดขึ้นจากก้นบึ้งหัวใจ เขารีบดื่มน้ำใสในชามหินด้วยอาการหวาดกลัวทันที ก่อนจะเกิดหมอกขาวจำนวนมากขึ้นรอบตัวเขาเพื่อต่อต้านไว้
“ยังไม่ลืมตาอีก!” ซูหมิงในถ้ำมีเส้นผมยุ่งเหยิง
ขณะสองมือประสานมุทราก็พลันยกมือขวาขึ้น ตบหน้าอกตัวเองหนึ่งที พลันมีหินวิญญาณลอยมาจำนวนมาก ละเอียดเป็นผุยผงกระจายกันอยู่รอบตัวเขา เมื่อหินวิญญาณเหล่านั้นปรากฏ จิตสัมผัสของซูหมิงเปี่ยมล้นขึ้นมา และโคจรในเส้นเลือดลมที่ถูกเปิดในร่างกายเขาดั่งของเหลว ทำให้ซูหมิงแผดเสียงตะโกนทันใด
“หัวที่ห้า ลืมตา!” ตะโกนเสร็จ เขาใช้สองมือผลักไปด้านหน้าอย่างแรง ทำให้หินวิญญาณรอบตัวระเบิดกระจุยทั้งหมดอีกครั้ง จิตสัมผัสเขาเหนี่ยวนำพลังฟ้าดินเข้าไปในระฆังเขาหานมหาศาล กระแทกใส่กำแพงนั้นอย่างบ้าคลั่ง
ขณะเดียวกัน หัวมังกรน้ำทั้งสี่บนท้องฟ้าแผดเสียงคำรามดังยิ่งขึ้น อีกทั้งครั้งนี้มันไม่ได้คำรามธรรมดา แต่ขยับมาอยู่ข้างหัวที่ห้าซึ่งกำลังสั่นเทาและดิ้นรน ก่อนร้องคำรามใส่มัน
ซูหมิงรู้สึกแค่ว่ามีเสียงครึกโครมดังในความคิด หลังจากจิตสัมผัสกระแทกใส่กำแพงในระฆังเขาหานจนถล่มดุจน้ำหลากแล้ว ก็พลันทะลักเข้าไปด้านใน ทันใดนั้น หัวที่ห้าบนท้องฟ้าพลันลืมตาขึ้น ดวงตามันไร้ความปรานี ทว่าในลูกตากลับมีเงาของซูหมิงกำลังรวมตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว
ช่วงเสี้ยววินาทีนั้น หลังจากในดวงตาของหัวที่ห้าปรากฏเงาร่างซูหมิงอย่างสมบูรณ์ หัวที่ห้าเงยหน้าเปล่งเสียงคำรามร่วมกับหัวทั้งสี่ เสียงก้องกังวานนภา
“จิ่ว อิง คำสั่ง จักรพรรดิ แดนใต้ สังหาร!” ขณะหัวทั้งห้าคำราม มีเสียงนี้ดังแว่วเข้ามา
ชายชราปากแหลมแก้มลิงทนไม่ไหวอีกต่อไป กระอักโลหิตแล้วล้มลงหมดสติ
ช่วงที่หัวทั้งห้าคำราม ในความคิดซูหมิงมีข้อมูลเกี่ยวกับระฆังเขาหานประดุจมรดกดังผุดขึ้นจำนวนมาก ในข้อมูลซับซ้อนเหล่านั้น เขารู้ทันทีว่าหลังจากหัวที่ห้าปรากฏแล้ว ระฆังเขาหานสมบัติล้ำค่าชิ้นนี้จะมีพลังใดเพิ่มขึ้นมา
นั่นคือ ตอนใช้ระฆังนี้จะอัญเชิญสัตว์วิญญาณที่สถิตด้านในได้ชั่วคราว!
ซูหมิงหายใจกระชั้นถี่ นัยน์ตาฉายแววตื่นเต้น เขาหยิบหินวิญญาณขึ้นมาจำนวนมาก เงยหน้าจ้องสัตว์ร้ายยักษ์บนท้องฟ้าด้วยสีหน้าเด็ดขาด
“จะต้องปลุกหัวที่หกขึ้นพร้อมกันรวดเดียว!”