Skip to content

สู่วิถีอสุรา 770

ตอนที่ 770 ผนึกหนึ่งเคราะห์ สามม่าน หกจุด

พวกเถียนหลินส่วนใหญ่เงียบกับรอยยิ้มของซุนคุน เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่เรื่องตลกในความคิดพวกเขา

ทว่ากระเรียนขนร่วงที่แปลงเป็นหินอยู่ไม่ไกล พอได้ยินคำว่าน่าอร่อยก็ขยับวูบไหวกลับมาเป็นสุนัขตัวใหญ่สีเหลืองอีกครั้ง แลบลิ้นพลางจ้องขวดเล็กที่ซุนคุนเก็บไป ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ ทั้งยังมีท่าทางน้ำลายจะไหลอีก

“สุนัขผู้ชำนาญการแปลงกายของสหายซูตัวนี้น่าสนใจเช่นกัน” ซุนคุนหันไปมองสุนัขสีเหลืองตัวใหญ่แวบหนึ่งแล้วหัวเราะ

“ปู่กระเรียนเจ้าเถอะ เจ้าต่างหากคือสุนัข ข้าคือมังกร!” กระเรียนขนร่วงพลันกล่าว และยังแยกเขี้ยวใส่ซุนคุน เหตุการณ์นี้ทำให้ซุนคุนอึ้งงัน กระทั่งคนอื่นๆ ด้านข้างยังมองไป

ซูหมิงกระแอมทีหนึ่ง ถลึงตามองกระเรียนขนร่วง ก่อนเอ่ยกับทุกคนเพื่อเลี่ยงหัวข้อสนทนานี้

“หากเส้นเนื้อในผนึกมีมากกว่านี้อีก ภารกิจครั้งนี้คงจะอันตรายขึ้นมาก”

คำพูดซูหมิงทำให้พวกหลงลี่เงียบงัน เยียเซินถงที่บ้าอำนาจมาตลอดยังนึกหวาดกลัว พวกเขามองเถียนหลินพร้อมกัน ถึงอย่างไรเถียนหลินก็เป็นคนวางแผนทุกอย่าง

“เรื่องนี้แซ่เถียนคิดไม่รอบคอบเอง ไม่นึกเลยว่าในผนึกจะมีสัตว์ร้ายเช่นนี้อยู่…เอาแบบนี้ ข้าจะลงไปดูให้ก่อน หากไม่มีอันตรายทุกท่านค่อยตามลงไป หากมีอันตราย….ในเมื่อแซ่เถียนเป็นคนริเริ่ม กล้าสลับจิตแรกกับร่างกาย ย่อมไม่ดึงชีวิตของทุกคนไปทิ้งด้วยกันอย่างแน่นอน” เถียนหลินเงียบอยู่ชั่วครู่ แล้วกล่าวอย่างเด็ดขาด

หลงลี่กับซุนคุนไม่พูดอะไร ดวงตาเยียเซินถงขยับประกาย แต่ก็ไม่กล่าวเช่นกัน ส่วนซูหมิงยังนิ่งเงียบอยู่ข้างๆ

เถียนหลินไม่รีรอ กระทืบเท้าขวาลงพื้นรอยแยกหุบเขาอย่างแรงทีหนึ่ง เงามายาของต้นไม้ใหญ่ปรากฏด้านหลังเขาอีกครั้ง ต้นไม้ใหญ่บิดเบี้ยว เสียงกึกๆ แว่วมาจากใต้เท้า ฉับพลันนั้นพื้นดินก็เกิดรอยร้าวขึ้นจำนวนมาก มันลุกลามออกไปก่อนจะเกิดเสียงดังสนั่น ดินถล่มลงกลายเป็นหลุมลึก จากนั้นเถียนหลินก็บินเข้าไปอย่างไม่ลังเล

ครู่ต่อมา มีเสียงเถียนหลินแว่วมาจากในหลุมลึก

“สหายทุกท่านลงมาได้ ที่นี่…ไม่มีเส้นเนื้อที่ยังมีชีวิต”

หลงลี่ขยับวูบไหวกระโดดลงไปในหลุมลึก จากนั้นเป็นซุนคุน เยียเซินถงลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนมองซูหมิง ความหมายคือเขาจะลงเป็นคนสุดท้าย

ซูหมิงไม่ว่าอะไร เขาพากระเรียนขนร่วงเข้าไปในหลุมลึก พอเข้ามาแล้วนัยน์ตาก็แวววาวโดยพลัน ต่อมาถึงได้ยินเสียงสูดลมหายใจของเยียเซินถงที่ลงมาเป็นคนสุดท้าย

ที่นี่มีโครงสร้างใหญ่คล้ายกับรังผึ้ง นอกจากผิวดินที่ขรุขระไม่เรียบแล้ว โดยรอบยังเต็มไปด้วยถ้ำแน่นขนัดนับไม่ถ้วน ส่วนผิวขรุขระบนพื้นก็เป็นเพราะมีเส้นมัวหมองปกคลุมอยู่หนึ่งชั้น ดูแล้วไม่ต่ำกว่าหลายแสนเส้น กลิ่นเน่าเหม็นลอยโชยมา ทำให้ทุกคนที่เข้ามาในนี้ยืนอยู่กลางอากาศด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

“ยอดผู้ฝึกฌานเผ่าประหลาดที่ถูกผนึกอยู่ในดาวนี้..ขะ…เขามีร่างกายใหญ่เท่าใดกันแน่?” เยียเซินถงสูดลมหายใจเข้าลึก เอ่ยด้วยความหวาดกลัว

“มีบางอย่างผิดปกติ ถึงพวกเราจะไม่เคยเห็นเผ่าประหลาดที่ถูกผนึกอยู่ ทว่าเผ่าประหลาดส่วนใหญ่ในส่วนลึกของพื้นดินที่จะปรากฏตัวเป็นบางครั้งในแดนรกร้างต้นกำเนิดจิต พวกนั้นมีรูปร่างเหมือนกับพวกเรา ไม่เคยมีใครเห็นว่ามีขนาดยักษ์เท่าสัตว์ร้ายมาก่อน…” เถียนหลินลังเลอยู่ชั่วครู่ ถึงค่อยกล่าวเนิบช้า

ช่วงที่ทุกคนกำลังตื่นตระหนก ซูหมิงจ้องถ้ำทรงกลมจำนวนมากตรงหน้าตาเขม็ง ชั่ววินาทีเมื่อครู่นี้เขามีความรู้สึกเหมือนถูกมอง ความรู้สึกนี้หายไปในพริบตา แต่เขามั่นใจว่าไม่ผิดแน่ เพราะเขาไม่ได้ใช้จิตสัมผัสตรวจสอบ และก็ไม่ได้ใช้สัมผัสของร่างกาย แต่ใช้…วิญญาณของตน!

ชั่ววินาทีเมื่อครู่นี้ วิญญาณยมโลกของเขาเกิดระลอกคลื่นวงหนึ่ง ดูจากท่าทางคนอื่นแล้ว คงจะมีเพียงเขาคนเดียวที่รู้สึกถึงสายตาพิลึกนั่น

“เรื่องนี้ข้ารู้” เสียงหลงลี่ดึงดูดความสนใจของทุกคนไป ซูหมิงแอบตื่นตัว แต่สีหน้าไม่เผยความคิดใดๆ ออกมา

“ไม่ใช่ร่างเผ่าประหลาดที่ใหญ่ แต่ผนึกที่นี่น่าจะเป็นผนึกเลือดเนื้อ หนึ่งในผนึกสิบชนิดจากหนึ่งเคราะห์สามม่านหกจุดของสี่มหาโลกแท้จริง!

ผนึกสิบชนิดต่างกันนี้ สี่มหาโลกแท้จริงใช้เพื่อกำราบวิชาของยอดผู้ฝึกฌานเผ่าประหลาดในแดนรกร้างต้นกำเนิดจิตโดยเฉพาะ ดีที่พวกเราเจอผนึกหกจุด ไม่ใช่ผนึกสามม่าน มิเช่นนั้นแล้วข้าคงหนีไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้และไม่กล้าสัมผัสมัน” หลงลี่กล่าวเนิบช้า เรื่องนี้ไม่ใช่เพียงซูหมิงที่ไม่เคยได้ยิน แม้แต่พวกเถียนหลินก็ไม่เคยได้ยินด้วย

“อ้อ เช่นนั้นสหายหลงช่วยอธิบายให้ละเอียดด้วย แซ่เถียนเข้าใจผนึกนี้ไม่มากจริงๆ”

“ผนึกหกจุดที่ว่าคือผนึกของหนึ่งขั้นพลังรวมหกจุด และก็เป็นผนึกที่ใช้กำราบเผ่าประหลาดส่วนใหญ่บนดาวแท้จริงจำนวนมากในแดนรกร้างต้นกำเนิดจิต

ผนึกนี้มีพลานุภาพสูงยิ่งนัก ใช้กำราบระดับแม่ทัพของเผ่าประหลาด เนื่องด้วยความแกร่งและอ่อนแอของชาวเผ่าประหลาด ผนึกหกจุดที่ใช้กับหนึ่งขั้นพลังเดียวกันนี้จึงมีแบ่งแยกออกไปอีก

ประเภทที่พบเห็นบ่อยสุดคือผนึกหกจุดปรากฏขึ้นพร้อมกัน ที่อ่อนที่สุดจะมีเพียงผนึกจุดเดียว” หลงลี่กล่าวเนิบๆ ครั้นมองไปรอบๆ แล้วนัยน์ตาก็เป็นประกาย

“ที่นี่น่าจะมีเพียงผนึกจุดเดียว ดูท่าตำนานในหนังสือของชื่อหั่วโหวยอดผู้ฝึกฌานเผ่าประหลาดท่านนี้จะผิดเพี้ยนไป บุคคลผู้นี้น่าจะมีร่างกายแข็งแกร่ง แต่มิได้มีพลังอาคมสูงส่ง มิเช่นนั้นแล้วไม่น่าจะใช้ผนึกเลือดเนื้อ แต่บางทีส่วนลึกอาจจะมีผนึกหกจุดอยู่ สรุปคือยิ่งผนึกมากเท่าไร ในอดีตคนผู้นี้ก็ยิ่งแข็งแกร่งมากเท่านั้น” หลงลี่ชี้ไปยังเส้นเนื้อจำนวนมากบนพื้น

“ผนึกเลือดเนื้อที่ว่านี้ก็อธิบายไม่ยาก ทุกคนรู้ว่ามีการลงโทษประหารด้วยการตัดมือและเท้า หั่นเนื้อคนออกมาเป็นแผ่นๆ แล่เนื้อออกมาพันชิ้นอย่างสมบูรณ์แบบจนตาย ผนึกเลือดเนื้อก็ใช้หลักการนี้ เป็นการประหารโดยการแล่เลือดเนื้อยอดผู้ฝึกฌานเผ่าประหลาดทีละชิ้นๆ…บวกกับยอดผู้ฝึกฌานมีพลังชีวิตอยู่และยังค่อยๆ ฟื้นฟูกลับมา การประหารนี้เลยไม่มีวันสิ้นสุด

ฉะนั้นทุกคนเลยเข้าใจผิดคิดว่าเส้นเนื้อจำนวนมากมาจากร่างยอดผู้ฝึกฌานยักษ์ พวกท่านรู้สึกถึงกาลเวลาในเส้นเนื้อหรือไม่ เห็นได้ชัดว่าอยู่คนละช่วงเวลากัน สั่งสมทีละน้อยมานานไม่รู้กี่หมื่นปี” คำพูดของหลงลี่ดูน่าสะพรึงกลัว พอทุกคนได้ยินก็เงียบกริบ

ซูหมิงมองเส้นเนื้อบนพื้น ต่อให้เขาสูญเสียความเจ็บปวดไป แต่ก็เวทนายอดผู้ฝึกฌานเผ่าประหลาดที่ต้องทรมานผู้นี้ นอกจากนี้เขายังอึ้งกับความเหี้ยมโหดของสี่มหาโลกแท้จริงอีกด้วย

“สหายหลง ผนึกหนึ่งเคราะห์สามม่านหกจุดเมื่อครู่นี้ ผนึกสามม่านมันคือผนึกแบบใดรึ?” ซุนคุนถามด้วยความสนใจ

“ใช่ สหายหลงช่วยอธิบายด้วย” เถียนหลินพยักหน้า เยียเซินถงข้างๆ ก็จริงจังเช่นกัน

หลงลี่เงียบอยู่สักครู่หนึ่งถึงกล่าวช้าๆ

“ความต่างของผนึกสามม่านกับหกจุดคือ ผนึกหกจุดใช้พันธนาการแค่คนเดียว แต่ผนึกสามม่าน…เฮอะๆ ใช้พันธนาการหนึ่งเผ่าพันธุ์! ทว่าผนึกสามม่านหายากยิ่งในแดนรกร้างต้นกำเนิดจิต ทั้งยังผนึกได้หนึ่งเผ่าพันธุ์ หากเจอจริงๆ เอาตัวเองให้รอดได้ก็ถือว่าโชคดีมากแล้ว” หลงลี่กล่าวเสียงเบา เมื่อเห็นว่าไม่มีใครถามอะไรอีก จึงพูดต่อโดยไม่ปิดบัง

“ผนึกที่แกร่งกว่าผนึกสามม่านคือหนึ่งเคราะห์ ผนึกนี้ไม่ได้พันธนาการผู้แข็งแกร่งธรรมดา ไม่ได้กำราบหนึ่งเผ่าพันธุ์ แต่กำราบ…ราชาของทุกเผ่าประหลาด!

ผนึกนี้เรียกว่าผนึกราชา คนที่ถูกผนึกล้วนมีชื่อเสียงเลื่องลือ ทว่าทุกคนวางใจได้ ผนึกราชานี้หายากยิ่งกว่าเสียอีก” หลงลี่หัวเราะชวนขนลุก

“ที่สหายหลงว่ามานี้อาจจะเป็นจริง ว่าแต่ได้ยินมาจากที่ใด?” เถียนหลินเงียบไปชั่วครู่แล้วถามขึ้น

“ข้าอยู่บนดาวทมิฬมาสักระยะหนึ่ง ได้ยินคนที่นั่นว่ามา จริงเท็จประการใดไม่กล้ารับรอง” หลงลี่มีท่าทีไม่อยากเอ่ยลงลึกอะไรมาก จึงบอกปัดไป

“มีที่ที่ผนึกหนึ่งเคราะห์สามม่านหกจุดรวมสิบชนิดอยู่ด้วยกันหรือไม่?” ซูหมิงเอ่ยเรียบนิ่งอยู่ข้างๆ

ครั้นสิ้นเสียง โดยรอบพลันเงียบลง ผ่านไปครู่หนึ่งหลงลี่ก็พยักหน้า

“น่าจะมี ทว่าที่แบบนี้เกรงว่าคงไม่ได้พันธนาการยอดผู้ฝึกฌานภัยพิบัติตะวันไว้ มีโอกาสสูงมากที่จะใช้ผนึก….บุคคลน่าสะพรึงกลัวที่ก้าวสู่ขอบเขตพลังภัยพิบัติอย่างแท้จริง หรือไปถึงขั้นกุมชะตาเกิดดับได้ครึ่งหนึ่ง”

“ขอบคุณสหายหลงมากที่เล่าเรื่องผนึกให้ฟัง ตอนนี้พวกเราต้องพังผนึกของที่นี่ทีละขั้นก่อน ยิ่งทุกท่านได้รับโชควาสนาเร็วมากเท่าไร เราก็จะออกจากที่นี่ได้เร็วมากเท่านั้น” เถียนหลินสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วเอ่ยกับพวกซูหมิง

“ตามแผนการแล้ว สหายหลงต้องแผ่จิตสัมผัส ข้าจะช่วยหาจุดที่เปราะบางและใกล้ที่สุดอย่างสุดกำลัง สุดท้ายก็ให้สหายเยียช่วยสหายซูกับสหายซุนลองทำลายผนึกดู” เถียนหลินประสานมือคารวะทุกคน

หลงลี่พยักหน้า ก่อนจะแผ่จิตสัมผัสโดยพลัน เถียนหลินก็แผ่จิตสัมผัสเช่นกัน สองคนร่วมมือกันขยายจิตสัมผัสไปรอบๆ แผ่เข้าไปในถ้ำ ราวครึ่งชั่วยามต่อมา สองคนมีสีหน้าเหนื่อยล้าเล็กน้อย ช่วงที่ดึงจิตสัมผัสกลับมาทั้งหมด เถียนหลินยกมือขวาสะบัดไปข้างหน้า ทันใดนั้นมีแสงนุ่มนวลส่องสะท้อนอยู่หนึ่งในถ้ำจำนวนมาก

“พวกข้าสองคนขยายจิตสัมผัสไปลึกกว่านี้ไม่ได้แล้ว แต่มีโอกาสเจ็ดส่วนที่ต้องบุกเข้าไปจากตรงนี้ นี่เป็นเส้นทางที่ใกล้ที่สุด” เถียนหลินกล่าวจบ ซุนคุนก็เดินหน้าหนึ่งก้าวมาอยู่นอกถ้ำเป้าหมาย เขาพิจารณาอย่างละเอียดแล้วก็ยกมือขวาขึ้นทำสัญลักษณ์มือ

“สหายซู?” เถียนหลินขมวดคิ้วมองซูหมิง

“ผนึกข้างนอกข้าทำได้ ทว่าผนึกที่นี่ ข้าทำลายได้ยาก” ซูหมิงเดินหน้าไปหลายก้าว ขมวดคิ้วพิจารณาอยู่นอกม่านแสงครู่หนึ่งแล้วก็ส่ายศีรษะ

เถียนหลินกำลังจะเอ่ย ซุนคุนก็หันหน้าไปมองเยียเซินถง

“สหายเยียโจมตีสุดกำลังตรงนี้ด้วย จำเอาไว้ว่าให้แบ่งพลังออกเป็นเก้าส่วน ส่วนที่สามกับส่วนที่แปดต้องหยุดสามลมหายใจ ส่วนที่หกกับส่วนที่เก้าต้องหยุดสองลมหายใจ นี่คือสิ่งที่ต้องมีในหนึ่งหมัด” ซุนคุนชี้ไปตรงมุมหนึ่งด้านล่างหินถ้ำ

เยียเซินถงเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้โดยไม่กล่าวอะไร หลังจากชกหมัดตรงจุดอย่างแม่นยำแล้ว โดยรอบพลันสั่นสะเทือน ถ้ำทรงกลมถล่มทลายลง เผยเป็นเส้นทางกว้างใหญ่ภายใน

เถียนหลินพุ่งนำหน้าไป ด้านหลังเป็นพวกเยียเซินถง สุดท้ายคือซูหมิง ช่วงที่ซูหมิงก้าวเข้าไปในเส้นทาง เขาพลันหันไปมองด้านหลัง นัยน์ตาขยับประกายวาววับ

ทว่าด้านหลังกลับไม่มีร่างใครเลย ภายในจิตสัมผัสก็เงียบสงบ แต่เมื่อครู่นี้เขารู้สึกเหมือนมีคนมองมาจากด้านหลังอีกครั้งแล้ว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version