ตอนที่ 103-2
ผู้อาวุโส ช่างแปลกคนเสียจริง!
ทันทีที่เงาสีดำปรากฏขึ้น ทำให้เหล่าผู้คนที่ตกอยู่ท่ามกลางความเกียจคร้านตื่นตระหนกขึ้นมาในทันใดและรีบพุ่งตัวออกจากที่ซุ่ม
ทันใดนั้น คนของผู้มีอำนาจทุกฝ่าย ต่างก็เผยตัวตนของตนเองออกมา ไร้ซึ่งการปกปิดดังเช่นในตอนแรก
คนของผู้มีอำนาจฝ่ายต่างๆ ต่างสบตาและมองกันด้วยความระแวงอย่างระมัดระวัง
“แย่แล้ว! ปลากำลังจะหนีแล้ว!”
ในขณะที่เงาสีดำพวกนั้นหายไป ก็พลันมีคนทำลายความสงบลง
ในที่สุด คำพูดนี้ก็ทำให้คนของผู้มีอำนาจต่างแตกตื่น
“ตามไป!” กลุ่มของผู้มีอำนาจฝ่ายหนึ่ง ตะโกนขึ้นมา คนและม้ากลุ่มหนึ่งพุ่งตัวออกไปยังทิศทางเดียวกันกับที่คนชุดดำเหล่านั้นกระจายตัวออกไป
เพราะการนำของเขา คนของผู้มีอำนาจฝ่ายอื่นๆ ที่เหลือต่างก็เลือกกลุ่มเป้าหมายของตนเองและตามออกไป ในขณะเดียวกันก็ส่งข่าวเกี่ยวกับ สถานการณ์ของที่นี่กลับไปยังฝ่ายของตนเอง
ในขณะนี้ หน้าประตูเรือนรับรองเหลือคนของผู้มีอำนาจเพียงตระกูลเดียวที่ยังยืนนิ่งอยู่กับที่
คนกลุ่มนั้นก็คือคนของคุณชายจู จูลี่
พวกเขารับหน้าที่มาเฝ้าอยู่ที่นี่ ก็เพื่อที่จะจับตัวมู่ชิงเกอเพื่อล้างแค้นให้กับคุณชายของตนเอง ในตอนนี้ คนของผู้มีอำนาจแต่ละฝ่ายต่างก็กระจายตัวออกไปเพราะ ผู้คนที่พุ่งตัวออกจากเรือนรับรองตระกูลเว่ย แต่พวกเขากลับไม่แม้แต่จะขยับตัว
“หัวหน้า เราควรทำเช่นไรดี” มีคนถามขึ้น
หัวหน้าเผยรอยยิ้มอันเย็นเยียบราวกับมีแผนการ “เป็นเพียงแค่แผนล่อเสือออกจากถํ้าก็เท่านั้น ข้ามั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่า คนที่คุณชายต้องการตัว ในตอนนี้ยังหลบอยู่ภายในเรือนรับรองตระกูลเว่ย”
การวิเคราะห์นี้ของเขา ได้รับคำชื่นชมอย่างมากจากลูกน้องทุกคนในทันที
แต่ทว่า เขากลับไม่รู้ว่า ภายในเรือนรับรองตระกูลเว่ย ในเรือนที่มู่ชิงเกอพักอาศัยอยู่นั้นในขณะนี้ ได้กลายเป็นพื้นที่ว่างเปล่าไปแล้ว เงียบสงบราวกับไม่ เคยมีใครเข้ามาอยู่
ในอีกฝั่งของเรือนรับรอง แสงเทียนสีส้มเหลืองที่ส่ายไปมาสาดประกายความสว่างลงบนร่างของผู้ที่อาศัยอยู่ภายในเรือน
ทั้งเว่ยฉีและเว่ยกว่านกว่านถูกจับมัดเอาไว้กับเก้าอี้ ผู้ที่คอยเฝ้าพวกเขาอยู่ในเรือนหลังนั้นคือลุงโจว
อือๆๆ…” เว่ยกว่านกว่านจ้องลุงโจวเขม็ง พลางดิ้นรนในปากถูกผ้าปิดเอาไว้ ทำได้เพียงแค่ส่งเสียงร้องจากลำคอ
สภาพของเว่ยฉีเองก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน เพียงแค่เขาไม่ได้เอะอะโวยวายและดิ้นรนอย่างเปล่าประโยชน์ แต่ใช้สายตาจับจ้องลุงโจวอย่างกล่าวโทษ
ลุงโจวแอบถอนหายใจอย่างเป็นทุกข์ และแอบคิดในใจว่า คุณชายมู่คิดจะไปก็ไปเลยและทำให้เขากลับกลายเป็นคนเลวอยู่เช่นนี้
แต่ทว่า เพื่อตระกูลเว่ยและเพื่อผู้สืบทอดตระกูลทั้งสอง เขาก็ทำได้เพียงแค่ยอมเป็นคนเลว!
เมื่อล่วงเลยเวลาที่นัดกับมู่ชิงเกอมาพักใหญ่แล้ว ในขณะที่ถูกบีบบังคับด้วยสายตาของผู้สืบทอดตระกูลตัวน้อยทั้งสองในที่สุดลุงโจวก็ยอมเอาผ้าปิดปากออกจากปากของพวกเขา
“ลุงโจวท่านทำอย่างนี้กับพวกข้าได้อย่างไร!”
“ฮือๆๆๆ ท่านไม่รักไม่เอ็นดูกว่านกว่านแล้วรึ”
“ลุงโจวปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ!”
หลังจากที่เว่ยกว่านกว่านและเว่ยฉีได้รับอิสระในการพูดอีกครั้ง ก็รีบเปิดปากทันที
เว่ยฉีสะบัดไหล่ทั้งสองพักหนึ่ง แต่ทว่าเชือกที่มัดตัวอยู่กลับไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย ดวงตาตื่นตระหนกจนแดงก่ำ ทำได้เพียงแค่มองลุงโจวอย่างอ้อนวอน
ในขณะเดียวกัน เว่ยกว่านกว่านเองก็จ้องลุงโจวด้วยดวงตาที่นองไปด้วยนํ้าตา
ตลอดเวลาที่ผ่านมา ในสายตาของนางลุงโจวคือคนที่ยอมนางมาโดยตลอด
แต่ทว่า ในคืนนี้ ลุงโจวกลับใจร้าย ไม่สนใจพวกนาง เพียงแค่พูดอย่างเคร่งขรึมว่า “คุณชาย คุณหนู นี่เป็นคำสั่งของคุณชายมู่ เพื่อความ
ปลอดภัยของพวกท่าน ข้าจำเป็นต้องทำตาม!
สองพี่น้องเว่ยฉีและเว่ยกว่านกว่าน แม้จะดูสติปัญญาไม่สมประกอบในบางครั้ง แต่ก็ไม่ได้โง่เขลา
การที่ลุงโจวมัดทั้งสองเอาไว้ที่นี่ แน่นอนว่าเพราะมู่ชิงเกอ อีกประการหนึ่ง หากเดาไม่ผิด ในขณะนี้มู่ชิงเกอได้ออกไปจากที่นี่แล้ว ลุงโจวจึงได้เอาก้อนผ้าที่อุดปากของพวกเขาออก
“ลุงโจว ท่านรู้หรือไม่ว่าสิ่งที่มู่เกอกำลังจะพบเจอคืออะไร เราเป็นเพื่อนกัน ในขณะที่เขาต้องการความช่วยเหลือ เรากลับไม่อยู่เคียงข้างเขา ต่อไปเราจะเรียกตนเองว่ามีคุณธรรมได้อย่างไร” เว่ยฉีตะโกนอย่างดิ้นรน
เว่ยกว่านกว่านเองก็รีบพูดเสริมว่า “ลุงโจว ผู้มีอำนาจทั่วทั้งเมืองจื้อกำลังตามตัวมู่เกอ เราเป็นคนเดียวที่สามารถช่วยเขาได้ จะทำเป็นไม่สนใจได้อย่างไร หรือว่าสิ่งที่ท่านพ่อคอยพร่ำสอนเรามาตลอดนั้นเป็นเพียงแค่ลมปาก”
ไม่ง่ายเลยที่ทั้งสองพี่น้องจะเข้าข้างกันและช่วยกันออกคนละเสียง จนทำให้ลุงโจวอึดอัดจนหน้าแดงกํ่า ไม่อาจตอบโต้ได้
โชคดีที่ว่า ในช่วงเวลาอันสำคัญนี้ เขายังจำคำพูดที่มู่ชิงเกอเคยพูดได้เป็นอย่างดี
เขารู้ว่าหากปล่อยตัวพี่น้องคู่นี้ไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้จะเกิดผลลัพธ์อย่างไร
เพราะฉะนั้น เขาจึงยอมใจร้ายและกัดฟันพูดกับทั้งสองว่า “คุณชาย คุณหนู เรื่องของคุณชายมู่ เขามีวิธีแก้ป้ญหาของตนเอง หากพวกท่านเป็นเพื่อน ก็ควรจะเชื่อคำพูดของเขา เขาให้พวกท่านไปรอเขาที่เมืองฮ่วน เราจะออกเดินทางไปยังเมืองฮ่วนในวันรุ่งขึ้น และห้ามไปทำลายแผนการของเขาอย่างเด็ดขาด”
“เมืองฮ่วนอย่างนั้นหรือ?! มู่เกอให้เราไปรอที่เมืองฮ่วนอย่างนั้นหรือ” เว่ยกว่านกว่านพูด
“นั่นเป็นเพียงแค่คำพูดของมู่เกอก็เท่านั้น เขาถูกผู้มีอำนาจมากมายถึงเพียงนั้นตามล่า จะกลับไปยังเมืองฮ่วนอย่างปลอดภัยได้อย่างไร” เว่ยฉีตะคอก
เว่ยกว่านกว่านก็กระจ่างในทันที พลันมองลุงโจวด้วยความโกรธว่า “ลุงโจว ท่านเชื่อคำพูดเหล่านี้เนี่ยนะ”
ลุงโจวรู้สึกทุกข์ใจ พลันพูดกับผู้สืบทอดทั้งสองว่า “คุณชายมู่ยังอายุน้อยเพียงนี้ แต่กลับออกมาผจญภัยตัวคนเดียว เห็นได้ชัดว่าเขาสามารถปกป้องตนเองได้ หากเขาพูดเช่นนั้นแล้ว ก็แสดงว่าต้องมีเหตุผลของเขา นายท่านทั้งสองของข้า พวกท่านเพิ่งจะรู้จักเขาเพียงไม่กี่วัน พวกท่านรู้เกี่ยวกับเบื้องหลังของเขามากน้อยเพียงใด ไม่ใช่เพียงแค่ตัวเขา แต่ลูกน้องแต่ละคนของเขาล้วนไม่ธรรมดาและเก่งกาจมากกว่าองครักษ์ตระกูลเว่ยของเราเสียอีก เราเชื่อฟังคำสั่งของคุณชายมู่และไปรอที่เมืองฮ่วนเถอะ”
ดิ้นรนไปก็ไม่มีประโยชน์ เว่ยฉีและเว่ยกว่านกว่านเองก็รู้ว่าคนที่พวกเขาต้องการจะปกป้องได้จากไปนานแล้ว
เมื่อไม่สามารถทำอะไรได้ จึงทำได้เพียงแค่ยอมร่วมมือ
แต่ทว่า เว่ยฉีกลับไม่เห็นด้วยกับแผนการที่ให้ไปรอมู่ชิงเกอที่เมืองฮ่วนและยังยืนยันว่า “เราจะไปรอมู่เกอที่เมืองอวี้จื้อ!” เขายังจำได้ว่าพวกคนที่ต้องอารักขา นัดพบมู่เกอที่เมืองอวี้จื้อในอีก 10 วัน ข้างหน้า
เมื่อเทียบกับการไปรอที่เมืองฮ่วนอย่างทุกข์ใจแล้ว ไปรอที่เมืองอวี้จื้อคงจะดีกว่า
ข้อเสนอของเว่ยฉีได้รับการสนับสนุนจากเว่ยกว่านกว่านในทันที
ลุงโจวไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อไป ขอเพียงแค่ผู้สืบทอดทั้งสองไม่ก่อความเดือดร้อนในเมืองจื้อ อะไรเขาก็ยอม เมื่อคิดทบทวนครู่หนึ่ง เขาก็ตอบตกลงในข้อเสนอของทั้งสอง
ในอีกด้านหนึ่ง เงาร่างในชุดสีดำ 20 กว่าเงานั้น หลังจากที่เพ่นพ่านไปทั่วทั้งเมืองจื้อโดยที่มีคนคอยติดตามอยู่รอบหนึ่งแล้ว ก็มุ่งออกนอกเมืองไป
ยอดฝีมือของเมืองจื้อที่เก่งกาจมากที่สุดก็คงไม่มากไปกว่าสายนํ้าเงินขั้นต้น
สำหรับองครักษ์เขี้ยวมังกรที่เข้าสู่สายเขียวและสายครามแล้ว ความกดดันของพลังที่พัดไปมาบริเวณประตูเมืองเหล่านั้น ไม่ได้ส่งผลกระทบอันใดเลย
อีกประการหนึ่ง บนร่างกายของพวกเขาต่างก็สวมชุดที่เพิ่มความว่องไวและขีดความสามารถมิใช่หรือ
เพราะฉะนั้น ในขณะที่เงาสีดำทั้งหลายทะลุผ่านความกดดันเหล่านั้นและพุ่งตัวออกจากเมืองไป คนมีอำนาจแต่ละตระกูลต่างก็นั่งไม่ติดและสั่งให้ยอดฝีมือในตระกูลไล่ตามเงาพวกนั้นไป