Skip to content

พลิกปฐพี 100-3

ตอนที่ 100-3

ไม่มีอะไรที่ไม่รู้หากยอมจ่ายเงิน!

“เอามือออกไป!” ปลายนิ้วที่สาดฉายแสงสีเขียวของเว่ยฉีจับอยู่บนข้อมือของเว่ยกว่านกว่าน ทำให้นางจำต้องปล่อยมือออกจากมือของมู่ชิงเกออย่างกะทันหัน ด้วยความเจ็บปวด

“โอ๊ย! ไอ้บ้าเว่ยฉี เจ้าทำบ้าอะไรเนี่ย?” เว่ยกว่านกว่านจับแขนของตนเอง พร้อมทั้งต่อว่าเว่ยฉีด้วยความโกรธ

“ชายหญิงห้ามใกล้ชิดกันมากเพียงนี้” เว่ยฉีปัดเสื้อผ้าของตนเองทีหนึ่ง พลันยิ้มอย่างเบิกบานให้กับมู่ชิงเกอ “ข้ากับมู่เกอต่างก็เป็นชาย ไม่จำเป็นต้องถืออะไร” พูดจบ ก็ยื่นมือออกไปคล้องแขนของมู่ชิงเกอเอาไว้

“เว่ยฉีเจ้ากล้าเหรอ!” ทันใดนั้น เว่ยกว่านกว่านสะบัดแสงสีเขียวออกไปทางพี่ชายฝาแฝด

ท่าทางของทั้งสองดูเหมือนว่ากำลังจะเปิดศึกกันในห้องของมู่ชิงเกอในอีกไม่ช้านี้

“พอที!” มู่ชิงเกออุทานอย่างเย็นชาทีหนึ่ง ทั้งสองจึงเก็บอารมณ์ในทันทีและยืนนิ่งอยู่ข้างๆ พลันแอบมองสีหน้าของมู่ชิงเกอ

เมื่อเห็นว่านางมีสีหน้าแข็งกระด้าง ทั้งสองต่างก็โยนความผิดให้อีกคน ใช้สายตาทำร้ายอีกฝ่าย

“ข้าไม่ชอบให้ใครเข้าใกล้ไม่ว่าจะชายหรือหญิง” มู่ชิงเกอมองทั้งสองพี่น้องด้วยสายตาที่แฝงการเตือนแวบหนึ่ง จากนั้นจึงเดินออกจากห้องไป

เมื่อเห็นว่าทั้งสองยังคงอึ้งอยู่ จึงพูดว่า “จะออกไปเดินเล่นมิใช่หรือ”

ทั้งสองจึงคล้ายดั่งถูกคลายจากมนต์สะกดและพุ่งตัวออกจากห้องไปเดินอยู่ทั้งซ้ายและขวาของมู่ชิงเกอ

เมื่อเห็นว่าที่ของตนเองถูกยึดครอง โย่วเหอและฮวาเยวี่ยต่างก็มองหน้ากันด้วยรอยยิ้มจนปัญญา

เดินออกจากเรือนรับรองตระกูลเว่ย ข้างหลังของมู่ชิงเกอ เว่ยฉีและเว่ยกว่านกว่านมีคนเพิ่มเข้ามาอีก 6-7 คน นอกจากโย่วเหอและฮวาเยวี่ยแล้ว มั่วหยางเองก็ตามมาด้วย ส่วนคนที่เหลือล้วนเป็นองครักษ์ที่ถูกลุงโจวสั่งให้มาดูแลความปลอดภัยของพี่น้องตระกูลเว่ยคู่นี้

กลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากองครักษ์พวกนี้ไม่ด้อยเลยแม้แต่น้อย ดูเหมือนว่าจะเป็นผู้มีฝีมือจากตระกูลเว่ย

คนจำนวนหนึ่งเดินอยู่ในเมืองจื้อ

เว่ยฉีและเว่ยกว่านกว่านต่างก็แย่งกันแนะนำสภาพและวัฒนธรรมของเมืองลี่

มู่ชิงเกอพลางมองพลางฟังสิ่งที่ทั้งสองพูด ไม่นานนักก็ไปหยุดอยู่ตรงหน้าประตูหอสรรพสิ่งอีกครั้ง

ในตอนนี้ ยังถือว่าเช้าอยู่ หน้าหอจึงไม่ได้คึกคักเหมือนดั่งเมื่อวาน มีคนอยู่เพียงไม่กี่คนที่เดินออกมาจากด้านใน

“พวกเขาต้องเป็นคนที่มาทำการค้ากับหอสรรพสิ่งอย่างแน่นอน เอาของดีมาขายให้กับหอสรรพสิ่ง” เว่ยฉีอธิบายกับมู่ชิงเกอ

มู่ชิงเกอพยักหน้ารับ

คนจำนวนหนึ่งเดินเข้าไปยังหอสรรพสิ่งในขณะที่กำลังจะก้าวข้ามธรณีประตู ก็พลันมีหญิงสาวงดงามผู้หนึ่งเดินออกมา โน้มตัวลงพร้อมรอยยิ้มจางๆ “คุณชาย ท่านนี้ คุณหนู ยินดีต้อนรับเข้าสู่หอสรรพสิ่ง ท่านมีอะไรให้เรารับใช้หรือเจ้า คะ”

มารยาทที่ครบครันและช่างสมบูรณ์แบบ บ่งบอกถึงการสั่งสอนที่ได้รับจากหอสรรพสิ่ง

เพียงแต่ ในขณะที่นางเงยหน้าขึ้นและกวาดสายตาผ่านใบหน้าของมู่ชิงเกอ ดวงตาที่ถูกฝึกมาอย่างดีคู่นั้นกลับมีความตะลึงแฝงอยู่

โชคดีที่นางไม่ได้แสดงอาการอันใดออกมาและรีบเก็บสายตาที่แฝงความตกตะลึงของตนเองอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงพาทุกคนเดินเข้าหอสรรพสิ่งไป

เป็นครั้งแรกที่มาเยือนหอสรรพสิ่ง มู่ชิงเกอกวาดสายตามองไปรอบๆ อย่างคร่าวๆ

แล้วก็พบว่า ที่นี่เป็นห้องโถงขนาดใหญ่ บนกำแพงฝังตรงข้าม มีป้ายไม้แผ่นใหญ่แขวนอยู่ ด้านบนเขียนการบริการของแต่ละชั้นไว้อย่างชัดเจน

สองฝั่งของห้องโถง มีหญิงสาวใบหน้างดงามและรูปร่างยั่วยวนเหมือนคนที่กำลังนำทางพวกเขาอยู่ในตอนนี้ ยืนอยู่เพื่อรอแขกที่มาเยือน

“ชั้นแรกของเรา ไม่ได้มีการค้าขายอะไร เพียงแค่แสดงให้เห็นภาพรวมของภารกิจที่เราทำ หากคุณชายและคุณหนูต้องการจะซื้ออะไร ต้องไปชั้นสองหรือชั้นสาม” หญิงสาวที่นำทางมาพูดอย่างมีมารยาท

เว่ยฉีพยักหน้า พลันมองมู่ชิงเกอและพูดว่า “พวกเรามากับนายท่านท่านนี้ เพียงอำนวยความสะดวกให้ท่านผู้นี้ผู้เดียวให้ดีก็เพียงพอแล้ว”

หญิงสาวที่นำทางมาเข้าใจและมองเว่ยฉีด้วยความรู้สึกตื่นเต้น พลันเดินไปอยู่ข้างๆ มู่ชิงเกอ “คุณชายต้องการอะไร บอกเหลียนเอ๋อร์ได้เลย” พูดจบ ใบหน้าอันงดงามละเอียดลออของนางก็ดูเขินอาย

ราวกับว่า เป็นเพราะมองท่าทางของมู่ชิงเกอในระยะประชิด จึงทำให้ตะลึงงันไป

สายตาอันเย็นชาของมู่ชิงเกอจ้องบนตัวนาง ราวกับรับรู้ได้ถึงความเขินอายของนาง จึงตอบว่า “ถ้าเช่นนั้น ก็ขอรบกวนแม่นางเหลียนเอ๋อร์แล้ว”

พูดจบ ทั้งสองก็เดินเข้าไปบริเวณที่มีป้ายไม้แขวนอยู่ เห็นความ ‘สนิทสนม’ ของพวกเขา เว่ยกว่านกว่านพลันเบ้ปากอย่างหัวเสีย จับแขนของพี่ชายเอาไว้แน่นและบ่นกับพี่ชายว่า “เพราะเจ้าคนเดียวเลย ที่ทำให้หญิงจอมมารยาสะดีดสะดิ้งผู้นี้ต้องมาอยู่ใกล้ชิดกับมู่เกอ” เว่ยฉีหลบการลอบทำร้ายของนางแล้วหัวเราะเยาะว่า

“นางเพียงทำตามหน้าที่ของตนเอง เจ้าจะมาไม่พอใจอะไร”

“หึ! เจ้าจงใจ ไอ้เว่ยฉี!” เว่ยกว่านกว่านอุทานอย่างไม่พอใจ

การทะเลาะต่อล้อต่อเถียงของทั้งสองไม่ได้รบกวนสภาพจิตใจของมู่ชิงเกอเลย

นางอ่านเนื้อความในป้ายไม้อย่างละเอียด รู้สึกว่าการดำเนินงานของหอสรรพสิ่งนั้นมีความแปลกใหม่ ข้างๆ ป้ายไม้ แขวนช่องภารกิจเอาไว้มากมาย สามารถรับ-ส่งภารกิจได้

เมื่อฟังคำแนะนำจากเหลียนเอ่อร์จบแล้ว นางก็เก็บสายตากลับมามองเหลียนเอ๋อร์ “ข้าจะมาหาเบาะแสเกี่ยวกับอะไรบางอย่าง ไม่ทราบว่าแม่นางเหลียนเอ๋อร์จะช่วยนำทางได้หรือไม่?”

เหลียนเอ๋อร์ยิ้มหวานคราหนึ่งและพูดด้วยนํ้าเสียงอันอ่อนโยนว่า “ที่แท้คุณชายก็อยากจะหาข้อมูลนี่เอง ตามเหลียนเอ่อร์มาเลยเจ้าค่ะ” พูดจบ ก็พาทุกคนขึ้น ข้างบนไป

จุดซื้อขายข่าวสารของหอสรรพสิ่งอยู่ที่ชั้นสาม ในขณะที่เหลียนเอ๋อร์พาทุกคนขึ้นไปถึงชั้นสาม ด้านในไม่มีแขกเลยแม้แต่เพียงผู้เดียว มีเพียงชายหนุ่มอายุยัง ไม่มากนักคนหนึ่งกำลังนั่งเอามือเท้าคางงีบหลับอยู่ หลังการเข้ามาของทุกคนไม่ได้รบกวนการนอนของเขาเลยแม้แต่น้อย เหลียนเอ๋อร์ยิ้มเพื่อขอโทษทุกคนและรีบเดินเข้าไปเคาะโต๊ะที่อยู่ตรงหน้าเขา ในขณะเดียวกันก็คอยแนะนำกับมู่ชิงเกอว่า “ภายในหอสรรพสิ่ง ณ เมืองจื้อแห่งนี้ ส่วนมากเป็นการแลกเปลี่ยนซื้อขายสิ่งของ หรือ การแจ้งภารกิจ คนที่มาขอซื้อข้อมูลที่นี่มีน้อยมาก”

“วันนี้เรามาเช้าไปจริงๆ” มู่ชิงเกอกล่าวอย่างเข้าใจ

ความเข้าอกเข้าใจและมีเหตุผลเช่นนี้ทำให้ภายในจิตใจของเหลียนเอ๋อร์มีความรู้สึกดีๆเกิดขึ้นในทันที

ตอนนี้คนที่นั่งอยู่หลังโต๊ะก็ถูกเรียกให้ตื่นและขยี้ตาอย่างมึนงง พลางพึมพำว่า “พี่เหลียนเอ๋อร์มีอะไร”

“เจ้าชูเซิงแขกมาถึงที่แล้วยังหลับอยู่อีก ระวังหัวหน้าลงโทษ” คำพูดแม้จะเป็นการกล่าวโทษ แต่ผู้ฟังกลับสัมผัสได้ถึงความเอ็นดูที่ซ่อนอยู่

ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ส่วนตัวระหว่างหลียนเอ๋อร์และหนุ่มน้อยที่ชื่อชูเซิงจะไม่เลวเลย

เมื่อได้ยินว่ามีแขกมา ชูเซิงจึงรีบตั้งสติแล้วเงยหน้าขึ้น มองคนกลุ่มหนึ่งที่ยืนอยู่หน้าโต๊ะ ท่ามกลางผู้คนเหล่านั้น ร่างในชุดสีแดงอันเจิดจ้าน่าเย้ายวนและสง่าผ่าเผย ดึงดูดความสนใจจากเขาได้มากที่ สุดช่างเป็น ‘ชายหนุ่มที่งดงามยิ่งนัก!’ ชูเซิงอุทานในใจ ค่อยๆ เก็บสายตาอย่างแนบเนียน ชูเซิงประสานหมัดและพูดกับทุกคนว่า “แขกผู้มีเกียรติทุกท่าน เมื่อครู่นี้ชูเซิงละเลยในหน้าที่ ต้องขออภัยทุกท่านและขอให้ทุกท่านอย่าถือโทษ”

เขาอายุยังน้อย แต่กลับพูดจามีเหตุมีผล

มู่ชิงเกอส่ายหน้าอย่างไม่สนใจ และถามตรงๆ ว่า “ไม่ทราบว่า หอสรรพสิ่งมีพญาเพลิง หรือพอจะมีเบาะแสเกี่ยวกับพญาเพลิงหรือไม่”

“พญาเพลิง? มู่เกอจะหาพญาเพลิงไปเพื่ออะไร?”

“มู่เกอ ท่านกำลังตามหาพญาเพลิงหรือ?”

นํ้าเสียงของทั้งสองพี่น้อง เว่ยฉีและเว่ยกว่านกว่าน เต็มไปด้วยความฉงนใจ

มู่ชิงเกอพยักหน้าเบาๆ มิได้ตอบคำถามที่ทั้งสองพี่น้องสงสัย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version