ตอนที่ 101-2
หอสรรพสิ่งผู้ฉลาดแกมโกง
มู่ชิงเกออยากจะรีบเข้าใจให้กระจ่างชัดเกี่ยวกับข้อมูลพญาเพลิง จึงไม่มีกะจิตกะใจไปเดินเล่นในตลาดเมืองจื้อ นางจึงเสนอให้กลับ
ในเมื่อแขกต้องการกลับ แน่นอนว่าสองพี่น้องตระกูลเว่ยที่เป็นเจ้าบ้านก็ไม่บีบบังคับแต่อย่างใด
เพราะฉะนั้น คนจำนวนหนึ่งที่ออกจากจวนมาอย่างเกรียงไกร หลังจากนั้นเป็นเวลา 1 ชั่วยาม ก็ได้หวนกลับมายังเรือนรับรองตระกูลเว่ยอีกครั้ง
ทันทีที่ถึงเรือนรับรองตระกูลเว่ย มู่ชิงเกอก็ขอตัวและเข้าไปภายในห้องของตนเอง ก่อนจะเปิดตำราม้วนทั้งหมดและเริ่มต้นอ่านข้อความเหล่านั้น
พูดได้ว่า ข้อมูลข่าวกรองของหอสรรพสิ่งคุ้มกับราคาเป็นอย่างมาก ในตำราม้วน มีเนื้อหาเกี่ยวกับชื่อ ที่มา อำนาจ และการจัดระดับของพญาเพลิง จากข้อมูลเหล่านี้
สิ่งที่ทำให้มู่ชิงเกอรู้สึกขบขันมากที่สุด เห็นจะเป็นด้านข้างของเอกสารที่มีตัวอักษรเล็กประหนึ่งมดตัวน้อยเขียนไว้ว่า [กรรมสิทธิ์การจัดระดับและคำ อธิบาย มีเพียงหอสรรพสิ่งเท่านั้นที่มี! ไฉ่]
คำพูดนี้ ทำให้มู่ชิงเกอสัมผัสได้ถึงการค้าขายแลกเปลี่ยนที่ยุติธรรม และคำว่า ‘ไฉ่’ ก็เห็นจะเป็นนามปากกาของใครคนหนึ่งเป็นแน่ และใครกันที่หลงตนเองมากถึงเพียงนี้ ถึงได้เขียนชื่อของตนเองในของซื้อของขายเช่นนี้
ในตำราม้วน มีพญาเพลิงบันทึกอยู่ทั้งหมด 10 ประเภท และ 5 ประเภทสุดท้ายถูกเขียนสัญลักษณ์ว่า
‘เอ็นไก่’
‘ขยะ’
เอาไว้ และคำอธิบายนี้ ก็ยิ่งทำให้รอยยิ้มตรงมุมปากของมู่ชิงเกอชัดเจนมากกว่า เดิม นางรู้สึกว่าคนเขียนตำราม้วนนี้ ช่างทำตามใจของตนเองมากไปเสียจริง เช่น พญาเพลิงลำดับที่ 6 ชื่อว่า เพลิงจี๋เล่อ มีคุณสมบัติเพียง 1 ประการ นั่นก็คือ คน และสัตว์ที่ถูกแสงจากเพลิงชนิดนี้สาดส่อง จะทำให้เกิดความรู้สึกมีความสุข นี่มันอะไรกัน! เพลิงจี๋เล่อ นี่มันสร้างมาเพื่อความตลกขบขันหรือไร อย่าเข้าใจผิด นี่ไม่ใช่สิ่งที่มู่ชิงเกอตีความเอง แต่มันระบุไว้บนตำราม้วนอย่างชัดแจ้ง
ดูเหมือนว่า นี่จะเป็นความคิดที่แตกต่างของผู้เขียนตาราม้วนเล่มนี้
พญาเพลิงเช่นนี้ยังถูกจัดอยู่ในระดับ 6 อีก 4 ประเภทจะด้อยถึงเพียงไหนเชียว
เพียงแค่มู่ชิงเกอกวาดสายตามอง จากนั้นนางก็หยุดความสนใจบน 5 ลำดับแรก
ก่อนหน้านี้ เหมิงเหมิงเคยบอกกับนางว่า พญาเพลิงถือกำเนิดในตอนที่ฟ้ากับดินก่อตัวขึ้นครั้งแรก นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติที่ต่างกันเพราะความหลากหลายของพญาเพลิง หากสามารถพบเจอกับพญาเพลิงที่มีธาตุคล้ายกับร่างกายของตนเอง และเข้าสู่กระบวนการการกระตุ้น จะทำให้สายโลหิตตื่นขึ้น หากโชคดี ไม่แน่ว่าจะสามารถทำให้สายโลหิตมีความสมบูรณ์แบบมากขึ้น
ในร่างกายของมู่ชิงเกอมีสายโลหิตแห่งการเป็นปรมาจารย์แห่งการหลอมสร้างไหลเวียนอยู่ ลักษณะเด่นของปรมาจารย์แห่งการหลอมสร้างน่าจะเป็นธาตุทองและไฟ
นอกจาก 5 ระดับสุดท้ายที่ไม่ได้เรื่องแล้ว 5 ลำดับแรกคือ เพลิงระดับเทพฮุ้นหยวน เพลิงปาฮวงซูคง เพลิงป๋ายกู่ เพลิงวิญญาณโยวหมิงและเพลิงเมฆสุริยา
ทั้งหมดนี้ เพลิงป๋ายกู่ เพลิงวิญญาณโยวหมิง เป็นธาตุเย็น ซึ่งไม่ตรงกับธาตุของมู่ชิงเกอ
ถ้าเช่นนั้น ก็เหลือเพียง 3 ชนิด
เมื่ออ่านตำราม้วนจนจบแล้ว มู่ชิงเกอก็โยนมันเข้าไปภายในช่องว่าง
เหมิงเหมิงที่กำลังผ่อนคลายและเบิกบานใจในขณะที่กำลังกินลูกอม…โอ้ใม่ใช่สิ เม็ดโอสถ ทันใดนั้นก็โดนตำราม้วนฟาดเข้าอย่างจัง จึงร้องเสียงดัง
นางหยิบ ‘ผู้ก่อการร้าย’ ขึ้นมาในทันทีและ ยึดคอขึ้นมาตะโกนว่า “หนูบาดเจ็บ เจ้านายต้องรับผิดชอบ! โอสถ! โอสถ! หนูต้องการโอสถ!”
“เงียบ” มู่ชิงเกอยังไม่ทันได้เข้าสู่ช่องว่าง เสียงก็ได้ดังขึ้นมาก่อน ราวกับสามารถสัมผัสได้
เสียงของเหมิงเหมิงขาดหายไป หดคอกลับไปและไม่พูดอะไรอีก เพียงแค่พึมพำในใจว่า “เป็นเด็กดีต้องไม่เถียงเจ้านาย! เป็นเด็กดีต้องไม่เถียงเจ้านาย!”
“อ่านตำราม้วนทั้งหมดนั้นซะ” มู่ชิงเกอพูดขึ้นอีกหน
เหมิงเหมิงรีบเปิดตำราม้วนและอ่านข้อความทั้งหมดอย่างรวดเร็ว หลังจากที่อ่านจบแล้ว นางก็เงยหน้าขึ้นและพูดว่า “รายงานเจ้านาย เหมิงเหมิงที่น่ารักอ่านจบแล้ว”
“เป็นอย่างไรบ้าง” มู่ชิงเกอถาม
เหมิงเหมิงขมวดคิ้วและพูดราวกับมีเรื่องอะไรใหญ่โต “ฮู้ว เหมิงเหมิงคิดว่าคนเขียนเจ้านี่ ต้องเป็นเจ้าบ้าที่หลงตัวเองมากแน่ๆ! และคิดว่าคนผู้นั้นช่างปากคอเราะร้าย แม้กระทั่งพญาเพลิงยังไม่เว้น”
ใบหน้าของมู่ชิงเกอมืดมนลง พลันกัดฟันพูดว่า “ใครถามเจ้าเรื่องนี้”
“ถ้าเช่นนั้น เจ้านายต้องการถามอะไร” เหมิงเหมิงกะพริบตาหลายหน ใบหน้าเต็มไปด้วยความใสซื่อไร้เดียงสา
“พญาเพลิง!” มู่ชิงเกอราวกับเปล่งคำเหล่านี้ออกจากร่องฟัน
“อ่อ! พญาเพลิงนั้นเอง” เหมิงเหมิงราวกับ เพิ่งจะกระจ่าง หลังจากที่ได้รับแรงกดดันและโทสะจากมู่ชิงเกอ จึงรีบพูดว่า “ฮู้ว แม้จะพญาเพลิงที่ระบุในเอกสารเหล่านี้จะอยู่ในขั้นที่ไม่สูงมากนัก แต่ก็เพียงพอที่เจ้านายจะใช้ได้”
“หมายความว่าอย่างไร” ในใจของมู่ชิงเกอแฝงความตื่นตระหนก เพราะรับรู้ถึงอะไรบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในคำพูดของเหมิงเหมิง
เหมิงเหมิงโยนโอสถเม็ดหนึ่งเข้าไปในปาก แล้วเคี้ยวตุ่ย พลางพูดอย่างกำกวมไม่ชัดเจนว่า “เหมิงเหมิงเองก็จำไม่ค่อยได้ แต่พญาเพลิงในความทรงจำ ไม่ได้มีเท่านี้ แต่ว่า เจ้านายเพียงแค่ต้องการกระตุ้นสายโลหิต ใช้เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว”
มู่ชิงเกอเม้มปากและขมวดคิ้ว
ไอ้เฒ่าประหลาดเคยบอกว่า เหนือผืนดินแผ่นนี้ยังมีอาณาจักรอันกว้างขวาง รวมทั้ง สายม่วงขั้นสูงของหลินชวน เมื่ออยู่ที่นั่นก็ยังถือว่าอ่อนอยู่
เช่น เหล่ายอดฝีมือที่เข้ามาเยือนหลินชวน…
ถ้าเช่นนั้นก็หมายความว่า พญาเพลิงที่บันทึกอยู่ในตำราม้วนนี้มีเพียงในหลินชวนจริงๆหรือในอาณาจักรอันกว้างใหญ่ไพศาลที่อยู่ภายนอกหลินชวน จะมีพญาเพลิงที่ทรงพลังมากกว่าหรือไม่
แต่ทว่า อย่างที่เหมิงเหมิงบอก เป้าหมายหลักที่นางตามหาพญาเพลิงนั้นคือเพื่อกระตุ้นสายโลหิต หากสำเร็จลุล่วงตามเป้าหมายแล้ว แล้วจะไปคาดหวังกับพญาเพลิงที่ซึ่งไม่สามารถเป็นได้ไปเพื่อเหตุใด
ไม่ว่าอย่างไร ในหนทางแห่งการค้นหาพญาเพลิงนี้ อย่างน้อยก็มีเป้าหมายชัดเจนแล้ว
กะพริบตาสองที มู่ชิงเกอจึงถามว่า “5 ระดับแรกที่จัดระดับ มี 2 ระดับที่เป็นธาตุเย็น คงจะไม่สามารถกระตุ้นสายโลหิตของข้าได้ เพราะฉะนั้นจึง เหลือเพียง 3 ระดับ…”
“เพลิงฮุ้นหยวน นั้นไม่มีธาตุที่แน่นอน ตอนนี้ ท่านยังไม่ต้องใช้ เหลือเพียงแค่เพลิงปาฮวงซูคงที่เป็นธาตุทองและเพลิงเมฆสุริยาที่เป็นธาตุไฟ เจ้านายจะใช้
อันไหนก็ได้” เหมิงเหมิงถามต่อไป
เพลิงปาฮวงซูคง เพลิงเมฆสุริยาอันหนึ่งอยู่ ในอันดับที่ 2 และอีกอันคืออันดับที่ 5
มู่ชิงเกอเงียบลง
บนตำราม้วน พญาเพลิงทุกประเภทต่างก็มีพลังเวทที่ชำนาญในเรื่องการซ่อนตัวและการลวงตาแม้ จะรู้ว่ามันอยู่ที่ไหน แต่หากจะหาให้พบก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก
‘ตอนนี้หวังเพียงว่า จะสามารถทำภารกิจการคุ้มกันให้สำเร็จ ก็จะได้รับเบาะแสที่แม่นยำ เกี่ยวกับพญาเพลิง 2 ชนิดนี้’ มู่ชิงเกอคิดในใจ
“เจ้านาย โอสถที่ต้องใช้ในขณะที่รับพญาเพลิงเข้าสู่ร่างกาย ท่านได้เตรียมพร้อมหรือยัง ให้เหมิงเหมิงไปเตรียมวัตถุดิบให้ท่านปรุงยาตอนนี้ดีไหม”
คำพูดประโยคก่อนหน้านี้ของเหมิงเหมิง ทำให้มู่ชิงเกอรู้สึกดี เพราะอย่างน้อยเจ้านี่ก็เป็นห่วงนางมิใช่หรือ แต่ทว่า คำพูดประโยคหลัง กลับทำให้นางรู้สึกว่ามันมีอะไรไม่ชอบมาพากล
เจ้านี่เป็นห่วงนางที่ไหนกันล่ะ เพียงแค่ ตะกละ จึงหาเหตุผลให้นางปรุงยาก็เท่านั้น
ในใจของมู่ชิงเกอนั้นปฏิเสธ แต่ทว่าพอสบตากับตาดวงโตอันเป็นประกาย สุดท้ายก็ถูกโน้มน้าวจนได้
ก็แค่ปรุงยา อย่างไรก็ตามยิ่งปรุงมากเท่าไหร่ ก็จะช่วยให้ทักษะการปรุงยาหลอมโอสถของตนเอง พัฒนามากขึ้นมิใช่หรือ
แต่ทว่า หากพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในหอสรรพสิ่งในวันนี้ ทำให้นางรู้ว่าในบรรดาโอสถที่นางหลอมออกมานั้น มีจำนวนมากที่ภายนอกไม่รู้จัก
ทำให้นางมองเห็นช่องทางการทำงานที่ต้องรุ่งเรืองเป็นแน่!