Skip to content

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ 266


บทที่ 266 ยังไงซะก็ต้องมีคนถูกฆ่า! (ปลาย)

“มีรายงาน!” เสียงทหารม้าอีกคนกำลังทะยานตรงมาแต่ไกล ทหารชักม้าตรงรี่ไปทางคนสวมหน้ากากทันทีเมื่อเข้ามาในบริเวณ “ท่านแม่ทัพเป่ยมีคำสั่งด่วนให้ถอนกำลังกลับไปเมืองชายแดนทันที ผู้ใดฝ่าฝืนมีโทษประหาร!”

“ใครฝ่าฝืนมีโทษประหาร!” ยามนี้ใบหน้าภายใต้หน้ากากบิดเบี้ยวอย่างน่ากลัว! หลังจากเงียบงันไปชั่วครู่ พลันคนสวมหน้ากากตวาดเสียงดังสนั่น “ถอนกำลัง!” สิ้นคำสั่งฉับพลันกองทหารหยุดการล้อมกรอบและร่นถอยหลังออกจากสถานที่เป็นระลอกดุจกระแสน้ำหลาก

ชายสวมหน้ากากเหลือบมองเยี่ยฉวนและกลุ่มคนด้วยสีหน้าที่ไม่อาจคาดเดา ก่อนจะหันม้ากลับและควบออกไปอย่างรวดเร็ว ทำให้กำลังทหารส่วนใหญ่ถอยร่นออกไปทันที ซึ่งเซี่ยโหวเต้าและกำลังพลของเขาก็ถอยกลับไปจากที่นั้นด้วยเช่นกัน

พวกทหารต่างรู้แก่ใจ ว่าเมื่อใดก็ตามที่ไร้ซึ่งอำนาจจากกองทหารอันอาจสยบพวกเขาลงได้ เยี่ยฉวนและพวกจะตามมาเด็ดชีวิตทุกคนทันที!

ภายหลังจากทหารถอนกำลังไปจนหมด เยี่ยฉวนและคนอื่นก็พลันทรุดฮวบลงกองกับพื้นอย่างไร้สิ้นพลังท่ามกลางกองซากศพรายล้อมรอบตัว ส่งกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ

เยี่ยฉวนนอนแผ่บนพื้นดินด้วยรู้สึกอ่อนล้าไปทั่วสรรพางค์ ความเจ็บปวดรวดร้าวเนื่องจากการใช้พลังไล่สังหารคนเป็นระยะเวลายาวนาน! แต่มิใช่เพียงแค่เขาคนเดียว ทว่าทั้งลู่ป้านจวงและคนของนางก็เฉกเช่นเดียวกัน พวกเขาต่างล้วนเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้าจากการสังหารคนจำนวนมาก

ต่อมาไม่นานจ้าวหอชั้นแปดปรากฏกายออกในที่เยี่ยฉวนและคนอื่นล้มตัวนอนพังพาบ เขาทอดสายตาไปในระยะไกลขณะแจ้งกับทุกคนว่า “มีข่าวว่าองค์หญิงเก้าแห่งแคว้นเจียง ยกระดับการเคลื่อนกำลังพล”

“เสี่ยวจิ่ว!” ชายหนุ่มได้ยินเช่นนั้น จึงรีบผุดลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว “เปิดฉากโจมตีอย่างนั้นหรือ?”

ฝ่ายผู้อาวุโสพยักหน้า “เมื่อครึ่งชั่วยามก่อนหน้า นางเคลื่อนกำลังทัพกว่าเจ็ดหมื่น เป็นทหารม้าเกราะเหล็กเข้าจู่โจมทัพใหญ่ของแม่ทัพเป่ยเสี่ยวหู่ ซึ่งมีองครักษ์ดาบทมิฬและกองกำลังมัจจุราชเป็นกำลังหลัก หากปราศจากกองกำลังทั้งสองความแข็งแกร่งของกองทัพจะลดทอนลงเป็นอันมาก นี่จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมจึงมีการถอนกำลังออกไปเมื่อสักพักใหญ่ที่ผ่านมา”

คนพูดเบนสายตามาทางชายหนุ่ม “คาดว่านางจะได้ข่าวว่าพวกเจ้ากำลังถูกองครักษ์ดาบทมิฬและกองกำลังมัจจุราชโอบล้อม แต่นางยังใจกล้าส่งกองทัพออกไปในขณะที่แคว้นถูกล้อมไว้รอบด้านอย่างนั้น ช่างเป็นสตรีที่จิตใจเข้มแข็งและกล้าหาญ จนข้าอดประหลาดใจมิได้”

เยี่ยฉวนเอ่ยถามเสียงเบาแทบเป็นกระซิบ “นางจะมีอันตรายหรือไม่ขอรับ?” จ้าวหอชั้นแปดส่ายหน้า “องค์หญิงทรงเฉลียวฉลาด ข้าคิดว่านางจะไม่เลือกปะทะจนถึงขั้นตกอยู่ในอันตรายเป็นแน่ ถ้าจะให้เดานางคงจะถอนกำลังถอยร่นกลับเข้าเมืองชายแดนทันทีที่รู้ว่ากองกำลังมัจจุราชและองครักษ์ดาบทมิฬย้อนกลับไปสมทบกับทัพใหญ่ จะว่าไปที่จริงแล้วนางส่งกองทหารออกไปครั้งนี้หวังจะช่วยเจ้านั่นเอง!” เมื่อได้ฟังเช่นนั้น ภายในใจของชายหนุ่มกระตุกวูบ เมื่อทราบเจตนาที่แท้จริงของเจียงจิ่ว!

พลันมีเสียงดังมาจากจ้าวหออีกว่า “ทางสำนักอัปสรเมรัยได้ข่าวว่ามีกลุ่มคนในทำเนียบผู้เยี่ยมยุทธ์แห่งแผ่นดินชิงกำลังมุ่งหน้ามาที่นี่ นอกจากนั้นแล้วยังมีพวกที่มาจากอาณาจักรต้าอวิ๋นแห่งเขตแดนต้าอวิ๋น พวกเราอย่าได้ประมาทฝีมือของพวกมันเด็ดขาด ถึงแม้ว่าจะไม่ได้กล้าแกร่งระดับยอดฝีมือแต่พลังไม่ได้ยิ่งหย่อน นอกจากนั้นข้าเกรงว่าเวลานี้คนของสถานศึกษาฉางมู่และดินแดนอันธกาล คงจะเดินทางเข้ามาใกล้เราแล้ว”

ขณะนิ่งฟังเยี่ยฉวนมีสีหน้าเคร่งขรึมอย่างเห็นได้ชัด! พวกเขากำลังตกอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่ร้อนแรงมากขึ้นทุกขณะ! ด้วยบัดนี้เขาพอจะดูออกแล้วว่าอย่างไรเสียสถานศึกษาฉางมู่และดินแดนอันธกาลและเยี่ยฉวนจะต่อสู้จนกว่าจะแดดิ้นกันไปข้างหนึ่ง กองกำลังมหาอำนาจทั้งสองจะไม่หยุดที่จะใช้ความพยายามทุกวิถีทางเพื่อทำลายเยี่ยฉวน

ทั้งสองมหาอำนาจนั้น เมื่อตัดสินใจเดินหน้าแล้วไม่อาจถอยหลัง เมื่อใดก็ตามที่เยี่ยฉวนเติบใหญ่ เขาย่อมไม่ละเว้นการแก้แค้น ขณะที่สองอำนาจก็ไม่อาจทนกล้ำกลืนความหยิ่งผยองและกราบกรานขออภัยต่อเยี่ยฉวนได้ แม้ว่าอาจารย์ที่อยู่เบื้องหลังเขาผู้นั้นจะเป็นถึงเซียนกระบี่ไร้ผู้เทียมทาน หากนางมิได้แข็งแกร่งถึงขนาดจะทำให้สองมหาอำนาจยอมพ่ายต่อเกียรติที่ตนสั่งสมมาช้านาน และยอมรับความผิดพลาดของตนเอง

สำหรับเยี่ยฉวน ชายหนุ่มยังมีอนาคตอีกยาวไกลยากจะคาดเดาว่าจะสิ้นสุดอย่างไร หากเขารอดพ้นจากวิกฤตในครั้งนี้และได้รับการฝึกฝนโดยอาจารย์ซึ่งเป็นเซียนกระบี่ต่อไป……แต่อย่างไรเสียสองมหาอำนาจจะไม่ยอมให้เยี่ยฉวนเติบโตต่อไปได้อย่างแน่นอน!

แน่นอนเหตุผลมิใช่เรื่องของเยี่ยฉวนประการเดียว แต่เพราะมหาอำนาจทั้งสองต้องการกู้ชื่อเสียงและความเชื่อถือศรัทธาของตนกลับคืนมาให้เร็วที่สุด ในเมื่อความเป็นจริงที่ถูกเปิดเผยว่าบรรดาผู้อาวุโสที่ทำหน้าที่ผู้พิทักษ์แห่งฉางมู่และยังผู้กล้าแห่งดินแดนอันธกาล หลายต่อหลายชีวิตที่ล้มหายตายจากได้แพร่สะพัดไปทั่วแผ่นดินชิงในเวลานี้

ขณะนั้นลู่ป้านจวงซึ่งยืนอยู่ใกล้กันเอ่ยขึ้นว่า “คนที่พวกข้าระดมมาช่วยเหลือ คาดว่าอย่างน้อยอีกสองวันจึงจะมาถึง” ทั้งจ้าวหอและเยี่ยฉวนหันไปมองลู่ป้านจวงซึ่งเดินห่างออกไป และหยุดอยู่ที่ร่างของชางเยว่ ท่ามกลางกองซากไร้วิญญาณระเกะระกะ

เมื่อเห็นเช่นนั้นเยี่ยฉวนและคนอื่นเดินตามไปสมทบกับหญิงสาวที่ร่างของชางเยว่ สายตาของลู่ป้านจวงมองร่างไร้วิญญาณแน่วนิ่ง สีหน้าไม่แสดงความรู้สึก “ในเมื่อพวกมันอยากต่อสู้กับเรา ข้าก็จะสู้กับมัน”

“สู้มัน!” หลิงฮั่นพูดด้วยความเคียดแค้นชิงชังมาจากอีกด้าน “ใช่ สู้มัน!”

“อีกสองวันญาติของข้าจะมาถึงแล้ว!”

“สู้!” ทุกคนต่างลงความเห็นเป็นเสียงดียว ลู่ป้านจวงหันมาทางเยี่ยฉวน “เจ้าคิดแผนรับมือหรือยัง?”

“แผนรับมือ!” เหยี่ยลี่และคนอื่นพลอยหันมามองเยี่ยฉวนเป็นตาเดียว แม้แต่จ้าวหอชั้นแปดยังมองมาที่เยี่ยฉวนเช่นเดียวกัน ว่ากันตามตรงเวลานี้สถานการณ์มาไกลมากแล้ว ตัวเขาเองรู้สึกไม่สบายใจอยู่ลึกๆ ด้วยเรื่องราวเหตุการณ์ขยายไปในวงกว้างขึ้นทุกที

หลังจากนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง เยี่ยฉวนพูดเบาๆ ว่า “เราช่วยกันฝังชางเยว่ก่อนก็แล้วกัน”

ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย!

จากนั้นอีกครึ่งชั่วยามถัดมา เยี่ยฉวนและทุกคนช่วยกันฝังร่างของชางเยว่ ณ สถานที่แห่งหนึ่งในบริเวณป่าทึบ เวลานี้ทุกคนยืนสงบนิ่งเบื้องหน้าคือศิลาหน้าหลุมฝังศพ ลู่ป้านจวงถือวงแหวนสัมภาระไว้ในมือ “หลับให้สบายนะ เรื่องอื่นปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพวกเราจัดการ!” จากนั้นต่างทยอยแสดงความเคารพต่อคนตายด้วยความอาลัยอย่างจริงใจ

เมื่อเสร็จธุระทุกคนเดินออกมาจากชายป่า ลู่ป้านจวงและคนอื่นยืนอยู่ด้านหลังมองมาที่เยี่ยฉวน ซึ่งขณะนั้นเขาหันหน้าไปยังขอบฟ้าแสนไกล “ตอนนี้เราอยู่ไม่ไกลเมืองหลวงแห่งแคว้นถัง พวกเจ้ามีใครสนใจอยากเข้าไปลุยเมืองหลวงบ้าง?”

“จะเข้าเมืองหลวง งั้นหรือ?” สายตาทุกคู่มองมาที่คนพูดอย่างสนใจใคร่รู้ ทว่าไม่เอ่ยปากพูดแต่อย่างใด

เยี่ยฉวนเหยียดยิ้มมุมปาก “ข้าได้ยินมาว่าเมืองหลวงแคว้นถังนั้นร่ำรวยนัก ไหนไหนพวกเราก็มาจนถึงที่นี่แล้ว ก็น่าจะเข้าไปดูไปเห็นสักหน่อย ยังไงเสียก็จะต้องมีคนถูกฆ่าตายอยู่แล้ว!”

— จบตอน —

ACAC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version