ตอนที่ 100-4
ไม่มีอะไรที่ไม่รู้หากยอมจ่ายเงิน!
ชูเซิงไม่ได้ตกใจเหมือนสองพี่น้องตระกูลเว่ย เพียงแค่ ดซํ้าอีกรอบอย่างสงบนิ่งว่า “ท่านต้องการข้อมูลเกี่ยวกับพญาเพลิงอย่างนั้นหรือ”
มู่ชิงเกอพยักหน้าตอบรับ
หลังจากที่แน่ใจแล้ว ชูเซิงก็พินิจอีกครั้งและพูดว่า “ไม่ทราบว่า ท่านต้องการข้อมูลประเภทใดรึ”
“อ้อ? ยังมีการแบ่งส่วนอีกหรือ?” มู่ชิงเกอตะลึงเล็กน้อย
ชูเซิงพยักหน้าและอธิบายต่อไปว่า “พญาเพลิงถือเป็นส่วนหนึ่งของฟ้าดิน หากต้องการจะทราบเกี่ยวกับประเกทหรือการจัดระดับ ล้วนมีราคาที่ต่างกัน ความ เป็นมาและคุณสมบัติการใช้ของมันก็เป็นอีกราคา หากอยากจะรู้ที่ที่พญาเพลิงอยู่…” ชูเซิงยิ้มและพูดต่อว่า “ก็เป็นอีกราคาหนึ่ง”
มีรายละเอียดมากมายขนาดนี้เชียว มู่ชิงเกอแอบรู้สึกว่ามันเกินไป นางรู้จากเหมิงเหมิงว่าพญาเพลิงเป็นขุมพลังชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นในขณะที่ฟ้าดินได้ก่อตัวขึ้น มีปริมาณน้อยและหายากมาก ส่วนรายละเอียดอื่นๆ นางไม่ทราบ ในตอนนี้คำพูดของชูเซิงทำให้นางรู้สึกฉงนใจเป็นอย่างมาก เม้มปากคิดสักครู่หนึ่งจึงพูดว่า “หากต้องการทั้งหมด ข้าต้องจ่ายอย่างไร”
แม้ว่าความรู้ของเหมิงเหมิงจะมาก แต่นางก็หลับใหลมานานหลายต่อหลายปี ข้อมูลอาจจะคลาดเคลื่อนกับตอนนี้ หากไม่แพงจนเกินไป นางก็อยากจะซื้อข้อมูลทั้งหมดเอาไว้
“ท่านต้องการทั้งหมดเลยรึ!” ชูเซิงพูดอย่างตกใจ
มู่ชิงเกอกระตุกรอยยิ้มและพูดว่า “หากหอสรรพสิ่งมี”
วิธีการพูดนั่น นี่มันช่างเป็นวิธีการของพวกเศรษฐีดยแท้ ชูเซิงอ้าปากค้างและพยักหน้า จากนั้นจึงพูดด้วยท่าทางแปลกๆ ว่า “ถ้าเช่นนั้นก็ขอให้คุณชายรอครู่หนึ่ง ชูเซิงจะไปหาข้อมูลเกี่ยวกับพญาเพลิงที่หอเดี๋ยวนี้หลังจากที่แน่ใจแล้วจะมาบอกรายละเอียดกับคุณชาย”
มู่ชิงเกอพยักหน้ารับ ชูเซิงดึงหน้าต่างเล็กๆ ตรงโต๊ะลง แล้วถอยออกไป
ในตอนนี้ มู่ชิงเกอจึงมีโอกาสได้สำรวจการตกแต่งของชั้นสาม
ในความเป็นจริงแล้วชั้นสามไม่ได้มีของมีค่าอะไรอยู่เลย ทั้งชั้นนอกจากโต๊ะตัวสูงที่ชูเซิงนั่งอยู่ในตอนแรก ก็เป็นเก้าอี้หลายตัวที่ถูกเรียงเอาไว้เพื่อเป็นที่นั่งพัก
แต่ทว่า บนกำแพงกลับมีภาพวาดอักษรจีนโบราณแขวนอยู่ บนภาพวาดเขียนว่า ‘ไม่มีอะไรที่ไม่รู้ไม่มีอะไรที่ไม่บอก บอกทุกอย่าง หากยอมจ่ายเงิน’
หากยอมจ่ายเงิน!
คำพูดที่ตรงไปตรงมาจนไม่รู้ว่าจะตรงอย่างไร ทำให้มู่ชิงเกอเผยรอยยิ้มออกมา
ทันใดนั้นนางก็พลันรู้สึกว่า ตนเองคงต้องคำนวณทรัพยํสินของตนเองดูเสียหน่อยว่าสามารถจ่ายตามที่หอสรรพสิ่งต้องการได้หรือไม่
“คุณชาย เชิญดื่มชา” ระหว่างที่รอ เหลียนเอ๋อร์ก็ได้ยกถาดที่มีนํ้าชาวางอยู่มาบริการทุกคน มู่ชิงเกอที่นั่งอยู่บนเก้าอี้กลม หลุบสายตาลง ในใจกลับกำลังคำนวณของมีค่าที่ตนเองมีอยู่ในตอนนี้ การแลกเปลี่ยนกับหอสรรพสิ่ง ไม่จำเป็นต้องจ่ายเป็นเงินเสมอไป
หากสามารถจ่ายในสิ่งที่หอสรรพสิ่งคิดว่ามีค่าได้ ก็สามารถแลกเปลี่ยนกันได้
เงินอย่างนั้นหรือ?
มู่ชิงเกอกลับไม่รู้สึกว่า ข้อมูลของพญาเพลิงสามารถซื้อได้ด้วยเงิน อีกประการหนึ่ง นางออกจากจวนตระกูลมู่มา ไม่ได้พกเงินตำลึงมามากนัก มีเพียงตั๋วเงินราว 4-5 แสนตำลึงที่มู่เหลียนหรงให้ไว้กับนาง ก่อนวันที่นางจะเดินทางออกจากจวน
เงินจำนวนนี้ เพียงพอให้นางใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายไปได้อีกนานเลย แต่หากจะต้องแลกเปลี่ยนกับหอสรรพสิ่ง นางคิดว่ายังไม่เพียงพอ
ไม่สามารถใช้ตำลึงเงินได้ คงต้องใช้สิ่งของในการแลกเปลี่ยน
เอาอะไรดีล่ะ?
ทักษะการต่อสู้อย่างนั้นหรือ นางเองก็ยังขาดแคลน
การหลอมอาวุธอย่างนั้นหรือ ในวันนี้นางยังไม่ชำนาญมากนัก
ถ้าเช่นนั้น ก็เหลือแค่โอสถแล้ว
โอสถ…มู่ชิงเกอรู้สึกเสียดาย แม้ว่านางจะปรุงโอสถออกมาจำนวนไม่น้อย แต่ส่วนมากก็ไปตกอยู่ในท้องของเหมิงเหมิง ที่เหลือล้วนเป็นโอสถระดับสูงที่นางยึดเอามาจากปากของเหมิงเหมิงทั้งนั้น
เมื่ออยู่นอกช่องว่าง โอสถระดับสูงเม็ดหนึ่ง มีค่ามหาศาลเชียวนะ
เอามาแลกข้อมูลในตอนนี้จะไม่ทำให้นางเจ็บใจได้อย่างไร?
แม้ว่าจะเจ็บใจ แต่อะไรที่ควรจ่าย ก็จำเป็นต้องจ่าย เหตุผลนี้มู่ชิงเกอล้วนกระจ่างเป็นอย่างดี
พักใหญ่ หน้าต่างตรงโต๊ะใหญ่ก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง เผยให้เห็นใบหน้าของชูเซิง เขาพูดด้วยนํ้าเสียงที่ประดับไปด้วยความรู้สึกขออภัย พร้อมพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ขออภัยที่ทำให้คุณชายรอนาน”
“ว่าอย่างไรบ้าง?” มู่ชิงเกอถาม
ชูเซิงผุดรอยยิ้มและพูดว่า “ท่านมาได้เวลาพอดี ข้อมูลและเบาะแสทั้งหมดของพญาเพลิง หอสรรพสิ่งของเราล้วนมีทั้งหมด”
“มีทั้งหมดเลยหรือ!” ดวงตาของมู่ชิงเกอพลันเปล่งประกายและหัวใจเต้นแรงขึ้นหลายเท่า
ชูเซิงพยักหน้า
“ต้องการอะไรเป็นการแลกเปลี่ยน” มู่ชิงเกอหรี่ตาทั้งคู่ลง
นางไม่เก็บซ่อนความต้องการที่อยากได้ข้อมูลของพญาเพลิงของตนเอง และไม่กลัวว่าหอสรรพสิ่งจะคิดราคาสูง หากสามารถใช้วิธีการที่ยุติธรรมกับทั้งสองฝ่ายได้ก็ดี แต่หากเป็นไปไม่ได้… .แม้ว่าจะต้องปล้นนางก็จะปล้นและครอบครองมัน!
สายตาของมู่ชิงเกอมีความเย็นเยียบและฉายแววความโหดเหี้ยมแวบหนึ่ง ก่อนจะถูกนางซ่อนเอาไว้
“เรื่องนั้นก็ต้องดูว่า คุณชายยอมจะเอาอะไรมาแลก สำหรับข้อมูลประเภทนี้ สิ่งที่หอเราต้องการไม่ใช่เงิน” ชู เซิงพูดพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะพูดเสริมว่า “คุณชายวาง ใจเถิด หอสรรพสิ่งเราทำการค้าอย่างยุติธรรม”
“ไม่ต้องการเงิน แล้วพวกเจ้าต้องการอะไร?” เว่ยกว่านกว่านถามอย่างตรงไปตรงมา
ชูเซิงยิ้มทีหนึ่งก่อนจะอธิบายต่อว่า “ใช้ของที่มีค่าเทียบเท่าหรือสิ่งที่มีค่าเทียบเท่ากับข้อมูลที่จะได้รับ”
“เจ้าช่างพูดง่ายนัก อะไรคือคำว่ามีค่าเทียบเท่า มีค่าเทียบเท่าในความคิดของพวกข้ากับพวกเจ้าไม่เท่ากัน อีกประการหนึ่ง ของจำนวนมากไม่สามารถประเมินเป็น ราคาได้และมีมูลค่าไม่แน่นอน ข้อมูลของพญาเพลิงนี้ สำหรับพี่มู่ของข้าแล้วอาจจะมีค่ามหาศาล แต่ทว่าของที่มีค่ามหาศาลนี้สำหรับพี่มู่ของข้าก็อาจจะไม่ใช่สิ่งที่หอสรรพสิ่งต้องการ แล้วจะสามารถวัดค่าของสิ่งนี้ได้อย่างไร” เว่ยฉีเองก็ลุกขึ้นมาต่อรองแทนมู่ชิงเกอ
ชูเซิงพูดพร้อมรอยยิ้มว่า “คำถามนี้คุณชายถามได้ดีมาก เพราะฉะนั้นสิ่งของที่จะนำมาแลกเปลี่ยนนั้นยังต้องเป็นสิ่งที่เบื้องบนตัดสินว่ามีค่ามากพอ”
พูดจบชูเซิงก็หันไปมองมู่ชิงเกอและพูดว่า : “จริงด้วย คุณชายข้อมูลอื่นๆ เกี่ยวกับพญาเพลิง ชูเซิงสามารถมอบให้กับคุณชายได้เลย แต่ว่าหากคุณชายต้องการ เบาะแสที่อยู่ของพญาเพลิงในตอนนี้ ท่านจะต้องรับภารกิจอารักขา”
“หมายความว่าอย่างไร?” มู่ชิงเกอพูดด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย
ชูเซิงพูดอย่างเหนียมอายว่า “ต้องขออภัยด้วย สำหรับเบาะแสของพญาเพลิงนั้น ในทีแรกหอของเราไม่มี แต่ว่าขณะที่ชูเซิงไปหาข้อมูลเกี่ยวกับพญาเพลิง ก็มีคนใช้เบาะแสของพญาเพลิงมาแลกโอกาสในการอารักขาพอดี”
มีคนใช้เบาะแสของพญาเพลิง มาแลกกับการอารักขาอย่างนั้นหรือ
มู่ชิงเกอหรี่ตาทั้งคู่ลง พลางถามว่า “การอารักขาเริ่มจากที่ไหนและสิ้นสุดที่ไหน แล้วมีรายละเอียดอย่างไรบ้าง”
“เริ่มจากเมืองจื้อ ถึงเมืองฮ่วน โดยมีระยะการเดินทางทั้งหมดเป็นเวลา 3 วัน ผู้ว่าจ้างขอเพียงแค่ถึงที่หมายอย่างปลอดภัย ก่อนเดินทาง ผู้ว่าจ้างจะบอกเบาะแสเกี่ยวกับพญาเพลิงกับท่าน และหลังจากที่ถึงเมืองฮ่วนจะมอบแผนที่ที่แสดงรายละเอียดให้แก่ท่าน” ชูเซิงพูด
เพียงแค่ป้องกันความปลอดภัยเท่านั้นหรือ มู่ชิงเกอคิดทบทวน
เว่ยฉีเองก็ขมวดคิ้วพูดว่า “เมืองจื้อห่างกับเมืองฮ่วนไม่มากนัก ที่เขาให้เราไปอารักขาเพราะระหว่างทางอาจจะเกิดอันตรายอะไรที่พวกเราไม่รู้ขึ้นก็ได้ใช่หรือไม่”
เขามองมู่ชิงเกอ รอคอยการตัดสินใจของนาง
ในตอนนี้เว่ยกว่านกว่านไม่ได้ส่งเสียงดังโวยวายอีกต่อไป กลับมองมู่ชิงเกออยู่เงียบๆ
ชูเซิงเองก็ไม่ได้เร่งรัดแต่อย่างไร เพียงแค่รอคอยอย่างใจเย็น
ทันใดนั้น มู่ชิงเกอช้อนสายตาที่สว่างสดใสขึ้นมา พร้อมพูดว่า “ได้ การอารักขานี้ ข้ารับ”
ชูเซิงตาเป็นประกายพร้อมรอยยิ้ม ไม่ได้พูดอะไร แต่ทว่า หลังจากที่มู่ชิงเกอยอมรับข้อเสนอ เขาจึงพูดต่อว่า “ถ้าเช่นนั้น…คุณชาย ข้อมูลอื่นๆ เกี่ยวกับพญาเพลิงยังต้องการอยู่หรือไม่”
“เอาสิ แน่นอนว่าเอา” มู่ชิงเกอกระตุกมุมปากราวกับกำลังยิ้มและไม่ยิ้มในขณะเดียวกัน