Skip to content

บุพเพรักข้ามกาล 8

Chapter 8

ต่อยจ้าวราชคฤห์

เขาพูดดั่งขอร้อง รุ้งมณีรู้ว่าเขาไม่ได้แกล้งเจ็บ เพราะตอนตรวจแผลก็เห็นแผลบวมเป่ง ขนาดลุกขึ้นนั่งได้ก็ถือว่าเขาพยายามเต็มที่แล้ว เธอจึงตักข้าวต้มป้อนอย่างรู้สึกถูกชะตาด้วย จ้าวราชคีร์ยอ้าปากกิน ตาก็จ้องหน้าเชลยสาว “หน้าตาเจ้ามิเหมือนชาวลวปุระ ผิวพรรณเจ้าขาวละม้ายแม่หญิงกาสีแต่ก็มิเหมือน เจ้าขาวกว่าแม่หญิงกาสีนัก อูย…ข้าดูหน้าตาเจ้าอย่างไรเจ้าก็มิใช่ชาวลวปุระเป็นแน่ เจ้ามาจากเมืองใดรึ?” เขาถามอย่างอยากรู้ รุ้งมณีตักข้าวป้อนไม่พูดอะไรเพราะไม่รู้จะอธิบายยังไงดี จ้าวราชคีร์รอฟังคำตอบ แต่นางมิตอบคำถาม เขาจึงกินต่อ จนกระทั่งข้าวหมดชาม รุ้งมณีวางชามลงแล้วก็หันไปหยิบขันทองป้อนน้ำให้เขา จ้าวราชคีร์ดื่มน้ำแล้วก็ดันขันออกทำท่าว่าพอ รุ้งมณีเอาขันวางไว้ที่เดิม จ้าวราชคฤห์เดินเข้ามาในกระโจมอย่างฉุนเฉียว แต่พอเห็นหน้าน้องชายก็แย้มยิ้มให้

“เจ้าลุกได้แล้วรึ” เขาพูดอย่างดีใจ จ้าวราชคีร์พยักหน้า ถามว่า “โอย…พระสนมเลิกตบตีกันแล้วรึท่านพี่?”

“เจ้าอย่าพูดถึงพวกนางเลย ข้ามิอยากได้ยิน” จ้าวราชคฤห์พูดอย่างมิพอใจ แต่พอเห็นนางเชลย อารมณ์ก็เปลี่ยนพลัน เขาแย้มยิ้มให้นาง รุ้งมณีสบโอกาสเธอก็พูดว่า “คุณ…”

พอนึกขึ้นได้ว่าควรจะพูดให้เหมือนกับที่ชาวเมืองเวสาลีพูดกันเธอก็รีบเปลี่ยนคำเรียกว่า “ท่าน”

ทั้งสองคนหันไปมองเชลยสาว

“มีอะไรรึ?” จ้าวราชคฤห์ถาม รุ้งมณีจ้องมองชายคนนั้น “ท่านเอาลุงมากไปไว้ที่ไหน? ปล่อยลุงมากไปเถอะนะ ฉันขอร้อง”

เธอยกมือไหว้สายตาวิงวอน

“ไอ้เฒ่านั่นเป็นอะไรกับเอ็งรึ?” จ้าวราชคฤห์ถามอย่างอยากรู้ เพราะดูท่าทางนางเป็นห่วงมันยิ่งนัก

“เขาเป็นคนที่ฉันรู้จัก ท่านจับเขาไว้ก็ไม่มีประโยชน์หรอก ปล่อยเขาไปเถอะนะ เขาจะได้กลับไปหาครอบครัวของเขา” รุ้งมณีตอบ จ้าวราชคีร์มองทั้งสองพูดกันก็หันไปถามพี่ชายว่า “ท่านพี่จับใครมารึ? อูย…”

“ไอ้เฒ่าคนนึง ข้าจับตัวมาพร้อมกับนาง” จ้าวราชคฤห์ตอบ

“ท่านพี่ให้ทหารเอาตัวมันมา ข้าอยากเห็นมัน อูย…” น้องชายบอก จ้าวราชคฤห์พยักหน้า “ได้ซิ”

แล้วเขาก็ตะโกนสั่งทหารว่า “ทหารไปเอาตัวเชลยที่ข้าจับมาเมื่อวานมานี่ที”

“ขอรับ” ทหารรับคำสั่งแล้วก็เดินไปลากตัวเชลยมา จ้าวราชคฤห์หันไปมองเชลยสาวด้วยสายตากรุ่มกริ่ม รุ้งมณีมองตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย จ้าวราชคฤห์ฉงนใจ ใยนางกล้าจ้องตอบข้าเช่นนี้เล่า เหตุใดนางจึงมิมีท่าทีสะทกสะท้านเขินอายสักนิด ผิดกับแม่หญิงคนอื่น

“ท่านพี่” จ้าวราชคีร์เรียกเพราะเห็นพี่ชายเอาแต่จ้องนางเชลยคนงามอย่างมิละสายตา

“อะไรรึ?” จ้าวราชคฤห์หันไปมองน้องชาย

“ข้านำตัวเชลยมาแล้วขอรับ” เสียงทหารหน้ากระโจมรายงาน

“ปล่อยข้านะ!” เสียงมากตวาดดังเข้ามา รุ้งมณีหันไปมองหน้ากระโจมอย่างจำเสียงได้ “ลุงมาก”

เธอถลันไปที่หน้ากระโจมทันที

“พามันเข้ามา” จ้าวราชคฤห์สั่ง

ทหารสองคนก็หิ้วปีกเชลยเข้ามาในกระโจม

“ปล่อยข้าซิวะ!” มากตะโกนใส่ทหารทั้งสองพลางดิ้นฮึดฮัด

“ลุงมาก!” รุ้งมณีถลันเข้าไปหาอย่างดีใจ ทหารผลักเชลยลงกับพื้น

“โอ้ย!” มากร้องเจ็บ รุ้งมณีรีบเข้าไปช่วยพยุง “เป็นอะไรมากไหมจ๊ะลุง?”

“นังหนู!” มากเรียกอย่างดีใจ รุ้งมณีรีบสำรวจตรวจดูตามตัวมาก “เจ็บตรงไหนบ้างรึเปล่าจ๊ะลุง? พวกนั้นทำอะไรลุงมั่งรึเปล่าจ๊ะ?”

“แล้วเอ็งเป็นอะไรไหมนังหนู? พวกมันข่มเหงรังแกเอ็งรึไม่?” มากย้อนถามอย่างเป็นห่วง

“หนูไม่เป็นอะไรจ้ะ” รุ้งมณีตอบแล้วก็แก้เชือกที่มัดข้อมือมากออก พอมือเป็นอิสระ มากก็จับมือรุ้งมณีแล้วก็มองสำรวจตามเนื้อตัวอย่างเป็นห่วง “เหตุใดเอ็งมิเอาเขม่าพอกตัวเล่านังหนู?”

“ก็พวกนั้นน่ะซิลุง” รุ้งมณีบุ้ยปากไปทางพวกนางทาส “จับหนูไปขัดตัวจนแสบไปหมด”

“เอ็งมิเป็นอะไรก็ดีแล้ว ข้าล่ะห่วงเอ็งนักหนากลัวว่าจะถูกพวกมันข่มเหงรังแกเอา” มากบอกแล้วก็กระซิบว่า “เอ็งเห็นลู่ทางใดที่พอจะหนีไปได้มั่งไหมนังหนู?”

รุ้งมณีส่ายหน้า “ไม่เห็นเลยจ้ะลุง หนูยังไม่มีโอกาสได้เดินดูให้ทั่วเลยจ้ะ”

จ้าวราชคฤห์มองทั้งสองคุยกันอย่างมิพอใจที่เชลยสาวดูสนิทชิดเชื้อกับไอ้เชลยเฒ่า จ้าวราชคีร์มองเชลยทั้งสองคุยกันอย่างพิจารณา ดูอย่างไรนางก็มิเหมือนชาวลวปุระ ผิวพรรณนางขาวละม้ายชาวคันธาระแต่หากพิจารณาดูใกล้ๆ ผิวนางมิได้ขาวนวลลออดั่งชาวคันธาระแต่ผิวนางขาวดั่งไข่ปอก จมูกนางก็สูงโด่ง นัยน์ตาก็กลมโต เครื่องหน้านั้นดูอย่างไรก็มิคล้ายชาวลวปุระเลยสักนิด ส่วนชายชรานั่นดูอย่างไรก็เป็นชาวลวปุระแน่ คำพูดคำจาของนางฟังละม้ายชาวลวปุระแต่ก็มิเหมือน นางมาจากเมืองใดกัน?

มากมองดูรุ้งมณีอย่างโล่งใจที่นังหนูมันมิเป็นอะไร ตอนถูกจับขังก็นึกกลัวไปสารพัดสารเพกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับนังหนูรุ้ง รุ้งมณีเห็นรอยฟกช้ำดำเขียวตามเนื้อตัวลุงมากก็ตกใจ “ตายจริง นี่ลุงถูกทำร้ายถึงขนาดนี้เชียวเหรอจ๊ะ?”

“ฮื้อ” มากพยักหน้า จ้าวราชคฤห์กริ้วที่นางเชลยจับเนื้อต้องตัวเชลยเฒ่าอย่างสนิทชิดเชื้อ เขาถลันเข้าไปฉุดกระชากนาง พลางสั่งทหารว่า “ทหารเอาไอ้เฒ่านี่ไปขัง!”

“ว้าย!” รุ้งมณีตกใจ

“เฮ้ย!” มากรีบคว้าข้อมือรุ้งมณียื้อยุดไว้ “ปล่อยนังหนูนะโว้ย!”

จ้าวราชคฤห์ถีบผาง! “หนอย! บังอาจนักไอ้เฒ่า!”

“โอ๊ย!” มากถูกถีบล้มกลิ้ง

“ลุงมาก!” รุ้งมณีตะลึง! หันขวับไปจ้องหน้าชายคนนั้นอย่างโกรธจัด เธอสะบัดแขนสุดแรงจนหลุดจากอุ้งมือใหญ่แล้วเธอก็ต่อยโคร้ม! ใส่หน้าเขาเต็มเหนี่ยว

“โอ๊ย!” จ้าวราชคฤห์ถูกต่อยจนปากแตก เลือดไหลย้อย

“ว๊าย!” เหล่านางทาสตกใจร้องลั่น ทหารสองคนก็ร้อง “เฮ้ย!”

จ้าวราชคีร์ก็ตกใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชั่วพริบตา ทหารหน้ากระโจมได้ยินเสียงดังก็รีบเข้ามาดู “มีเหตุอันใดรึ?”

ครั้นพอเห็นจ้าวราชคฤห์ปากแตกก็ตกใจ “เกิดเหตุอันใดหรือขอรับ? ใยท่านปากแตกเช่นนั้นเล่าขอรับ?”

เหล่านางทาสรีบบอกว่า “นังเชลยนั่นมันบังอาจทำร้ายจ้าวราชคฤห์”

“ห๊า!” ทหารตกใจแล้วก็ถลันเข้าไปจับตัวเชลย “บังอาจนัก!”

รุ้งมณีหันขวับไป พอทหารเข้ามาได้ระยะเธอก็เตะโคร้ม!

“โอ๊ย!” ทหารถูกเตะตัดขาล้มลงตึง! ทหารอีกคนพุ่งเข้าไปได้ระยะ รุ้งมณีก็วาดเท้าฟาดโคร้ม! เข้าก้านคอ

“โอ๊ะ!” ทหารร้องได้เพียงเท่านั้นก็สลบล้มลงไปกองกับพื้น

“ว๊าย!” / “กรี๊ด!” เหล่านางทาสตกใจร้องลั่น ส่วนทหารอีกสองคนก็ร้อง “เฮ้ย!”

จ้าวราชคฤห์ตะลึงงัน! รุ้งมณีรีบเข้าไปดูมาก “ลุงเป็นอะไรมากไหมคะ?”

ทหารคนแรกที่ถูกเตะล้มก็ตะโกนสั่งทหารอีกสองคนว่า “เฮ้ย! พวกเอ็งจะนั่งหาพระแสงหอกดาบหรือวะ! ฆ่ามันซิโว้ย!”

ทหารได้สติก็เงื้อดาบฟันเชลย “ตายเสียเถอะ!”

“หยุด!” จ้าวราชคฤห์ตวาดห้าม เขาถลันเข้าไปบังเชลยสาวอย่างลืมตัว

“ว๊าย!” รุ้งมณีตกใจตะลึงงัน! ทหารตกใจ! “ท่าน!”

“ท่านพี่!” จ้าวราชคีร์ตกตะลึง! เหล่านางทาสก็กรีดร้องลั่น! “ว๊าย!”

ทหารรีบหยุดดาบ แต่ปลายดาบก็ฟันเฉี่ยวแขนฉับ!

“ท่าน!” ทหารตกตะลึง! ปล่อยดาบร่วงลงพื้น เคร้ง!

เลือดไหลหยดลงพื้น จ้าวราชคฤห์กัดฟันข่มความเจ็บ ทหารคนนั้นตกใจจนเข่าอ่อน “ท่าน! ข้า…”

ทุกคนต่างตกใจ ตกตะลึง! กันหมด ทั้งกระโจมเงียบกริบ จ้าวราชคฤห์กุมแขน เขามองนางเชลยคนงามอย่างโล่งใจ รุ้งมณีหายตกใจ พอตั้งสติได้เธอก็มองชายคนนั้น พอเห็นเลือดไหลเป็นทางเธอก็อุทาน “คุณ!”

แล้วเธอก็รีบคว้าแขนไปดูแผล

“ขอผ้าเร็ว!” เธอสั่ง คนอื่นตะลึงนิ่ง! มากหันมองพอเห็นล่วมยาก็รีบคลานเข้าไปคว้ามาหยิบผ้าส่งให้รุ้งมณีอย่างรู้งาน “นังหนู ผ้า”

รุ้งมณีหันไปรับมาแล้วก็รีบเอาผ้ากดแผลห้ามเลือด จ้าวราชคฤห์ก้มมองวงหน้าสวยด้วยอารมณ์หลากหลาย ทั้งดีใจที่นางปลอดภัย ทั้งทึ่งที่นางรู้ศาสตร์การต่อสู้ นางมิเพียงรู้แค่งูๆ ปลาๆ พอเอาตัวรอด แต่นางมีฝีมือถึงขนาดล้มทหารที่ถูกฝึกมาอย่างดีถึง 2 คนเพียงชั่วพริบตา นางรู้อักขระอ่านออกเขียนได้ นางเป็นหมอ และนางก็งดงามยิ่งนัก

“โอย…ท่านพี่” จ้าวราชคีร์เรียกอย่างเป็นห่วง จ้าวราชคฤห์เหลือบมองน้องชาย พูดว่า “ข้ามิเป็นอะไรมาก เจ้าอย่าได้ตระหนกตกใจไป”

แล้วเขาก็หันไปโบกมือไล่ทหาร “พวกเอ็งออกไปเสีย”

“ขอรับ” ทหารรับคำสั่งแล้วก็รีบออกไปอย่างกลัวเกรงโทษทัณฑ์ อย่างน้อยตอนนี้หัวก็ยังมิหลุดจากบ่า เฮ้อ…

รุ้งมณียุ่งกับการทำแผล

“แผลไม่ลึกมาก ไม่ต้องเย็บ แค่ห้ามเลือดใส่ยาก็พอ” เธอบอกอย่างเคยชิน จ้าวราชคฤห์พยักหน้า

“รักษาเท่านี้ก็พอแล้วรึ?” เขาถามแล้วก็ชี้ที่ปาก “แล้วที่ปากข้าเล่า เอ็งจะรักษาอย่างไรรึ?”

รุ้งมณีมองฉับ! สีหน้าเปลี่ยนพลันอย่างนึกโกรธที่เขาทำร้ายลุงมาก

“รักษาด้วยกำปั้นอีกซักทีคงจะดี!” เธอย่างเข่นเขี้ยว มือก็ผูกชายผ้าอย่างกระแทกกระทั้น

“โอย…เบาๆซิเอ็ง ใยมือหนักนักเล่า” จ้าวราชคฤห์ร้อง พอผูกผ้าห้ามเลือดเสร็จรุ้งมณีก็สะบัดหน้าพรึ่ด! เธอหันไปดูลุงมาก

“ลุงเจ็บตรงไหนมั่งจ๊ะ?” เธอถามน้ำเสียงอ่อนหวานผิดกับเมื่อกี้ลิบลับ จ้าวราชคฤห์มิพอใจทันควัน จ้าวราชคีร์เห็นท่าทีพี่ชายก็รีบแกล้งร้องโอดโอย “โอย…ข้าปวดแผลเหลือเกิน”

จ้าวราชคฤห์หันขวับไปมองน้องชายอย่างเป็นห่วง “ราชคีร์”

รุ้งมณีรีบผละไปดูคนเจ็บ เธอเดินอ้อมตั่งไปอีกด้าน “ขอฉันดูแผลหน่อย”

มากก็รีบคว้าล่วมยาคลานเข้าไปอยู่ข้างหลังรุ้งมณีอย่างเอาตัวรอด รุ้งมณีเหลือบมองมากแล้วก็หันไปมองคนเจ็บ จ้าวราชคีร์หันตัวให้นางได้ดูแผลอย่างถนัดถนี่ แล้วก็บอกพี่ชายว่า “โอย…ท่านพี่ข้าปวดแผลยิ่งนัก”

จ้าวราชคฤห์มองทอดพระเนตรน้องชายอย่างเป็นห่วง

“ราชคีร์อดทนไว้นะ” เขาปลอบ ห่วงน้องชายจนลืมเรื่องอื่นเสียสิ้น จ้าวราชคีร์แอบโล่งใจที่ทำให้พี่ชายลืมกริ้ว เพียงแค่เห็นสายตาที่พี่ชายมองนังเชลยคนงาม เขาก็ทราบว่าพี่ชายคงจะหลงใหลนางเป็นแน่ รุ้งมณีดูบาดแผลแล้วพูดว่า “ปวดแผลก็ต้องทนหน่อยนะ แผลอักเสบก็ปวดมากเป็นปกติ อย่าพยายามขยับตัวมากจะได้ไม่ค่อยปวด”

จ้าวราชคีร์พยักหน้าแล้วถามว่า “เจ้ากินข้าวกินปลาหรือยัง? อูย…”

“ยัง” รุ้งมณีตอบ ยิ้มให้ที่เขาถามอย่างใส่ใจ จ้าวราชคีร์หันไปสั่งนางทาสว่า “โอย…พวกเอ็งไปยกข้าวปลาอาหารมาให้นางกินที”

“เจ้าค่ะ” นางทาสรับคำแล้วก็พากันลุกออกไป จ้าวราชคฤห์ก็สั่งพวกนางทาสว่า “ยกมาให้ข้าด้วย”

“เจ้าค่ะ” นางทาสหันไปรับคำสั่งแล้วก็รีบเดินไป พอพวกนางทาสออกไป ทหารหน้ากระโจมก็รายงานว่า “ท่านแม่ทัพขอเข้าพบขอรับ”

จ้าวราชคฤห์ก็เดินออกไปทันที จ้าวราชคีร์เหลียวมองตามพี่ชายไปแล้วก็หันไปถามเชลยสาวว่า “เจ้าชื่ออะไรรึ?”

“รุ้ง” รุ้งมณีตอบ

“รุ้งที่หมายถึงรุ้งกินน้ำบนนภาใช่หรือไม่? โอย…” จ้าวราชคีร์ถามพลางวาดมือประกอบ

“ใช่” รุ้งมณีพยักหน้ารับ จ้าวราชคีร์พยักหน้า แล้วก็หันไปพูดกับเชลยเฒ่าว่า “เอ็งชื่อมากรึ? อูย…ข้าได้ยินนางเรียกเช่นนี้”

“จ้ะพ่อคุณ” มากพยักหน้ารับอย่างเกรงๆ เพราะดูจากท่าทางแล้วไอ้หนุ่มคนนี้คงเป็นเจ้านายของไอ้พวกกาสีเป็นแน่

นางทาสกลับเข้ามาพร้อมถือจานดินเผาใส่ข้าวเปล่าๆ มายื่นให้เชลย “เอ้า…ข้าวของเอ็ง”

“ขอบใจจ๊ะ” รุ้งมณีรับมาพลางยิ้มให้ จ้าวราชคีร์ชะเง้อมอง พอเห็นข้าวเปล่าๆ ก็สั่งนางทาสว่า “พวกเอ็งจงรีบไปเอามาใหม่เชียว เอ็งจะให้นางกินเพียงข้าวเปล่ากระนั้นรึ!”

เขาสั่งเสียงดุ “พวกเอ็งจงจัดข้าวปลาอาหารมาให้นางเช่นเดียวกับที่พวกเอ็งเอามาให้ข้า หาไม่ข้าจะสั่งเฆี่ยนเสียให้หลังลายเชียว!”

“เจ้าค่ะๆ” พวกนางทาสรับคำอย่างเกรงกลัวแล้วก็รีบออกไป รุ้งมณีกับมากมองอย่างงงๆ เพราะฟังภาษากาสีไม่ออก

“โอย…รอประเดี๋ยวนะเจ้า ข้าให้พวกมันไปยกข้าวปลาอาหารมาให้ใหม่ นังพวกนี้มันน่าเอาหวายทวนหลังนักเชียว! อูย…” จ้าวราชคีร์บอกปนครางเจ็บแผล รุ้งมณีพยักหน้ารับอย่างงงๆ แล้วเธอก็หันไปสบตากับลุงมากอย่างไม่ค่อยเข้าใจ มากก็สบตาตอบอย่างงงๆ เช่นกัน

ครู่ต่อมาพวกนางทาสก็ยกข้าวปลาอาหารเข้ามาใหม่ “ข้าว…”

นางทาสบอกกับเชลยแต่พอเหลือบมองจ้าวราชคีร์ก็รีบเปลี่ยนคำพูดว่า “ข้าวเจ้าค่ะ”

รุ้งมณีมองดูอาหารที่ถูกยกเข้ามามากมาย มากชะเง้อมองพลางกลืนน้ำลายอย่างหิวโซ

“กินข้าวกินปลาเสียซิ อูย” จ้าวราชคีร์บอกพลางแย้มยิ้ม

“จ้ะ” รุ้งมณีรับคำอย่างงงๆ

“ขอบใจจ้ะ” เธอพูดพร้อมกับยกมือไหว้แล้วก็ขยับไปนั่งกินข้าวแล้วก็บอกกับมากว่า “ลุงมากจ๊ะกินข้าวจ้ะ”

มากรีบขยับเข้าไปอย่างหิวจัด จ้าวราชคีร์แกล้งทำเสียงในคอ มองเชลยเฒ่าดุดัน มากหันไปมองพอเห็นสายตาดุดันก็ชะงัก! “อ่า…”

รุ้งมณีเห็นลุงมากมองคนเจ็บ เธอก็หันไปมองบ้าง จ้าวราชคีร์รีบยิ้มให้นาง รุ้งมณียิ้มตอบแล้วก็หันไปสนใจข้าวปลาอาหารตรงหน้า จ้าวราชคีร์รีบชี้หน้าเชลยเฒ่า ห้ามมิให้ร่วมกินข้าวกับเชลยสาว มากเห็นท่าทีเช่นนั้นก็ถอยไปนั่งห่างๆ ตาก็มองข้าวปลาอาหารตาละห้อย

“มา ลุงมากกินข้าวจ้ะ กับข้าวเยอะแยะเชียว” รุ้งมณีบอก มากก็เลี่ยงว่า “เอ็งกินเถอะนังหนูข้ามิหิว”

รุ้งมณีนึกสงสัย ก็เมื่อกี้ยังเห็นลุงมากทำท่าจะกินอยู่ แล้วไหงบอกว่าไม่หิวซะงั้นล่ะ?

เธอหันไปมองคนเจ็บ ทันได้เห็นสายตาดุๆ ก็เข้าใจ อ่อ…

เธอหยิบจานใส่ปลาย่างมาจัดแจงหยิบข้าวและกับข้าวใส่จานยื่นให้ “ของลุงจ้ะ”

มากเหลือบมองคนๆ นั้น เห็นเขาพยักหน้าจึงกล้ารับจานข้าวจากรุ้งมณี “ขอบใจนังหนู”

พอรับจานไปแล้วมากก็ลงมือเปิบข้าวเข้าปากอย่างหิวจัด ก็ตั้งแต่เมื่อวานยังมิได้กินอะไรเลยนอกจากน้ำกับกล้วยงอมๆ เพียงแค่ลูกเดียวที่คนคุมโยนให้กินประทังชีวิต รุ้งมณีมองลุงมากกินข้าวแล้วก็หันไปกินข้าวบ้าง เธอค่อยๆ ใช้มือกินข้าวอย่างเรียบร้อย จ้าวราชคีร์มองท่าทางนางเชลยกินข้าวก็คิดว่า กริยานางดูแช่มช้อยละเมียดละมัยเสียยิ่งกว่าพวกนางในวัง นางเป็นลูกเต้าเหล่าใครกัน? ท่าทางนางมิเหมือนหญิงชาวบ้านร้านตลาด ข้าใคร่รู้ยิ่งนัก

“พอกินได้รึไม่?” เขาถามนาง รุ้งมณีหันไปพยักหน้าตอบ พอกลืนข้าวแล้วเธอก็ตอบว่า “อร่อยจ้ะ”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version