Skip to content

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ 293


บทที่ 293 ขุนศึกเต๋าแห่งดินแดนอันธการ! (ปลาย)

เมื่อได้ยินคำว่าคุกเข่ารับบัญชา เยี่ยฉวนขมวดคิ้วน้อยๆ สีหน้าไม่ชอบใจชัดเจน ขณะที่เจียงจิ่วพูดยิ้มๆ กับคนที่เพิ่งเข้ามา “ในสายตาของอาณาจักรต้าอวิ๋น คงเห็นเราเป็นพวกบ้านนอกหรือไม่ก็บ้านป่าเมืองเถื่อน จึงไม่ให้ความเคารพเช่นนี้” จากนั้นจึงกวาดตาไปที่คนตรงเบื้องหน้า “จริงไหม?”

ขันทีนิ่วหน้า “องค์หญิงเก้า ทรงรับสั่งยั่วโมโหเราหรือพ่ะย่ะค่ะ?” ผู้เป็นองค์หญิงยิ้มน้อยๆ พลางส่ายหน้า “ข้าไม่กล้าหรอก ถ้าเจ้ามีธุระก็จงรีบพูดมา”

ขันทีก้าวเข้ามาจนใกล้เจียงจิ่ว เสียงพูดเจือเยาะหยัน “อืม แม้แต่องค์หญิงแห่งแคว้นเจียงยังไม่รู้จักขนบธรรมเนียมหรือนี่? อยากให้ทางเราช่วยอบรม งั้นหรือ?”

เจียงจิ่วอมยิ้มมุมปากขณะชำเลืองสายตาไปทางเยี่ยฉวน ชายหนุ่มจึงก้าวออกไปและหยุดลงเบื้องหน้าคนผู้เป็นขันที จากนั้นจึงแบมือขวายื่นออกไป พลันคันธนูสายหนึ่งปรากฏบนฝ่ามือเยี่ยฉวน

จากนั้น มีเสียงถามดังจากเยี่ยฉวนว่า “สิ่งนี้เป็นของอาณาจักรต้าอวิ๋น ใช่ไหม?” ผู้มาเยือนจ้องหน้าเยี่ยฉวนครู่หนึ่งก่อนเหลือบตาลงเห็นสิ่งที่อยู่ในมือ พลันคิ้วขมวดมุ่นในทันที “คันธนูจิตวิญญาณ……”

สายตาเคร่งคู่นั้นพลันตวัดวาบขึ้นมองเยี่ยฉวน แววตากร้าวรุนแรงด้วยความอาฆาตมาตร้ายโดยไม่ปกปิด “คนของเราตายเพราะน้ำมือของเจ้าจริงๆ กล้าดียังไง……”

ทันใดนั้น คำพูดมิทันขาดปาก เยี่ยฉวนกลับหายวับไปจากตรงหน้า เกือบพร้อมกับที่ร่างคนหายไป

เผียะ! เสียงตบหน้าฉาดใหญ่ดังสนั่น พลันนั้นร่างของคนผู้ได้ชื่อว่าขันทีลอยละลิ่วไปไกลกว่า 12 จั้ง! เมื่อเยี่ยฉวนลงมือ บรรดาองครักษ์ของขันทีได้ทะยานข้ามลานเข้ามาทันที

ฉับ! ฉับพลันนั้นเองปรากฏศีรษะของเจ้าองครักษ์กระเด็นหวือ ขณะเดียวกันโลหิตเป็นสาย สาดกระจายในบริเวณ ภาพที่เห็นทำให้องครักษ์ที่เหลือต่างชะงักงัน

ปลิดชีพในบัดดล?

เยี่ยฉวนเดินย่างสามขุมเข้าหาร่างขันทีซึ่งอยู่ไม่ไกล โดยหาได้ใส่ใจกับท่าทางกลัวๆ กล้าๆ ขององครักษ์ไม่ “วันนี้ข้าจะละเว้นชีวิตให้ แต่เจ้าจงกลับไปบอกฮ่องเต้แห่งอาณาจักรณต้าอวิ๋นว่าอย่ามาใช้อุบายสกปรก ถ้าอยากทำสงครามก็เชิญมา ส่วนเจ้ารีบไสหัวไป” ขันทีมองหน้าเยี่ยฉวน ท่าทางเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน “เจ้าคนต่ำช้า คอยดูจะได้เห็นดีกัน เจ้า……”

พลันเยี่ยฉวนสะบัดกระบี่ในมือขึ้นควับหนึ่ง

ฉับ!

ศีรษะของอดีตขันทีขาดกระเด็นทันที ยามนี้ทุกคนในบริเวณต่างตกตะลึงพรึงเพริด ชายหนุ่มจัดการเก็บกระบี่ก่อนหันไปทางเหล่าองครักษ์ “ตอนนี้พวกเจ้าเป็นคนนำข้อความไปก็แล้วกัน มีใครอยากพูดจาโอหังอีกไหม?

กลุ่มองครักษ์ได้แต่มองหน้าเยี่ยฉวนขณะข่มความรู้สึกไว้ภายใน หลังจากนั้น พวกมันพากันถอยออกและหันกลับไปอย่างรวดเร็ว ด้วยหากพวกมันขืนดึงดันพูดจาอะไรออกไปตอนนี้ รังแต่จะรนหาที่ตาย!

เยี่ยฉวนหันไปพูดกับเจียงจิ่ว “ตอนนี้แคว้นเจียงไม่มีทางเลือก ต้องเข้าสงครามอย่างเดียวเท่านั้น แต่อย่างน้อยก็ไม่มีใครพูดให้รำคาญใจด้วย” พูดจบก็หันกลับออกไป

เจียงจิ่วยังยืนนิ่ง มองตามหลังเยี่ยฉวนด้วยแววตาครุ่นคิดลึกล้ำ สตรีนางนี้รู้ดีว่า การที่เยี่ยฉวนสังหารคนจะทำให้คนในแคว้นเจียงเข้าใจว่าแคว้นต้องเข้าสงครามอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง! หาใช่เพื่อเกียรติยศชื่อเสียงหรือสิ่งอื่นใด

ก่อนหน้าในที่ประชุมเหล่าขุนนางต่างเห็นชอบกับการอภิเษกสมรสขององค์หญิงเก้า ด้วยไม่อาจรับมือจากการคุกคามของอาณาจักรต้าอวิ๋น ทว่าบัดนี้การสะบัดกระบี่ของเยี่ยฉวน ยังผลให้การเจรจาเรื่องอภิเษกสมรสเป็นอันสิ้นสุดโดยปริยาย แคว้นจึงเหลือทางเลือกทำสงครามเพียงทางเดียว

มิเช่นนั้นก็ต้องฆ่าเยี่ยฉวนเพื่อเป็นการแก้ตัวสำหรับเหตุการณ์สังหารต่ออาณาจักรต้าอวิ๋น หากตอนนี้ด้วยบารมีของเยี่ยฉวนในแคว้นเจียง ใครเล่าจะกล้าลงมือทำร้ายเขา? ด้วยวิถีกระบี่ของเยี่ยฉวน ช่วยเหลือแคว้นเจียงไว้มากเหลือเกิน

อาณาจักรต้าอวิ๋น! เจียงจิ่วทอดสายตามองไปยังขอบฟ้าแสนไกล แววตาเศร้าสร้อยปรากฏเลือนรางด้วยเค้าลางปัญหาที่ก่อตัวมากขึ้นทุกขณะ

อาณาจักรต้าอวิ๋น! ดินแดนมหาอำนาจที่ทรงอำนาจมากที่สุดในแผ่นดินชิง ไหนจะสำนักใหญ่แห่งฉางมู่และเพชฌฆาตแห่งดินแดนอันธการ สามมหาอำนาจรวมกันเช่นนี้ แคว้นเจียงจะรับมืออย่างไรไหว?

ถึงกระนั้นแคว้นเจียงก็ไม่มีทางเลือก เวลานี้เยี่ยฉวนและแคว้นเจียงมีความผูกพันแน่นแฟ้น ถึงแม้ว่าจะส่งตัวเยี่ยฉวนไปให้สามมหาอำนาจฝ่ายโน้น ใช่ว่าทั้งสามอำนาจจะยอมวางมือจากแคว้นเจียง ถึงตอนนั้นจุดจบของแคว้นนี้อาจเลวร้ายอย่างไม่มีใครคาดคิด

เมื่อยังมีเยี่ยฉวน สามมหาอำนาจอาจรู้สึกยำเกรง ทั้งยังมีเซียนกระบี่ผู้อยู่เบื้องหลังเยี่ยฉวนอีกคน จึงไม่มีฝ่ายใดกล้าส่งผู้ฝึกฝนขั้นผนึกยุทธ์เข้าร่วมต่อสู้ หากไม่มีเยี่ยฉวนเสียแล้ว เพียงห้าหรือหกผู้ฝึกฝนผนึกยุทธ์ก็สามารถทำลายแคว้นเจียงให้ราบเป็นหน้ากลองได้อย่างง่ายดาย!

อีกไม่นาน เหตุการณ์จะยิ่งเลวร้ายขึ้น! ภายในค่ายพัก ขณะนั้นเยี่ยฉวนได้เรียกประชุมพวกของลู่ป้านจวง ทุกคนเข้านั่งล้อมรอบโต๊ะกลม

ชายหนุ่มหันไปหาคนที่นั่งรายล้อมรอบโต๊ะทีละคนๆ “ข้าได้ขอให้สำนักอัปสรเมรัยช่วยซื้อโอสถพลังผสานเทพและอาวุธขั้นประกายแสง คาดว่าอีกราวเจ็ดหรือแปดวันของที่สั่งไปจะส่งมาถึงพวกเรา พวกเจ้าเตรียมตัวไว้ให้พร้อม ว่าแต่พวกเจ้ามั่นใจหรือไม่ว่าสมุนไพรชนิดนี้ จะช่วยให้สำเร็จขั้นผสานเทพได้?”

หลิงฮั่นตอบทันที “แน่นอนที่สุด พวกเราหยุดที่ขั้นสันโดษมานานพอสมควรแล้ว หากได้โอสถชนิดนี้ต้องสำเร็จผสานเทพได้อย่างไม่ต้องสงสัย!” เยี่ยฉวนพยักหน้าอย่างพอใจ “ถ้าเช่นนั้นก็ดีแล้ว!”

“อ๊ากกกก!” ในตอนนั้นเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดดังจากภายนอกค่ายพัก ทำให้เยี่ยฉวนและคนอื่นลุกพรวดถลันออกมาภายนอกอย่างรวดเร็ว ขณะนั้น เจียงจิ่วก็มาถึงที่เบื้องหน้าพวกเยี่ยฉวนในเวลาเกือบพร้อมกัน บริเวณโดยรอบมีทหารจำนวนมากกรูเข้ามาให้การอารักขาคนทั้งหมดในทันที

“เกิดอะไรขึ้น?” เยี่ยฉวนถามเสียงลั่น ขณะนั้น ทหารหลายคนช่วยกันหอบหิ้วร่างของทหารนับสิบรายเข้ามาต่อหน้าเจียงจิ่ว สตรีกวาดตามองเหล่าทหารที่ล้มตายพลันสีหน้ามัวหม่น “พวกนี้เป็นคนของเรา ฝีมือเพชฌฆาตจากดินแดนอันธการ!”

จากนั้นจึงเงยหน้ามองตรงไปในที่ไกล “พวกมันลงมือแล้วสินะ!”

ทันใดนั้น ศีรษะของทหารศีรษะหนึ่งปลิวมาตกถัดไปจากที่เยี่ยฉวนยืนไม่เกินสี่จั้ง

เหตุการณ์เกิดขึ้นรวดเร็ว! ทุกคนต่างตื่นตะลึงกับภาพเบื้องหน้า!

เยี่ยฉวนพุ่งพรวดไปทางทหารคนหนึ่ง อย่างไรก็ตามไม่ปรากฏสิ่งผิดประหลาดแต่อย่างใด!

“ฝีมือของขุนศึกเต๋าแห่งดินแดนอันธการ!” เสียงพึมพำดังมาจากลู่ป้านจวงที่ยืนมองเหตุการณ์อยู่ไม่ไกล “ขุนศึกเต๋าชั้นยอดแห่งดินแดนอันธการ!”

เพียงเสียงพูดจบ พลันศีรษะทหารอีกสามปลิวมาตกในที่ห่างไปราวห้าจั้งเท่านั้น……

ACAC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version