Skip to content

พลิกปฐพี 103-3

ตอนที่ 103-3

ผู้อาวุโส ช่างแปลกคนเสียจริง!

คํ่าคืนอันเงียบสงบ ตกอยู่ในความอลหม่านเพราะเหตุนี้ในทันที

ตัวแทนของผู้มีอำนาจจากทั่วทุกสารทิศของเมืองจื้อ ในที่สุดก็มารวมตัวกันเป็นพลังอันมหาศาลและพุ่งออกนอกเมืองไป

และในขณะนี้เอง จูลี่ก็ได้ทราบเรื่องราวทั้งหมดและรีบสั่งให้คนของตนเองมารวมตัวกัน พลันต่อว่าหัวหน้ากลุ่มในทันที “มันหนีออกนอกเมืองไปแล้ว เจ้ายังจะ เฝ้าอยู่ที่เรือนรับรองตระกูลเว่ยไปทำไมอีก ไอ้หมูโง่ไร้ประโยชน์!”

ผู้ที่ถูกด่าว่าโง่เขลานั้นเป็นถึงผู้มีฝีมือที่อยู่ในสายครามคนหนึ่ง ในตอนนี้กลับถูกไอ้คนที่เป็นเพียงสายเหลืองด่าทอ แน่นอนว่าจะต้องรู้สึกไม่พอใจ แต่ทว่า ทันทีที่นึกถึงเบื้องหลังของอีกฝ่าย เขาก็ทำได้เพียงอดทนเอาไว้ “คุณชาย ข้าน้อยเกรงว่าจะเป็นแผนล่อเสือออกจากถํ้าขอรับ”

บอกเหตุผลที่ตนเองไม่ตามออกไป ตอนแรกคิดว่าจะสามารถดับเปลวเพลิงแห่งโทสะของเจ้านายได้

แต่ไม่คิดว่า จูลี่กลับพูดด้วยความเกรี้ยวกราดมากกว่าเดิม “ล่อเสือออกจากถํ้าอย่างนั้นหรือ เจ้าคิดว่ามีเพียงเจ้าที่ฉลาด ส่วนคนอื่นๆ ต่างเป็นคนโง่อย่างนั้นรึไง ข้าจะบอกเจ้าไว้ตรงนี้เลยนะว่า ผู้มีอำนาจคนอื่นๆได้ แอบสอดส่องภายในเรือนรับรองตระกูลเว่ยและพบว่าไอ้หนุ่มตระกูลมู่นั่นได้ออกจากเรือนรับรองไปตั้งนานแล้ว!”

ในขณะนี้ผู้เป็นหัวหน้าจึงกระจ่างว่าตนเองทำอะไรผิด สีหน้าของเขาพลันเปลี่ยนไปในทันที และรีบกล่าวว่า “ข้าน้อยจะนำกำลังคนตามออกไปในทันที!”

“เดี๋ยว!” จูลี่สั่งห้ามด้วยใบหน้าดำคลํ้า สายตาของเขาราวกับสุมไปด้วยความอาฆาตแค้น “ครั้งนี้ ข้าจะไปกับเจ้า ข้าอยากจะเห็นจุดจบอันเจ็บปวดทรมานของ ไอ้หนุ่มนั่นและยังมีเงินของข้าอีก ข้าจะทวงกลับคืนมาทั้งหมด!”

สำหรับข้อเสนอของจูลี่ หัวหน้ากลุ่มมิได้ปฏิเสธแต่อย่างใด

ในความคิดของเขา มู่ชิงเกอเป็นเพียงแค่เด็กหนุ่มอายุ 10 กว่าปี ถึงจะเก่งกาจแต่ก็คงจะไม่มากนัก และแม้พลังเวทจะสูง แต่มากที่สุดก็คงจะอยู่ในระดับสายเขียว เท่านั้น ถูกผู้มีอำนาจทั่วทั้งเมืองจื้อตามล่าเช่นนี้ จะสามารถหนีเอาตัวรอดไปได้อย่างไร

แม้ว่าข้างๆ เขาจะมีคนคอยช่วย แต่ทว่าคนเหล่านั้นไม่ใช่คู่แข่งของผู้มีอำนาจทั่วทั้งเมืองจื้อเป็นแน่ จากที่ได้คาดการณ์เอาไว้ และรู้สึกว่ามู่ชิงเกอไม่มีทางจะหนีรอดไปได้ หัวหน้ากลุ่มจึงได้พาทุกคนออกจากจวนตระกูลเว่ยและมุ่งออกนอกเมืองไปอย่างเร่งรีบ ในขณะเดียวกัน ภายในหอสรรพสิ่งที่ตั้งอยู่ในเมืองจื้อ บนยอดสูงสุดของหอ ตานเฉินจื่อกำลังยืนรับสายลมที่พัดเข้าหาด้วยใบหน้าแดงปลั่ง ในมือทั้งสองข้างของเขา ถือนํ้าชาร้อนๆเอาไว้ ชมทิวทัศน์เมืองจื้อในยามคํ่าคืน ด้วยความสุขอย่างไม่อาจจะอธิบายเป็นคำพูดได้

ครู่หนึ่ง ชูเซิงก็ขึ้นมาบนดาดฟ้า ยืนอยู่ข้างหลังตานเฉินจื่อ

เมื่อสัมผัสได้ว่ามีคนมาอยู่ข้างหลังตัว ตานเฉินจื่อจึงเอ่ยถามว่า “เจ้านายออกไปแล้วหรือ”

ชูเซิงส่งเสียง ‘อืม’ คำหนึ่ง ก่อนจะตอบว่า “เจ้านายออกจากเมืองจื้อตั้งแต่หัวคํ่า แต่ทว่า ก่อนจากไปได้สั่งให้ให้ท่านรายงานเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในเมือง จื้อตอนที่เจ้านายไม่อยู่ตามความเป็นจริง”

“รู้แล้ว รู้แล้ว” ตานเฉิงจื่อสะบัดแขนด้วยความรำคาญ และพูดอย่างจำนนว่า “ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดพ่อหนุ่มน้อยมู่นั่นจึงดึงดูดความสนใจจากเจ้านายได้ และยังทำ ให้ท่านทั้งจับตามองและคิดกลั่นแกล้งเช่นนี้”

ชูเซิงกระตุกมุมปาก พลางคิดในใจว่า ในตอนนี้คุณชายมู่ผู้นั้นถูกผู้มีอำนาจทั่วทั้งเมืองจี้อตามล่า เป็นเพราะเจ้านายคนเดียว สำหรับเจ้านายแล้ว อาจจะเป็นเพียงการกลั่นแกล้ง แต่ทว่า สำหรับคุณชายมู่ผู้นั้นแล้ว อาจจะสูญเสียถึงชีวิต! เฮ้อ ดูเหมือนว่า ควรจะสงบเสงี่ยมเจียมตัว อย่าไปดึงดูดความสนใจจากเจ้านายปีศาจนั่น จะดีที่สุด!

สายลม นำพาความเหี้ยมโหดและพัดผ่านหูไป

ชิ่วๆๆ

เงาสีดำ เคลื่อนไหวด้วยความรวดเร็วท่ามกลางท้องฟ้าในยามวิกาล พลันหายไปอย่างไร้ร่องรอยด้วยความรวดเร็ว!

บนยอดเขาที่ไกลออกไปจากเมืองจื้อ เงาร่างสีดำเงาหนึ่ง ที่สง่าผ่าเผย นางยืนอยู่ท่ามกลางท้องฟ้าสีรัตติกาลและสายลมดั่งรูปปั้นรูปหนึ่ง

ครู่หนึ่ง เงาสีดำที่ปรากฎจากทั่วทุกสารทิศรวมแล้ว 28 คน ต่างมารวมตัวกันข้างหลังตัวนางพลันคุกเข่าลงในทันที

ดูจากภายนอกแล้ว ไม่อาจจะเห็นความแตกต่างจากตัวพวกเขาได้เลยแม้แต่น้อยทั้งความสูงและรูปร่างที่แม้จะแตกต่างกันเพียงเล็กน้อย ล้วนถูกเสื้อคลุมตัวใหญ่ปกปิดเอาไว้

ผู้ที่ยืนอยู่ หมวกสีดำถูกดึงออกด้วยมืออันขาวละเอียดลออ เผยให้เห็นใบหน้าอันงดงามไร้ที่เปรียบของมู่ชิงเกอ ภายใต้เสื้อคลุมสีดำเผยให้เห็นสีแดงโลหิตเป็นครั้งคราว

“จัดการเรียบร้อยแล้วหรือ” มู่ชิงเกอพูดเบาๆ บรรดาผู้คนที่คุกเข่าอยู่บนพื้น คนที่อยู่ใกล้กับนางที่สุดเงยหน้าขึ้น เผยให้เห็นใบหน้าอันเย็นเยียบของมั่วหยาง “รายงานคุณชาย ข้าน้อยได้หลอกล่อผู้มีอำนาจทั้งหลายออกจากเมืองจื้อตามคำสั่งของท่านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในตอนนี้ พวกเขากำลังมุ่งหน้ามายังที่แห่งนี้”

มุ่ชิงเกอพยักหน้าเบาๆ

ในตอนนี้ นางทะลวงสู่สายน้ำเงินขั้นสูงสุดแล้ว ในขณะที่ใช้จิตสัมผัสเมื่อคํ่าวันนี้ นางก็กระจ่างแล้วว่า ผู้มีอำนาจในเมืองจื้อล้วนไม่เหนือไปกว่าสายน้ำเงินขั้นต้น

แต่ทว่า คนของนางมีเพียง 20 กว่าคน นอกจากมั่วหยางที่อยู่ในระดับสายครามขั้นต้นแล้ว ที่เหลือล้วนเป็นสายเขียว

ผู้มีอำนาจทั้งหมดในเมืองจื้อ รวมกันแล้วอย่างน้อยที่สุดก็อาจจะมากกว่า 1,000 คน หากต่อสู้สุดชีวิต อาจจะเสียหายไม่น้อย เพราะฉะนั้นนางจึงเลือกที่จะใช้ไม้แข็งสู้กับไม้แข็ง หากพวกเขาต้องการโอสถในมือของนาง ก็ต้องทำใจที่จะต้องแลกด้วยชีวิต

สายตาของมู่ชิงเกอมีความเย็นเยียบเกิดขึ้น จับจ้องผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์ที่อยู่ข้างหน้า ข้ามผ่านผืนป่านี้ไป ก็จะถึงชานเมืองเมืองอวี้จื้อ

“ไปเตรียมตัว เราจะเข้าสู่ผืนป่า” มู่ชิงเกอกระจายคำสั่งใหม่

หากว่าการที่นางถูกผู้มีอำนาจของเมืองจื้อรอบล้อมเอาไว้ เป็นเกมของคนผู้นั้น ถ้าเช่นนั้น ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป สิทธิ์ในการคุมเกมก็ได้ตกอยู่ในมือของมู่ชิงเกอ นับ ตั้งแต่ที่นางพาคนของตนเองเข้าสู่ผืนป่าอย่างเปิดเผย ก่อนที่ผู้มีอำนาจเมืองจื้อจะตามมาทันเกมนี้ ก็ได้กลับกลายเป็นเกมของนางแล้ว

เกมนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป ไม่ได้เป็นไปตามที่ผู้ที่แอบควบคุมเกมวางแผนเอาไว้อีกต่อไป แต่ทั้งหมดกลับกลายมาเป็นสิทธิ์ของนาง!

“รีบตามไป! พวกเขาจะเข้าไปในผืนป่าแล้ว!” คนกลุ่มแรกที่ตามมาถึงก่อนเห็นกับตาว่ามู่ชิงเกอกำลังพากองทหารเขี้ยวมังกรเข้าสู่ผืนป่า

และในครานี้ นางมิได้หลบซ่อนอีกต่อไป มิหนำซํ้ายังเปิดเผยรูปโฉมของตนเองต่อหน้าผู้คนที่มาตามล่านาง

หันกลับมามองท่ามกลางความมืดครู่หนึ่ง ใบหน้าอันน่าเย้ายวนนั้น ยิ่งกระตุ้นให้ผู้มีอำนาจที่ตามล่าจะต้องเอาชนะให้ได้

“ข้าก่อน!” ก่อนจะเข้าสู่ผืนป่า ทันใดนั้นก็มีคนส่งเสียงห้าม

ผู้คนที่อยากจะจับตัวมู่ชิงเกอและอยากได้โอสถเก้าชีวิตหวนคืนต่างขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ พลันมองผู้ที่ส่งเสียงร้องห้าม

เมื่อพวกเขาพบว่า เจ้าของเสียงนั่นคือคนของตระกูลเนี่ย เนี่ยซงผู้ที่อยู่ในระดับสายนํ้าเงินขั้นต้น ยอดฝีมืออันดับ 1 ของเมืองจื้อ ความไม่พอใจของทุกคนก็ล้วน ถูกเก็บเอาไว้

เนี่ยซงยืนอยู่ข้างหน้าสุดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง พลางพูดอย่างเยือกเย็นว่า “ตระกูลผู้มีอำนาจหลายตระกูลขนาดนี้ไปตามล่าเจ้าหนุ่มนั่นแล้ว ถ้าได้ตัวมาแล้วควรจะทำอย่างไรต่อไป ข้าไม่คิดว่าเจ้านั่นจะมีโอสถเก้าชีวิตหวนคืนมากมายถึงเพียงนั้น”

“แล้วท่านผู้เฒ่าเนี่ยมีแผนการอย่างไรเล่า” มีคนเอ่ยถามขึ้น

ดวงตาของเนี่ยซงเต็มเปี่ยมไปด้วยความหยิ่งยโส พลันเงยหน้าขึ้นและพูดว่า “จัดการกับคนเช่นนั้น ไม่จำเป็นต้องมีแผนการหรอก ข้าเพียงแค่จะบอกกับทุกคนว่า ไม่ว่าเจ้านั้นจะมีโอสถเก้าชีวิตหวนคืนอีกกี่เม็ดก็ตาม ตระกูลเนี่ยของข้าต้องการ 10 เม็ด”

10 เม็ด!

ทุกคนล้วนตื่นตระหนก ยาระดับพลิกฟ้าพลิกปฐพีเช่นนี้ จะมีจำนวนมากมายถึง เพียงนั้นได้อย่างไรเล่า

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version