№ 75 เพิ่มเติมอีกสองคน!
เธอหันกลับไปมองสาวน้อยชุดดำอย่างตกตะลึงน้อยๆ กล่าวถามด้วยความไม่แน่ใจนัก “เจ้าว่าอะไรนะ?”
สาวน้อยเม้มริมฝีปาก ดวงตามองจับนิ่งที่เงาร่างสีแดง “ข้ามอบค่ำคืนอันอบอุ่นให้ท่านได้เจ้าค่ะ?”
เฟิ่งจิ่วได้ยินคำพูดนี้ ก็อดกลั้นความรู้สึกชั่ววูบที่อยากจะเงยหน้าหัวเราะร่าไว้ แล้วเอ่ยอย่างล้อเล่น “ข้าชอบสาวงามมากกว่า ต้องให้แม่หนูน้อยหน้าหมองคล้ำเช่นเจ้ามามอบค่ำคืนอันอบอุ่นให้ด้วยรึ?”
ฟังความเช่นนี้ สาวน้อยชุดดำจึงยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดๆ หน้า เผยให้เห็นรูปโฉมดังเดิม
“ข้าไม่ได้อัปลักษณ์นะเจ้าคะ” นางพูดพลางมองเฟิ่งจิ่ว
จริงเสียด้วย สาวน้อยไม่เพียงไม่หน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่ ซ้ำยังงดงามน่าตะลึงอย่างมาก รูปโฉมพริ้งเพรามาแต่กำเนิด เมื่ออวัยวะทั้งห้าที่ประณีตมาจับคู่กับใบหน้าเล็กเท่าฝ่ามือ ช่างเป็นสาวน้อยงามเลิศที่สวยงามจับใจ
ทว่าบนกายสาวน้อยกลับไม่มีท่าทางเหนียมอายเช่นหญิงสาว มีเพียงความเย็นชาและเฉยเมย แต่กลิ่นอายเย็นเยียบบนร่างก็แสดงถึงความรู้สึกของสาวงามผู้เย็นชา
นอกจากใบหน้ามอมแมมที่โดดเด่น เรียวคิ้วและดวงตาก็ยังถูกเติมแต่ง ด้วยเหตุนี้ เดิมทีจึงดูไม่น่าดึงดูดสักเท่าไหร่
ไม่ต้องมอง ก็เดาได้แน่นอนว่าช่วงอกที่แบนราบนั้นก็รัดผ้าเอาไว้
โชคดีที่นางเฉลียวฉลาด รู้จักเก็บซ่อนรูปโฉมแสนสะดุดตา ไม่เช่นนั้น ใบหน้าเกลี้ยงเกลานี้ก็มากพอจะเรียกปัญหามาได้ไม่น้อยเลย
เธอก้าวยาวเดินกลับไปข้างกายสาวน้อยชุดดำ มองนางด้วยแววตาที่เผยความซุกซน “จะมอบค่ำคืนอบอุ่นให้ข้าจริงรึ?”
“ขอแค่ท่านช่วยชีวิตน้องชายข้า ชีวิตนี้ล้วนเป็นของท่าน จึงไม่ต้องพูดถึงเรือนร่างกายนี้เลยเจ้าค่ะ”
นางแสดงท่าทีเมินเฉยอย่างมาก ราวกับไม่สนใจอะไรเลย แต่เพราะการเข้าใกล้ของเฟิ่งจิ่วทำให้ร่างกายตึงเกร็ง รวมถึงมือที่กำขึ้นเบาๆ กลับบอกเฟิ่งจิ่ว ว่านางไม่ได้ไม่ถือสาอย่างที่แสดงออกมา
ก็ใช่สิ เด็กสาวคนไหนจะให้ค่ำคืนอันอบอุ่นกับคนอื่นตามอำเภอใจโดยไม่ถือสาบ้าง? ซ้ำยังมอบชีวิตตัวเองให้ตามใจชอบอีก?
เธอมองลึกไปที่นางแวบหนึ่ง มุมปากยกขึ้นน้อยๆ “นำทางซิ!”
“เจ้าค่ะ”
ดวงตาสาวน้อยหลุบลงขานรับ ถึงจะนำพาเธอไปยังสถานที่พักอาศัยของตน
ครึ่งชั่วยามให้หลัง
เฟิ่งจิ่วมองบ้านตรงหน้าที่ซอมซ่อเสียจนลมพัดก็แทบจะล้ม ก่อนจะมองสาวน้อยชุดดำที่เปิดประตูเร่งฝีเท้าเดินเข้าไป แล้วค่อยสาวเท้าเดินตาม พอเข้าด้านในก็เห็นเด็กหนุ่มนอนอยู่บนเตียงไม้
สาวน้อยชุดดำนำผ้าล้างน้ำให้เขาเช็ดหน้าผากและฝ่ามือ จากนั้นจึงมองที่เฟิ่งจิ่ว “เขาคือน้องชายข้า สองวันก่อนหลังทานยาก็กระอักเลือดหมดสติไปเจ้าค่ะ”
เฟิ่งจิ่วเดินไปข้างหน้า เห็นเด็กหนุ่มซูบผอมเสียจนปลายคางคมชัด สีหน้าซีดเผือดไร้สีเลือด มองเพียงแวบเดียว ก็ยื่นมือไปจับข้อมือเรียวเล็กเพื่อคลำชีพจร
ดึงมือกลับ แล้วสั่งการว่า “ถอดเสื้อท่อนบนเขาซะ” ระหว่างที่พูดก็หยิบเข็มเงินออกมา
สาวน้อยชุดดำถอดเสื้อท่อนบนของน้องชายออกตามคำสั่ง เห็นนางหยิบเข็มเงินจิ้มเข้าไปตามหลายจุดเส้นประสาทบนร่างกายเขาราวกับทำไปอย่างสุ่มๆ ก็หวั่นใจอยู่น้อยๆ ฝืนทนไม่ให้ผลีผลามออกไปห้ามปราม แววตายิ่งจับจ้องน้องชายไว้นิ่ง เพียงกลัวว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น
ผ่านไปสักพัก เฟิ่งจิ่วเก็บเข็มเงินกลับแล้วลุกยืนขึ้น “แบกเขาเดินตามข้ามา” ขณะที่พูด ก็หันตัวเดินออกไปด้านนอก
สาวน้อยชุดดำเห็นท่า จึงเร่งรีบแบกน้องชายผู้หมดสติขึ้นหลัง ก่อนจะตามหลังนางไปติดๆ
เมื่อเฟิ่งจิ่วมาถึงลานบ้าน ก็เห็นกวนสีหลิ่นกำลังย้ายเตียงไม้นุ่มขึ้นรถม้า พอเห็นนางกลับมา จึงเรียกด้วยท่าทางระรื่น “เสียวจิ่ว เจ้าว่ารถม้าคันนี้เป็นยังไง? ข้าตั้งใจซื้อที่ใหญ่ที่สุด แบบนี้ระหว่างทาง หากเจ้าอยากพักผ่อนก็สามารถนอนหลับด้านในได้เลย จะสะดวกกว่านะ”
พอสายตาเห็นสองคนนั้นที่ตามหลังนางมา ก็แปลกใจนิดหน่อย จึงเอ่ยถาม “พวกเขามาทำอะไรกัน?”
เฟิ่งจิ่วยิ้มเจ้าเล่ห์ “ค่ำคืนอันอบอุ่นยังไงล่ะ”
…………………………………….