Skip to content

พลิกปฐพี 102-5

ตอนที่ 102-5

จัดการกับเจ้าไม่ได้!

หลังจากที่ได้เล่าเรื่องราวอย่างคร่าวๆ ทั้งหมดให้กับลุงโจวฟังรอบหนึ่งแล้ว มู่ชิงเกอจึงกล่าวในสิ่งที่ตนเองได้ตัดสินใจเอาไว้ “ลุงโจว ข้าเป็นต้นเหตุของเรื่องราวทั้งหมดนี้ ไม่จำเป็นต้องทำให้ตระกูลเว่ยต้องมาเดือดร้อน ข้ามีวิธีรับมือ ถ้าหากมีเว่ยฉีและเว่ยกว่านกว่านอยู่ด้วย เกรงว่าจะไม่สะดวก เพื่อความปลอดภัยของพวกเขา ข้าขอให้ลุงโจวจับตาดูพวกเขาอย่างใกล้ชิด”

หลังจากที่ฟังจบแล้ว ใบหน้าของลุงโจวเองก็ฉายแววเคร่งเครียดขึ้นมา เขาเห็นด้วยกับคำพูดของมู่ชิงเกอ แต่ก็ถามด้วยความเป็นห่วงว่า “พวกเขาเป็นผู้มีอำนาจของเมืองจื้อเชียวนะ ท่านจะเอาตัวรอดอย่างไร” ในขณะที่พูด เขาหยุดคิดแวบหนึ่ง แล้วจึงพูดในสิ่งที่ได้ตัดสินใจแล้วว่า “ท่านเป็นทั้งผู้มีพระคุณและเป็นทั้งสหายของคุณชายและคุณหนูของเรา หากไม่มีทางออกจริงๆ ข้าจะเชิญให้ท่านเจ้าเมืองออกมาออกหน้าแทน”

เว่ยหลินหลางอย่างนั้นหรือ

หากดึงเว่ยหลินหลางเข้ามายุ่ง ทุกอย่างจะเป็นเรื่องใหญ่มากขึ้นกว่าเดิม

มู่ชิงเกอส่ายหน้าปฏิเสธ พลันพูดอย่างแน่วแน่ว่า “ไม่เป็นไร ข้าสามารถจัดการได้”

เมื่อเห็นว่านางยืนยันเช่นนั้น ลุงโจวเองก็ไม่ได้โน้มน้าวต่อ และเสนอให้แบ่งองครักษ์ตระกูลเว่ยไปคอยคุ้มครองมู่ชิงเกอ

แต่มู่ชิงเกอก็ปฏิเสธไปเช่นเดิม

สำหรับองครักษ์ นางเชื่อใจเพียงแค่ความสามารถขององครักษ์เขี้ยวมังกรของนางเท่านั้น

แม้ว่าเหล่าองครักษ์ของตระกูลเว่ย ต่างก็เป็นถึงสายเหลือง สายเขียว แต่หากเทียบกับองครักษ์เขี้ยวมังกรแล้วยังด้อยกว่าอยู่บ้าง

ในตอนนี้ นางมีองครักษ์เขี้ยวมังกรอยู่กลุ่มหนึ่ง นั้นก็คือ 20 กว่าคน แม้ว่าจำนวนคนจะน้อย แต่ทว่า มีความคล่องตัวสูง ชาติที่แล้วนางเพียงคนเดียวก็ยังสามารถจัดการกับผู้มีอำนาจจำนวนมากมายจนหัวหมุนได้ ในตอนนี้นางมีกำลังเสริม จะต้องกลัวผู้มีอำนาจเพียงคนเดียวของเมืองจื้ออย่างนั้นหรือ

หลังจากที่บอกลาลุงโจวแล้ว มู่ชิงเกอก็กลับไปยังเรือนรับรอง และเรียกตัวมั่วหยางออกมาในทันที

เพียงครู่เดียว มั่วหยางก็ออกจากเรือนไป

ในขณะเดียวกัน องครักษ์เขี้ยวมังกรคน อื่นๆ ก็รีบออกจากเรือนรับรองและกระจายไปทั่วทั้งเมืองจื้อ

เรื่องนี้จะล่าช้าไม่ได้ มู่ชิงเกอคิดจะออกเดินทางตั้งแต่คืนนี้

สำหรับผู้คนที่คิดไม่ซื่อกับนาง ไม่ว่าจะมีมากแค่ไหน ก็ต้องสังหารทั้งหมด แต่ว่า…

มู่ชิงเกอหยุดสายตาบนแผนที่ที่วางอยู่บนโต๊ะ

ที่ๆ นางวางปลายนิ้วลง คือตำแหน่งของเมืองอวี้จื้อ ดูเหมือนว่านางเองก็ควรจะเตรียมของขวัญชิ้นโตไว้ให้กับคนที่นางกำลังจะไปพบเสียหน่อยแล้ว เช่นนี้จึงจะไม่เป็นการเสียมารยาทสำหรับการพบกันครั้งแรก!

มู่ชิงเกอหรี่ตาอย่างลงช้าๆ ในดวงตาที่หรี่แคบพลันปรากฏความเย็นเยียบ

ในขณะนั้นเอง ผู้มีอำนาจจำนวนไม่น้อยในเมืองจื้อ ต่างก็ได้รับข่าวคราวแล้ว

เจ้าของโอสถที่ประมูลในงานประมูลของหอสรรพสิ่ง เป็นชายหนุ่มที่อายุยังน้อย สวมชุดสีแดงเจิดจ้า อีกทั้งยังมีรูปลักษณ์งดงามคนหนึ่ง ข้างๆ กายเขามีคุณหนูและคุณชายแห่งเมืองถัวติดตามอยู่ด้วย

ทันใดนั้น ผู้มีอำนาจจำนวนนับไม่ถ้วนต่างก็พยายามสืบหาเบื้องหลังของมู่ชิงเกอจากทุกช่องทาง แต่ ก็ไม่ได้รับผลลัพธ์อันใดเลย

มนุษย์ แน่นอนว่า ไม่ได้ตกลงมาจากฟากฟ้า

ถ้าเช่นนั้น ที่ผลลัพธ์เป็นเช่นนี้มีเพียงเหตุผลเดียว นั้นก็คือ เขาไม่ใช่คนแคว้นลี่

ในเมื่อไม่ใช่คนแคว้นลี่ แล้วพวกเขายังจะต้องกังวลอะไรอีกเล่า

เว่ยหลินหลาง แม้ว่าจะเก่งกาจมากเพียงใด แต่ที่นี่ก็ไม่ใช่เมืองถัวของเขา เขาคงไม่คิดจะต่อต้านเมืองจื้อ เพียงเพราะชายหนุ่มคนนั้นคนเดียวหรอก

ทันใดนั้น เมืองจื้อก็ตกอยู่ท่ามกลางความอลหม่านในทันที

ผู้มีอำนาจแทบจะทุกคนที่โลภในโอสถเก้าชีวิตหวนคืน ต่างก็แอบส่งคนออกไปสังเกตการณ์ยังเรือนรับรองตระกูลเว่ยอย่างใกล้ชิด หากจะพูดให้ชัดเจน คือไปจับตาดูความเคลื่อนไหวของมู่ชิงเกอ

เมื่อข่าวถูกส่งไปถึงจวนตระกูลจู หลังจากที่รู้ว่าผู้ที่แข่งขันกับตนเอง คือคนเดียวกับไอ้คนจนที่ขัดแย้งกับตนเองหน้าประตูหอสรรพสิ่ง จูลี่ก็ทำลายข้าวของไปไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่

“สั่งเรียกตัวทุกคนกลับมา! ข้าจะทำให้ไอ้เด็กนั่นไม่สามารถออกจากเมืองจื้อได้อีกตลอดไป!” จูลี่พูดด้วยนํ้าเสียงที่โหดเหี้ยม ในสายตาอันเย็นเยียบ ฉายแววชั่วร้าย

เมืองจื้อ จวนตระกูลเก๋อ

ตระกูลเก๋อได้รับรู้ข่าวคราวเกี่ยวกับเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในเมืองจื้อแล้ว

ตามหลักแล้ว มู่ชิงเกอถือเป็นผู้มีพระคุณของคนในตระกูลเก๋อ ในตอนนี้ ผู้มีพระคุณกำลังเดือดร้อน ตระกูลเก๋อควรเลือกที่จะทำอย่างไรดี

ท่านเก๋อนั่งขมวดคิ้วอยู่ใต้แสงเทียน ราวกับกำลังวิเคราะห์ถึงปัญหานี้อย่างเคร่งเครียด

ครู่หนึ่ง ประตูห้องก็ถูกผลักออก คุณชายเก๋อเดินเข้ามาโดยมีคนคอยพยุง “ท่านพ่อ”

ท่านเก๋อเงยหน้าขึ้น และรีบพูดว่า “เหตุใดเจ้าจึงไม่นอนพัก ออกมาทำอะไรที่นี่”

“ข้ามาหาท่านพ่อ” คุณชายเก๋อพูดหลังจากที่นั่งลง

“มาหาข้าทำไม’’ ท่านเก๋อพยายามจะหลบสายตาของคุณชายเก๋อ

แต่ทว่า คุณชายเก๋อกลับไม่ยอมให้มีโอกาสได้หลบ “ท่านพ่อไม่คิดที่จะลงมือช่วยหรือ เขาเป็นผู้มีพระคุณของข้าเชียวนะ”

ใบหน้าของท่านเก๋อเคร่งขรึมในทันที “คนผู้นั้นปฏิเสธคำขอบคุณจากข้า ซึ่งก็ชัดเจนแล้วว่าเขาไม่อยากจะรู้จักกับตระกูลเก๋อของเรา หากเป็นเช่นนั้นแล้ว เหตุใดเราต้องไปทำให้ตนเองเดือดร้อนด้วย”

“ท่านพ่อ!” คุณชายเก๋อขมวดคิ้วเล็กน้อย

ท่านเก๋อกลับยกมือขึ้นและพูดว่า “ข้าเป็นประมุขของตระกูล จำเป็นต้องคิดถึงวงศ์ตระกูลก่อนเป็นอันดับแรก คนผู้นั้นมีที่มาที่ไม่ชัดเจน และไม่รู้ฐานะที่แท้จริงของเขา เมื่อเกิดเรื่องขึ้นแล้วเขาสามารถหลบหนีไปได้อย่างง่ายดาย แล้วตระกูลเก๋อล่ะ รากฐานของเราอยู่ที่เมืองจื้อ เราจะยอมทำให้ผู้มีอำนาจของ เมืองจื้อมีโทสะโดยมีต้นเหตุมากจากคนนอกอย่างนั้นหรือ เรื่องนี้ ข้าได้ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่เข้าไปยุ่งเป็นแน่! ”

คำพูดของท่านพ่อ ทำให้คุณชายเก๋อเงียบลง

แม้ว่าเขาจะไม่จำยอม แต่ทว่าสิ่งที่ท่านพ่อคิดก็ล้วนเป็นความจริง

พักใหญ่ เขาจึงถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้ว จึงออกจากห้องของท่านพ่อโดยที่ยังคงมีคนคอยพยุง

“คืนนี้ เมืองจื้อคงไม่สงบสุขเป็นแน่” ท่านเก๋อเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่ประดับไปด้วยดวงจันทร์และดวงดารา พลางทอดถอนใจออกมาจากส่วนลึกในใจ!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version