ตอนที่ 101-4
หอสรรพสิ่งผู้ฉลาดแกมโกง
เว่ยฉีเองก็นั่งลง พร้อมทั้งถามด้วยใบหน้าอันเย็นเยียบว่า “คุณชายจูผู้นั้นเป็นใครกัน เหตุใดแม่นางเหลียนเอ๋อร์ต้องเกรงกลัวเขามากถึงเพียงนั้น”
พี่น้องตระกูลเว่ยต่างก็ถามเพราะความอยากรู้
แต่ทว่า มู่ชิงเกอกลับนั่งนิ่งราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น พลางมองเหลียนเอ๋อร์ที่กำลังชงชาด้วยดวงตาที่ฉายแววสนใจ
ท่าทางการชงชาของเหลียนเอ๋อร์นั้นคล่องแคล่วและสง่างาม เมื่อได้ยินคำถามจากเว่ยฉี นางจึงผุดรอยยิ้มจางๆ เผยให้เห็นลักยิ้มเล็กๆ ที่น่าเย้ายวน เป็นอย่างมาก “ก็ไม่ได้ถือว่าเกรงกลัว แต่ว่าหอสรรพสิ่งนั้นไม่ชอบความเดือดร้อน ไม่ชอบความวุ่นวาย อีกทั้งเพราะว่าคุณชายจูมีความสัมพันธ์อันดีกับเชื้อพระวงศ์แคว้นลี่ ถือว่าเป็นผู้มีอำนาจคนหนึ่ง ด้วยอุปนิสัยของเขาที่เป็นเช่นนี้ เราจึงไม่อยากจะถือสาเขา เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ ขอให้ทั้งสามท่านโปรดอย่าถือโทษ พวกท่านวางใจเถิด เมื่ออยู่ในหอสรรพสิ่งนี้ เขาก็เพียงเก่งแต่ปาก”
“ที่แท้ก็มีพระญาติพระวงศ์คอยหนุนหลังนี้เอง” เว่ยฉีพูดอย่างไม่พอใจ
สำหรับเขาแล้ว มีความสัมพันธ์อันดีกับเชื้อพระวงศ์มิได้เป็นเรื่องที่น่ายกย่องมากนัก เพราะท่านพ่อของเขาก็เป็นถึงเจ้าเมืองเมืองถัว ยอดฝีมือที่มีชื่อเสียงของแคว้นลี่ ที่แม้แต่ฮ่องเต้แคว้นลี่ยังต้องเกรงใจ
เว่ยกว่านกว่านกลับพูดตรงๆ ด้วยสายตาอันแข็งกร้าวว่า “หึ ก็เป็นแค่เพียงสุนัขตัวหนึ่งที่หลงระเริงอยู่ในอำนาจเท่านั้น ข้าก็นึกว่าจะมีอะไรดี”
“ข้าเองก็ลืมนึกถึงฐานะของทั้งสองท่านไป แน่นอนว่าเขาเปรียบกับท่านไม่ได้เลยแม้แต่น้อย มีสุภาษิตกล่าวว่า ผู้มีอำนาจมักจะไม่ข่มเหงรังแกผู้ที่ด้อยกว่า ฐานะของท่านทั้งสองนั้นสูงส่ง ไม่จำเป็นต้องถือสาคนอย่างเขาหรอกเจ้าค่ะ” เหลียนเอ๋อร์พูดพร้อมรอยยิ้ม
“คำพูดทั้งหมดของเหลียนเอ๋อร์นั้น ราวกับกำลังแก้ตัวให้กับคุณชายจูผู้นั้น ดูเหมือนว่าอุปนิสัยอันหยิ่งสโยของคุณชายจู ส่วนหนึ่งถือเป็นผลงานของหอสรรพสิ่ง” มู่ชิงเกอที่ฟังอยู่ข้างๆ มาครู่หนึ่งพูดขึ้นอย่างกะทันหัน
เหลียนเอ๋อร์อึ้งไปครู่หนึ่ง ริมฝีปากอันเรียวเล็กผุดรอยยิ้มให้กับมู่ชิงเกอ ในดวงตานั้นแฝงความตื่นตระหนก “คุณชายก็พูดเล่นไปได้”
“งั้นรึ? ข้าไม่เคยพูดเล่น” มู่ชิงเกอกระตุกมุมปากเบาๆ พลันยกถ้วยนํ้าชาขึ้นมาจรดบริเวณริมฝีปากแล้วเป่าไอร้อนให้กระจายออกไป พร้อมบรรจงดื่มช้าๆ
เว่ยกว่านกว่านถามอย่างไม่เข้าใจว่า “หมายความว่าอย่างไร”
นางไม่เข้าใจ แต่เว่ยฉีกลับเข้าใจ จึงอุทาน ‘หึ’ คำหนึ่ง ก่อนจะอธิบายให้กับน้องสาวว่า “ความหมายของมู่เกอนั้นชัดเจนเป็นอย่างมาก คุณชายจูเย่อหยิ่งมากถึงเพียงนี้ แต่ว่าหอสรรพสิ่งยังคงตามใจเขา นานไปก็จะยิ่งทำให้เขาคิดว่าตนเองนั้นเก่งกาจ ไม่มีใครกล้าทำอะไรเขามิใช่หรือ ช่างเป็นกระบวนท่าสังหารที่ยอดเยี่ยมโดยแท้!”
คำอธิบายเช่นนี้ เว่ยกว่านกว่านเข้าใจ
วิธีการพยายามไกล่เกลี่ยอีกฝ่ายเพื่อยุติความขัดแย้งเช่นนี้ ทำให้อุปนิสัยของคุณชายจูแย่ลง และเย่อหยิ่งขึ้นเรื่อยๆ หากวันนี้เขาเกิดไปทำให้คนมีอำนาจไม่พอใจ สิ่งที่เขาต้องเจอก็คือการตอบโต้อย่างรุนแรงและหอสรรพสิ่งผู้ก่อให้เกิดเรื่องราวทั้งหมดกลับสามารถนั่งมองทุกอย่างอย่างนิ่งสงบโดยไม่ได้รับผล กระทบอันใด
“พวกเจ้าช่างเจ้าเล่ห์เสียจริง!” เว่ยกว่านกว่านมองเหลียนเอ๋อร์อย่างแปลกใจ
เหลียนเอ๋อรักระตุกมุมปากอย่างอึดอัด หลบตามู่ชิงเกอราวกับรู้สึกกลัว
คุณชายมู่ท่านนี้ช่างเก่งกาจเสียจริง เพียงแวบเดียวก็กระจ่างในแผนการของเจ้านายเสียแล้ว
ความอึดอัดและการหลบหลีกทั้งหมด ล้วนอยู่ในสายตาของมู่ชิงเกอ นางผุดรอยยิ้มและพูดว่า “ดูเหมือนว่า คุณชายจูท่านนี้เคยล่วงเกินคนใหญ่คนโตของหอสรรพสิ่งโดยไม่รู้ความ อีกฝ่ายกลับไม่อาจลงมือโต้ตอบได้ จึงอยากจะยืมมือคนนอกให้มาจัดการ เพราะเช่นนี้เป็นวิธีที่ทำให้หอสรรพสิ่งเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่มีใครสามารถกล่าวหาหอสรรพสิ่งได้ ช่างเป็นวิธีการที่ชาญฉลาดยิ่งนัก ไม่เพียงแค่ดำเนินการอย่างคล่องแคล่วแต่ยังมีความอดทนในการรอ ช่างเจ้าคิดเจ้าแค้นเสียจริง” เมื่อพูดถึงประโยชน์สุดท้าย ในส่วนลึกของสายตาอันสว่างไสวของมู่ชิงเกอ พลันมีแสงประกายเกิดขึ้น เพราะนางรับรู้ได้ว่าผู้ที่วางแผนการทั้งหมดนี้ มี อุปนิสัยที่คล้ายคลึงกับนาง
ผู้ที่ไม่เคยแม้กระทั่งพบเจอคนนี้ กลับกระตุ้นความสนใจของนางเป็นอย่างมาก เพียงเพราะแผนการนี้
เหลียนเอ๋อร์มองมู่ชิงเกออย่างตื่นตระหนก คำพูดของมู่ชิงเกอทำให้นางราวกับโดนสายฟ้าฟาดใส่ก็ไม่ปาน
ตรรกะการจัดระเบียบแบบแผนที่ชัดเจน การวิเคราะห์อย่างแม่นยำและรอยยิ้มที่ดูมั่นใจ เหมือนกับเจ้านายของนางไม่มีผิด ในโลกนี้มีคนสามารถมองทะลุความคิดอันซับซ้อน ความฉลาดอันเหลือล้น การคาดการณ์ที่แม่นยำ และความสามารถอันเพียบพร้อมได้อย่างง่ายดายเช่นนี้เชียวหรือ?!
เมื่อเห็นอาการของเหลียนเอ๋อร์ รอยยิ้มของมู่ชิงเกอก็ชัดเจนมากกว่าเดิม “ดูเหมือนว่า จะเป็นอย่างที่ข้าพูด”
ในตอนนี้ เหลียนเอ๋อร์ตื่นตระหนกจนพูดอะไรไม่ออก
ส่วนพี่น้องตระกูลเว่ยเอง ตอนนี้ก็ตาเป็นประกาย ใบหน้าเต็มไปด้วยความชื่นชมที่มีต่อมู่ชิงเกอ
“มู่เกอ ท่านเก่งมากเลย!” ส่วนลึกในดวงตาของเว่ยกว่านกว่านเต็มไปด้วยความคลั่งไคล้
เว่ยฉีเองก็มองนางอย่างเลื่อมใสศรัทธา “มู่เกอท่านฉลาดมาก หากท่านเป็นหญิงคงจะดี!”
“ไอ้เว่ยฉี!”
ใบหน้าของมู่ชิงเกอเพิ่งจะมืดมนลง ฝ่ามือของเว่ยกว่านกว่านก็ได้กระทบลงแผ่นหลังของเว่ยฉีอย่างสุดแรง
“ชมการประมูลเถิด” มู่ชิงเกอพูดด้วยใบหน้าอันดำคลำ
ในขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกัน งานประมูลชั้นล่างก็ได้เริ่มขึ้นแล้ว
เมื่อเห็นว่ามู่ชิงเกอไม่คิดจะคุยเรื่องนั้นต่อ เหลียนเอ๋อรจึงแอบโล่งใจ การอยู่กับผู้รอบรู้ มันช่างน่าอึดอัดและน่ากลัวมากเหลือเกิน ใช่หรือไม่!
งานประมูลของหอสรรพสิ่ง ไม่มีการแนะนำรายการของที่เข้าร่วมการประมูล เพื่อความลึกลับน่าค้นหา
ในตอนนี้ ชั้นล่างกำลังประมูลแก่นสมองลูกหนึ่งของสัตว์สายน้ำเงิน แก่นสมองเช่นนี้ ในแคว้นระดับสามแล้วถือว่าหายากมากและการที่เปิดการประมูลของ ชิ้นนี้ เป็นการบ่งบอกว่าการประมูลในรอบต่อๆ ไปมีมูลค่าไม่ธรรมดาเป็นแน่
กวาดสายตาผ่านแก่นสมองสัตว์ระดับสายนํ้าเงิน มู่ชิงเกอแอบมีความหวังเล็กน้อย
สำหรับของเหลวเย็น ก็ยังไม่รู้ว่าจะได้ เบาะแสภายในงานของหอสรรพสิ่งครั้งนี้หรือไม่
มู่ชิงเกอเอามือเท้าคาง เม้มปากชมการประมูลที่เกิดขึ้นชั้นล่าง เพียงแค่ชมเท่านั้น มิได้เข้าร่วม
ในที่สุด แก่นสมองของสัตว์ระดับสายนํ้าเงิน ก็ถูกประมูลไปในราคาหนึ่งล้านตำลึงทอง
แก่นสมองสัตว์ใช้ทำอะไรได้บ้าง?
เท่าที่มู่ชิงเกอรู้ สามารถนำมาปรุงยาและสร้างหลอมอาวุธได้ อีกประการหนึ่งก็คือ สามารถรับพลังของมันเข้าสู่ร่างกายเพื่อเป็นการฟื้นตัว
สิ่งที่ประมูลต่อจากนั้น ล้วนเป็นสิ่งที่ลํ้าค่า แต่กลับไม่ใช่สิ่งที่มู่ชิงเกอต้องการ เพราะฉะนั้น นางจึงมิได้ทำอะไร
ในตอนแรกเว่ยกว่านกว่านที่ตื่นเต้นเป็นอย่างมากพูดกับมู่ชิงเกอว่า “มู่เกอ ท่านมีอะไรที่อยากได้หรือไม่”
มู่ชิงเกอส่ายหน้า