บทที่ 320 มีหรือข้าจะยอมเสียหน้า? (ต้น)
ฉับพลันทั่วทั้งบริเวณเงียบงัน!
ที่เชิงกำแพง สายตาของกลุ่มทหารทั้งยี่สิบจ้องเขม็งมายังเยี่ยฉวนเป็นตาเดียว โดยเฉพาะคนหัวหน้าซึ่งเป็นชายวัยกลางคน ที่ถึงแม้จะมีปลายกระบี่จ่อที่บริเวณกึ่งกลางหว่างคิ้วพร้อมที่จะเสียบทะลุกะโหลกได้ทุกเมื่อ หากแววตาของเจ้าตัว กลับปราศจากความหวาดกลัวแม้แต่น้อย “ถ้าไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ วันใดที่กองทัพบุกเข้าเมืองได้……วันนั้นจะเป็นวันตายของเจ้า!”
ได้ยินคนเฉียดความตายพูดมาเช่นนี้ เยี่ยฉวนอดไม่ได้จนต้องชูนิ้วโป้งให้ “ใจกล้าดี!” ชายวัยกลางคนบิดมุมปากก่อนเอ่ยวาจาเสียดสี “จะฆ่าข้างั้นหรือ? เจ้าไม่กล้าหรอก ข้าต่อให้พวกเจ้ายกมาทั้งกองร้อยเลยยังได้!”
ชายหนุ่มผู้ฟังขมวดคิ้วด้วยความสงสัย “ทำไม?” อีกฝ่ายจิ้มนิ้วที่หน้าอกของตนเองดังปั้ก “ข้าเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์แห่งอาณาจักรต้าอวิ๋น วันนี้มาในฐานะตัวแทนของอาณาจักร ถ้าเจ้ากล้าฆ่าข้า อาณาจักรต้าอวิ๋นจะ……”
ฉึก! ทันใดนั้น กระบี่หลิงซิ่วพุ่งปักพรวดเข้าตรงที่กึ่งกลางหว่างคิ้วของคนพูด เสียงพูดขาดห้วนลงกระทันหัน นัยน์ตาของชายวัยกลางคนเบิกกว้าง ปรากฏแววประหลาดใจระคนสงสัยฉายวาบ
ครู่ต่อมา เยี่ยฉวนผายมือออกมาข้างหน้า พลันกระบี่หลิงซิ่วทะยานกลับไปหาเจ้าของที่ยืนอยู่บนขอบกำแพง เมื่อกระบี่หยุดลงเบื้องหน้า จึงเห็นได้ชัดว่าที่ส่วนปลายมีโลหิตแดงฉานหยาดหยดลงต้องพื้นดิน
เยี่ยฉวนก้มมองไปทางชายวัยกลางคนพลางส่ายหน้าน้อยๆ “หากพูดขู่เข็ญกันอย่างนี้……มีหรือข้าจะยอมเสียหน้า?”
ชายวัยกลางคน “……” หลังจากนั้นเพียงไม่กี่วินาที ร่างคนค่อยเอนจนกระทั่งหล่นจากจากหลังม้า ตายทั้งๆ ที่ปากยังอ้าค้าง!
เวลานั้น ทหารของต้าอวิ๋นต่างแสดงท่าทางโมโหฉุนเฉียว เมื่อเห็นหัวหน้าตน ชายวัยกลางคนต้องตายต่อหน้าต่อตา หนึ่งในนั้น ชี้หน้าเยี่ยฉวนพร้อมกับส่งเสียงตวาดลั่น “กล้าดียังไงจึงฆ่าทหารต้าอวิ๋น……”
ฉัวะ!
กระบี่พุ่งวาบตรงเข้าปาดคอหอยคนปากดีโดยไม่ให้สุ้มให้เสียง ฉับพลันร่างคนร่วงจากหลังม้าตกกระแทกพื้นโลหิตแดงฉานทะลักออกจากลำคอเป็นสายน้ำ ทหารที่จมกองเลือดบนพื้นจ้องมองเขม็งเยี่ยฉวน ขณะที่สองมือกุมบาดแผล ทว่าด้วยบาดแผลฉกรรจ์……การพยายามระงับโลหิตไม่ให้ไหลจึงไม่เป็นผล
เยี่ยฉวนเบนหน้าไปทางทหารที่เหลือ “พวกเจ้ามีใครจะว่ายังไงกับการตายของคนสองคนนั้นอีก?” บัดนั้นเอง แววตาของพวกทหารฉายความหวาดหวั่น พวกมันเหมือนเพิ่งตื่นจากภวังค์และได้ประจักษ์ว่าชายหนุ่มบนกำแพงหาได้เกรงกลัวอาณาจักรต้าอวิ๋นแม้แต่น้อย!
ต้องหนี! พวกทหารม้าที่เหลือไม่ลังเลอีกต่อไป ทุกคนต่างพร้อมใจกันหันกลับม้าและควบหนีเร็วสุดชีวิต เสียงเจียงจิ่วถามขึ้นข้างตัวว่า “ทำไมไม่ฆ่ามันให้หมด?”
เยี่ยฉวนเหยียดมุมปากยิ้มน้อยๆ ก่อนจะหันกลับมาทางทหารที่ยืนดูเหตุการณ์ที่บนกำแพง “พวกเจ้าเห็นหรือยัง? อาณาจักรต้าอวิ๋นอะไร ทหารต้าอวิ๋นไม่ได้อยู่ยงคงกระพันเลยสักนิด พวกมันฆ่าได้และกลัวเป็นเหมือนกัน เพราะฉะนั้นพวกเราเป็นคนของแคว้นเจียง อย่าไปกลัวอาณาจักรต้าอวิ๋น เราจะฆ่าทุกคนที่พบ ถ้าจะต้องตาย ก็ต้องลากพวกมันให้ตายไปพร้อมกันเรา ฆ่ามันให้หมด!”
ทหารทุกคนแรกเริ่มสีหน้าเครียดเคร่งแต่ต่อมาก็เปลี่ยนเป็นตื่นเต้นตื่นตัว พลันทุกคนประสานเสียงกระหึ่มก้องกำแพงเมือง “ฆ่ามันให้หมด!”
“ต้องฆ่ามันให้หมด!” เสียงดังสนั่นปานอสุนีบาต สั่นสะเทือนไปทั่วท้องฟ้า เยี่ยฉวนจับตามองสีหน้าพึงพอใจ ปากคลี่ยิ้มน้อยๆ
กระตุ้นขวัญกำลังใจ! เหล่าแคว้นเล็กแคว้นน้อยในแผ่นดินชิงต่างให้ความยำเกรงต่ออาณาจักรต้าอวิ๋น ด้วยเป็นดินแดนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ไม่ต้องกล่าวถึงการที่กองทัพม้าแห่งต้าอวิ๋นร้อยนายแต่สามารถทำลายแคว้นศัตรูจนสิ้นชาติได้นั่นเลย! ดังนั้น ในส่วนลึกของจิตใจของทหาร พวกเขาต่างเกรงกลัวต่อแสนยานุภาพของอาณาจักรแห่งนี้เป็นอย่างมาก!
ถ้าเยี่ยฉวนไม่คิดสร้างขวัญกำลังให้แก่ทหารทั้งหลายเหล่านี้ ก็เสมือนหนึ่งแคว้นเจียงต้องพานพบกับความพ่ายแพ้ตั้งแต่สงครามยังไม่เริ่มด้วยซ้ำ!
เจียงจิ่วจับตามองเยี่ยฉวน ปรากฏรอยยิ้มเจือจางเกลื่อนบนริมฝีปากจนแทบสังเกตไม่เห็น พลันเยี่ยฉวนหันมาทางหญิงสาว “ข้าต้องกลับฉางหลานเสียทีขอรับ!”
เจียงจิ่วขมวดคิ้วน้อยๆ “จะกลับมาอีกเมื่อไร?” ชายหนุ่มนิ่งไปนิดหนึ่ง “คงอีกไม่นาน” อีกฝ่ายพูดเสียงเบา “ข้าจะคอยก็แล้วกัน”
เยี่ยฉวนพยักหน้า “หลังจากแม่นางน้อยอันมาครั้งก่อน ทั้งแคว้นชู สถานศึกษาฉางมู่และดินแดนอันธกาลคงจะยังไม่มีการเคลื่อนไหวในช่วงนี้ แต่พวกท่านระมัดระวังไว้หน่อยก็ดี ข้าจะรีบไปรีบมาภายในสองวัน”
สนทนาอยู่เพียงครู่ เยี่ยฉวนก็แยกออกไปตามที่บอกทันที โดยมีสายตาของคนที่อยู่ข้างหลังมองตามไปจนกระทั่งร่างหายลับไปจากเส้นขอบฟ้า
การเดินทางรอบนี้เยี่ยฉวนมิได้ใช้การโดยสารเรือเหาะ เขาขี่หลังสุนัขป่าซึ่งลู่ป้านจวงทิ้งไว้ให้ตัวหนึ่ง และด้วยความรวดเร็วของสุนัขป่าชนิดนี้เหนือกว่าเรือเหาะเสียอีก จากเมืองไค่หยางไปสถานศึกษาฉางหลาน จึงใช้เวลาเดินทางอย่างเต็มที่แค่ครึ่งวันเท่านั้น!
และที่เขาต้องกลับฉางหลาน มันก็เป็นเพราะแนวทหารที่ตรึงกำลังอยู่ที่เมืองชายแดน คงไม่สามารถต้านทนกองทัพทหารแคว้นชูได้อย่างแน่นอนอย่าว่าแต่ทหารต้าอวิ๋นเลย!
เยี่ยฉวนต้องหากำลังกองหนุน! เมื่อได้สองกระบี่ลมกรดพิฆาตมาเป็นกรรมสิทธิ์ เยี่ยฉวนตัดสินใจจะไม่ดูดกลืนกระบี่สองเล่มนี้ ด้วยเหตุเพราะทั้งสองเป็นศาสตราวุธขั้นประกายแสงไม่เพียงพอกับการบรรลุพลังผสานเทพ ถ้าเช่นนั้น เขาจะต้องใช้ถึงห้าชิ้นทีเดียวจึงสามารถเพิ่มขั้นพลังผสานเทพได้อย่างที่ต้องการ เมื่อเป็นดังนี้ สู้เก็บกระบี่ทั้งสองไว้ใช้เพิ่มสมรรถนะในการต่อสู้จะเหมาะกว่า!
ณ สถานที่หนึ่งซึ่งห่างออกไปราวร้อยลี้จากเมืองไค่หยาง อันเป็นตำแหน่งที่ตั้งของกองทัพแคว้นชู ภายในค่ายทหาร
“โอหัง!” ใครคนหนึ่งตวาดเสียงดังสนั่น ในค่ายพักชายวัยกลางคนสวมเกราะเหล็กเขม้นมองทหารชั้นผู้น้อยซึ่งนั่งเข่าข้างหนึ่ง สายตาแวววาวดุดัน “แคว้นเจียงกล้าทำให้อาณาจักรต้าอวิ๋นได้รับความอัปยศอดสูถึงเพียงนี้เชียวหรือ?!”
ทหารผู้น้อยตรงหน้าได้แต่ก้มหน้างุดมิกล้าสบตา เสียงรายงานด้วยความขลาดกลัว “ท่านหัวหน้า สิ่งที่ข้าพูดเป็นความจริงทั้งหมดขอรับ” ชายวัยกลางคนหรี่ตามองคนตรงหน้า “แจ้งคำสั่งออกไป เรียกรวมพลทหารทุกหน่วยของอาณาจักรต้าอวิ๋น”
ทันใดนั้น ปรากฏร่างของชายชราสวมผ้าคลุมสีขาวและเงาดำทะมึนประหลาดภายในบริเวณค่ายทหาร คนสวมผ้าคลุมขาวเหลือบมองทหารที่ชั่นเข่าอยู่บนพื้นดิน จึงสั่งว่า “ออกไปก่อน!” ทหารรับคำสั่งแล้วรีบลนลานออกไปทันที
ทันทีที่ทหารลับกายไป ชายชราสวมผ้าขาวหันมองมาทางชายวัยกลางคน “หัวหน้าหลีเฟิง ก่อนที่เราจะมาที่นี่ ฮ่องเต้เกาซานทรงรับสั่งให้ข้าเป็นคนมีอำนาจในการตัดสินใจทุกอย่างมิใช่หรือ?”
หลังได้ยินเช่นนั้น คนผู้มีนามว่าหลีเฟิงยามนี้ใบหน้าบูดบึ้งฉับพลัน
