บทที่ 322 สิบสองมนุษย์ทองคำ! (ต้น)
……
ณ สถานศึกษาฉางหลาน!……
……
บริเวณเชิงเขาของเทือกเขาจี้หยุน เยี่ยฉวนชะงักฝีเท้าขณะเขม้นมองภาพเบื้องหน้าด้วยความงงงัน……
..
ด้วยเวลานั้นมีผู้คนมากมายต่างมุ่งหน้ามารวมตัวอยู่ที่บริเวณเชิงเขา ท่าที่แต่ละคนชะเง้อชะแง้สอดส่ายสายตาที่เต็มไปด้วยความหวังบางอย่าง
เยี่ยฉวนเดินเข้าไปใกล้ชายคนหนึ่ง “พี่ชาย พวกท่านกำลังคอยอะไรกันอยู่หรือขอรับ?”
ชายคนดังกล่าวหันมามองเยี่ยฉวน “นี่เจ้าไม่รู้เลยเหรอ?”
เยี่ยฉวนสั่นหัวดิก “ช่วยบอกข้าหน่อยเถิด!”
อีกฝ่ายจึงตอบให้ “วันนี้ท่านเยี่ยผู้เยี่ยมยุทธ์แห่งแคว้น เยี่ยฉวนจะกลับมา!”
คนฟังอ้าปากค้าง “……”
หากชายคนตรงข้ามไม่ทันสังเกต เสียงพูดอย่างตื่นเต้น “ข่าวว่าวันนี้เขาจะกลับสถานศึกษาฉางหลานไงล่ะ พวกเราจึงมาดักคอยอยู่ตรงนี้ นี่พวกเรามากันตั้งแต่ก่อนฟ้าสางเชียวนา”
เยี่ยฉวนตกตะลึงนิ่งงันไปทันทีที่ได้ยินคำบอกกล่าวนั้น “คนอื่นก็มาคอยเหมือนกันหรือ?”
ชายแปลกหน้าผงกศีรษะ “ใช่แล้ว คนที่ได้อยู่แถวหน้านั่น เขาคลั่งไคล้มากทีเดียว……มากันตั้งแต่ก่อนฟ้าสางเสียอีก”
ชายหนุ่มเอ่ยถามอีกครั้งด้วยความข้องใจ “แล้วพวกเจ้ารู้ได้ยังไงว่าวันนี้เยี่ยฉวนจะกลับมา?”
คนถูกถามยิ้มกว้าง “โฮ้ย ข่าวแพร่สะพัดไปทั่วเมืองหลวงขนาดนั้น!”
เยี่ยฉวนส่ายหน้าน้อยๆ อย่างไม่ตั้งใจ อาจเป็นเพราะเจียงจิ่วแจ้งข่าวฮ่องเต้แคว้นเจียง และฮ่องเต้ทรงประกาศให้เป็นที่รู้กันทั่วไป
แต่ไม่เป็นไร ไม่ใช่เรื่องใหญ่!
เขาเอื้อมมือไปตบบ่าของชายหนุ่มตรงหน้า “เยี่ยฉวนมันก็คนธรรมดานี่แหละ ไม่ต้องไปคอยต้อนรับหรอกกลับบ้านไปและ.”
“หุบปาก!”
ชายแปลกหน้ามีใบหน้าบูดบึ้งด้วยความโมโหสุดขีด “ท่านเยี่ยผู้เยี่ยมยุทธ์แห่งแคว้นไม่ใช่คนธรรมดาอย่างเจ้าว่าสักหน่อย! เขาเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์แห่งแคว้นเจียงและยังเป็นผู้ฝึกกระบี่ของแคว้นเจียง! เจ้ากล้าใช้วาจาสามหาวกับเขาได้ยังไง!”
คนไม่พูดเปล่า หากยังปรี่เข้าใส่ขณะเดียวกันก็เงื้อกำปั้นหมายตะบันหน้าเยี่ยฉวน!
เขาหรือพูดจาสามหาว?
เยี่ยฉวนสะดุ้งในใจ นี่เขาทำอะไรลงไป?
ชายคนแรกเงื้อกำปั้นถลันเข้าหา ชายหนุ่มจึงกดปลายเท้าลงกับพื้นผงะถอยหลังไปสี่จั้งเศษ
เจ้าคนที่พุ่งเข้ามานั้นจึงพลาดเป้าชกลมวืดจนหน้าคะมำไป
ตอนนี้ชาวบ้านที่ยืนอยู่แถวนั้นเริ่มให้ความสนใจหันมองกันใหญ่
เยี่ยฉวนกำลังจะอ้าปากชี้แจงแถลงไขทว่ากลับมีวัยรุ่นคนหนึ่งชี้มือพลางโวยวาย “ข้าได้ยินๆ ไอ้คนนั้นมันดูหมิ่นท่านเยี่ยผู้เยี่ยมยุทธ์แคว้น!”
เยี่ยฉวนหน้าเหวอ “……”
ทุกคนได้ยินเจ้าเด็กหนุ่มตะโกนบอกมาอย่างถนัดชัดเจน จึงพากันหันมาทางเยี่ยฉวน แต่ละคนล้วนมีท่าทางเหมือนจะเอาเรื่อง สายตาเต็มไปด้วยความขึ้งเคียดอย่างไม่ปกปิด
เยี่ยฉวน!
ถึงแม้ชื่อนี้จะไม่ใช่ข้อห้าม แต่อย่าได้ทำให้เกิดความขัดเคืองจิตใจของชาวเมืองแคว้นเจียงเลยจำเป็นการดี
ด้วยวีรกรรมผลงานที่เยี่ยฉวนทำให้แก่แคว้นเจียงเป็นที่โจษจันไปทั่ว แม้แต่ชื่อเสียงของอันหลานซิ่วในอดีตยังห่างไกลกับชื่อเสียงของเยี่ยฉวนที่มีในเวลานี้
หากนั่นมิใช่ประเด็น ประเด็นอยู่ที่ว่าการต่อสู้ของเยี่ยฉวนก็เพื่อปกป้องแคว้นเจียง!
คนผู้นี้เป็นทั้งผู้เยี่ยมยุทธ์แห่งแคว้น! และผู้ฝึกฝนกระบี่แห่งแคว้นเจียง!
ชายอีกคนก้าวออกมาเผชิญหน้ากับเยี่ยฉวน คนผู้มาใหม่เหลือบตามองชายหนุ่มแปลกหน้า สายตาเต็มไปด้วยความเคลือบแคลง “ทำไมหน้าตามันคลับคล้ายคลับคลาชอบกล?”
เยี่ยฉวนถึงกับอึกอักพูดไม่ออก คลับคล้ายคลับคลางั้นหรือ? จะไม่คล้ายได้อย่างไร? พวกเจ้ากำลังคอยข้ากันอยู่มิใช่หรือ?
ความจริงแล้วเป็นธรรมดาที่คนเหล่านี้จะไม่รู้จักเยี่ยฉวน เพราะครั้งที่เขายังอาศัยอยู่ที่นี่ เวลานั้นชื่อเสียงยังไม่ขจรขจายขนาดนี้ ดังนั้น ผู้คนส่วนมากจึงไม่เคยเห็นหน้าค่าตา ต่อให้มีบางคนที่เคยเห็นแต่ก็คงอาจเพียงเคยพบเจอสักครั้งในระยะไกลเท่านั้น!
ชายหนุ่มไม่ปรารถนาให้เกิดความเข้าใจผิดกันไปใหญ่โต จึงคิดจะเอ่ยปากอธิบายขณะที่ชายคนซึ่งทำท่าจะจู่โจมคนแรกพูดขึ้นว่า “เจ้าคนแปลกหน้าคนนี้มาแอบทำลับๆ ล่อๆ เห็นแว่บเดียวก็รู้ว่าไม่ใช่คนดี เฮ้ยพวกเรามาช่วยกันอัดมันก่อน!”
เยี่ยฉวนชะงักงัน แอบทำลับๆ ล่อๆ งั้นหรือ? ให้ตายเถอะ ตาก็บอดอย่างนี้! ถ้าเจ้านั่นมันอยากจะทำร้ายเขาจริง หาเหตุผลที่มันเข้าท่ากว่านี้ไม่ได้หรือไง?
ขณะที่ผู้คนกำลังวุ่นวายอลหม่าน ทันใดนั้น ใครบางคนตะโกนดังขึ้น “นั่น เยี่ยซิน!”
จากนั้น กลุ่มคนที่ทำท่าจะมะรุมมะตุ้มเยี่ยฉวนเริ่มแหวกช่องว่างตรงกลางและเบี่ยงออกเป็นสองฝั่ง เผยให้เห็นหญิงสาวร่างเล็กบอบบางสวมเสื้อสีเขียวเข้ม บนศีรษะผมยาวถักเปียเดี่ยวทิ้งตัวลงทางด้านหลัง ขณะที่ก้าวออกมาจากกลุ่มคน ผมเปียน้อยด้านหลังแกว่งปัดไปมาช้าๆ ทำให้ดูน่ารักน่าทะนุถนอมไปอีกแบบ
เยี่ยซิน!
นางกลายเป็นคนมีชื่อเสียงทั้งในสถานศึกษาและในเมืองหลวงคนหนึ่ง ด้วยติดอันดับแถวหน้าศิษย์หลายคนที่กำลังถูกจับตามอง และที่สำคัญนางเป็นศิษย์ที่มีอายุน้อยที่สุดในฉางหลาน ฉะนั้น จึงเป็นคนที่ได้รับการเอาใจใส่มากที่สุดในสถานศึกษา
เยี่ยซินชำเลืองมองคนที่ถอยไปยืนแอบสองฟาก “พวกเจ้าทำไมจึงมาเอะอะโวยวายที่นี่?”
พลันชายคนที่ตั้งท่าจะตีเยี่ยฉวนรีบพูดรวดเร็ว “คุณหนูเยี่ย มีคนพูดจาสามหาวถึงท่านเยี่ยผู้เยี่ยมยุทธ์แห่งแคว้นขอรับ”
เยี่ยซินได้ยินดังนั้น สาวน้อยนิ่วหน้าพลันถามกลับเสียงเข้ม “ใคร?”
ใครคนหนึ่งชี้มือมาทางเยี่ยฉวนซึ่งยืนอยู่ไม่ห่างนัก จากนั้นคนที่อยู่รอบตัวค่อยทยอยหลีกหลบออกไปห่างๆ เมื่อเยี่ยซินมองตามมือคนชี้มาเห็นเยี่ยฉวนยืนจังก้าอยู่ตรงกลาง นางสีหน้าเผือดวูบ ชะงักนิ่งอ้าปากค้าง
เยี่ยฉวนยิ้มน้อยๆ เดินตรงมาหาเยี่ยซิน “อะไรกัน จำข้าไม่ได้เสียแล้วหรือ?”
สาวน้อยชักรู้สึกตัวและรีบปัดเสื้อผ้าไปมา พลางกล่าวทักทายน้ำเสียงมีความกังวลเล็กน้อย “ญาติผู้……อาจารย์ใหญ่……”
อาจารย์ใหญ่!
เมื่อได้ยินคนพูดถนัดชัดเจน พลันทั้งบริเวณเงียบกริบแม้เข็มสักเล่มตกก็คงได้ยิน
ทางด้านหลัง ชายหนุ่มคนที่ทำท่ากระเหี้ยนกระหือรือจะตีเยี่ยฉวนเมื่อแรกเข่าทรุดฮวบลงไปนั่งกับพื้น สีหน้าสีตาบ่งชัดว่างงวยจนไม่รู้จะกล่าวว่าอะไร “นี่ข้าเหรอ? ข้าทำอะไรลงไป?”
ทุกคนนิ่งงัน “……”
เวลานั้น เยี่ยฉวนหันไปมองคนที่ยืนล้อมรอบพลางว่า “ขอบใจมาก สำหรับการต้อนรับอันอบอุ่น เอาละพวกเจ้าก็เห็นแล้วนะว่าข้าเป็นคนธรรมดา ไม่ต้องมากพิธีดังนั้นทุกคนกลับกันไปได้แล้ว”
เขาไม่รอฟังคำตอบพลันหันไปพูดกับเยี่ยซิน “กลับฉางหลานกันเถอะ!”
เด็กสาวพยักหน้าและกระวีกระวาดตามหลังเยี่ยฉวนเดินจากไป
ไม่นานนักเยี่ยฉวนและเยี่ยซินก็ลับไปจากสายตาหลายคู่ของคนที่อยู่ที่นั่น
ทางด้านหนึ่งคนที่นั่งนิ่งอยู่บนพื้น สีหน้างุนงงสายตาว่างเปล่า……ผู้นี้คือคนที่จะตีเยี่ยฉวนก่อนหน้านั่นเอง!
